ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 638 เยี่ยเว่ยหมิงผู้เรียบร้อยสง่างาม
ตอนที่ 638 เยี่ยเว่ยหมิงผู้เรียบร้อยสง่างาม
ฉึก!
สองมหาสุดยอดวิชาชนปะทะกัน แต่กลับส่งเสียงเบาๆ เท่านั้น
-127575
เส้นเอ็นขาด!
วิชาพังทลาย!
บาดเจ็บสาหัส!
ศักยภาพของห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้า แม้นอกจากหวังฉงหยางแล้ว อีกสี่คนที่เหลืออยู่ในระดับเดียวกัน แต่ระหว่างพวกเขายังมีความสัมพันธ์แบบเสริมและข่ม
คำกล่าวที่โด่งดังก็คือ ไฟใต้ข่มทองตะวันตก
หรือพูดได้อีกอย่างว่า ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของราชันย์ทักษิณต้วนจื้อซิงข่ม ‘วิชาคางคก’ ของโอวหยางเฟิงได้
แม้การข่มแบบนี้จะค่อยๆ เลือนลางไปเมื่อความสามารถของทั้งสองเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ถูก ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ ข่มโดยธรรมชาติ แต่หากผู้ที่ใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ คือหวังฉงหยาง โจวปั๋วทง หรือเยี่ยเว่ยหมิง ต่อให้ยอดฝีมือระดับเดียวกันใช้ ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่สุดท้ายการข่มก็ยังมีหลักการของการข่ม
ยกตัวอย่างเช่นในบรรดาห้ายอดฝีมือ อี้เติงสู้กับโอวหยางเฟิง แม้จะไม่กล้าบอกว่าจับอีกฝ่ายโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวแบบเต็มร้อย แต่ความได้เปรียบโดยธรรมชาติบางอย่างก็ยังไม่ใช่ปัญหาใดๆ
‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของเยี่ยเว่ยหมิงแม้จะไม่ได้ฝึกการชำนาญ ยังไม่ถึงขั้นข่มโอวหยางเฟิงได้ทุกกระบวนท่า แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเขามีประสิทธิภาพของ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ในเวอร์ชันที่แข็งแกร่งกว่า นั่นก็คือ ‘กระบี่จงชง’ ใน ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’!
ใช้ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ที่มีเพียงกระบวนท่าเดียว หากพูดถึงประสิทธิภาพในการต่อสู้จริง ก็อาจไม่ได้ผลเท่า ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ที่เป็นทักษะการโจมตีหลัก แต่หากพูดถึงประสิทธิภาพของการปะทะกันด้วยกำลัง ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ก็ยังห่างไกลอีกหลายถนน!
ดูจากประสิทธิภาพที่มองเห็นได้โดยตรง
การใช้ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ โจมตี ส่วนใหญ่เน้นทำลายจุดลมปราณและอวัยวะภายในเป็นหลัก แต่เมื่อ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ โจมตีถูกบนร่างกาย ก็จะเกิดเป็นรูชัดเจน
โอวหยางเฟิงไม่รู้เลยว่ามีวิชาศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ นี้อยู่ ในสถานการณ์ที่ศักยภาพของตนเองถูกกดให้เท่าเยี่ยเว่ยหมิง เขาบุ่มบ่ามใช้ ‘วิชาคางคก’ ที่ถูกข่มเพื่อไปตบกระบี่จงชงของเยี่ยเว่ยหมิง ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ
และผลลัพธ์จากการหาเรื่องใส่ตัวของเขาก็คือ ภายใต้การโจมตีนี้ครั้งเดียว ทำให้ถูกเยี่ยเว่ยหมิงพรากพลังชีวิตไปแสนกว่าแล้ว บวกกับติดสถานะด้านลบอีกสามรายการ!
เมื่อถูกโจมตีครั้งนี้ โอวหยางเฟิงก็ยิ่งถอยหลังต่อเนื่องหลายก้าว แทบจะตกลงจากต้นท้อแล้ว
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่โจมตีสำเร็จหนึ่งครั้ง จู่ๆ บนตัวกลับมีกลิ่นอายที่น่ากลัวปะทุออกมา
ขณะเดียวกัน กระบี่ไร้โลหิตที่เพิ่มกำลังภายใน 100% ก็ถูกเขาเรียกออกมาจากกระเป๋าแล้ว
กระบี่ที่กุมอยู่ในมือฟันปราณกระบี่ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมหนึ่งสายออกมาทางโอวหยางเฟิงที่กำลังกระเด็นถอยหลังอย่างรวดเร็ว!
มารสวรรค์ทลาย!
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงฟันปราณกระบี่ที่น่ากลัวกว่ากระบี่จงชงสิบเท่าออกมา ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ตรงนั้นก็พากันตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ทุกคนคิดมาตลอดว่าเขาเป็นเด็กพี่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่มีความเคารพยำเกรงผู้อาวุโสเลยสักนิด ท้าทายโอวหยางเฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า จัดเป็นประเภทลูกวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือ
กระทั่งได้เห็นเขาใช้ ‘กระบี่จงชง’ แล้วถึงได้เข้าใจ เขากำลังท้าทายเสียที่ไหนกัน
เห็นได้ชัดว่าเขาเก็บกดจะแย่อยู่แล้ว เตรียมจะวางกับดักโหดๆ กับโอวหยางเฟิงสักครั้ง
ฉวยโอกาสตอนที่โอวหยางเฟิงถูกเขาโจมตีซ้ำจนถอยหลัง ขอเพียงออกแรงอีกหน่อย ก็อาจทำได้ถึงขั้นพลิกสถานการณ์ได้สำเร็จ โจมตีรุ่นปรมาจารย์ที่มีฉายาว่าพิษประจิมให้ตกจากต้นไม้ได้แล้ว!
การประลองสนามแรก เจ้าหมอนี่ใช้กำลังภายในที่เดิมทีก็ทนได้นานกว่าคนอื่นอยู่แล้วมาสู้ ทำให้ห้ายอดฝีมือต้องหาโอกาสเป็นฝ่ายหยุดลงมือเอง เท่านั้นก็ทำให้คนพูดไม่ออกแล้ว
แต่ครั้งนี้ ในการประลองที่แข่งกันว่าใครจะอยู่บนต้นไม้ได้นานกว่ากัน เขาถึงขั้นมีโอกาสโจมตีให้พิษประจิมโอวหยางเฟิงตกลงจากต้นไม้ด้วย จากนั้นก็ยืนทรงตัวอย่างมั่นคงบนยอดไม้เพื่อโอ้อวดความเก่ง
น่าเกรงขามหรือไม่
เผด็จการหรือไม่
ไม่!
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่ยอดฝีมือหลายคนที่อยู่ตรงนี้นับว่าดูออกแล้ว ว่าเป้าหมายของเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่แค่การโจมตีโอวหยางเฟิงลงมาจากต้นไม้แน่นอน
หลังจากที่ใช้กระบี่นี้ต่อจาก ‘กระบี่จงชง’ ก็ดูออกแล้ว ว่าเจ้าเด็กนี่ต้องการจะฟันโอวหยางเฟิงที่อยู่ในสถานะทำภารกิจให้ตาย แล้วดรอปดรอปอุปกรณ์!
เพราะหากต้องการสังหารโอวหยางเฟิง ก็จะต้องรีบสู้รีบจบ โจมตีให้ตายภายในครั้งเดียว
ไม่อย่างนั้นขอเพียงเท้าของอีกฝ่ายแตะพื้น ก็จะปลดค่าสเตตัสและกำลังภายในทันที เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับ BOSS ใหญ่เลเวลร้อยแปดสิบที่ติดสถานะบาดเจ็บสาหัส
ฆ่าคนดรอปอุปกรณ์?
หึหึ!
แต่ในทางกลับกัน ขอเพียงโอวหยางเฟิงไม่ฟื้นฟูสถานะ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะถูกปราณกระบี่ของเขาปลิดชีพให้พังพินาศไปพร้อมกัน!
แบบนี้ใช้คำว่าบ้าระห่ำมาบรรยายไม่ได้แล้ว
ต้องใช้คำว่าใจกล้าคับฟ้า
ทว่าอย่างไรเสียโอวหยางเฟิงก็เป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้า! แม้ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ใช่ว่าจะถูกฟันตายได้ง่ายขนาดนั้น
ยามเผชิญหน้ากับกระบี่ที่บุกเข้ามาอย่างดุดันของเยี่ยเว่ยหมิง โอวหยางเฟิงที่ติดสถานะบาดเจ็บสาหัสพลันออกแรงที่สองเท้า กระโดดสูงขึ้นมากลางอากาศ หลบปราณกระบี่ที่ราวกับตัดฟันได้ทุกสิ่งอย่างหวุดหวิด
เขาหลบพ้นแล้ว แต่ต้นท้อที่อยู่ใต้เท้ากลับโชคร้าย
ท่านต้นไม้ที่ไร้เกราะปราณแท้ เมื่อถูก ‘มารสวรรค์ทลาย’ ของเยี่ยเว่ยหมิงฟันกระบี่เดียว ยอดพุ่มของมันก็หายไปเกินครึ่ง เหลือเพียงกิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงเหยียบกิ่งเดียว
ส่วนโอวหยางเฟิงที่หลบการโจมตีอันน่าหวาดเสียวได้ เดิมทีก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปแล้ว วันนี้ใต้เท้าว่างเปล่า ต่อให้อยากจะช่วยแต่ก็หมดหนทางอยู่ดี
ภายใต้ความจนใจ เขาทำได้เพียงปล่อยให้ตัวเองตกลงมาที่พื้น
ตอนที่สองเท้าเหยียบพื้น โอวหยางเฟิงก็รู้สึกเพียงว่าในใจตัวเองเหมือนมีแกะนับหมื่นตัววิ่งผ่าน
พังแล้ว พังแล้ว!
ชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของข้า วันนี้พังทลายหมดแล้ว!
สำหรับหวงหรงที่ไม่ได้รู้สึกดีกับเจ้าตัวพิษจากเขาอูฐขาวอยู่แล้ว จึงแสดงออกอย่างมีเหตุผลเต็มที่ว่า ไม่มีทางเข้าใจความกลัดกลุ้มที่ก้าวพลาดหนึ่งครั้งนำไปสู่ความเกลียดชังหมื่นปีของอีกฝ่ายได้ เห็นนางกระโดดสูงอย่างตื่นเต้นมาก ทั้งยังสาดแผลใส่เกลือโอวหยางเฟิงอีก “ชนะแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงชนะแล้ว!”
“การประลองสนามที่สองของวันนี้ เดิมทีเป็นการแข่งว่าในบรรดาผู้เล่นห้าคน ใครจะทนการโจมตีของผู้อาวุโสได้นานกว่ากัน แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับทำภารกิจสำเร็จเหนือความคาดหมาย…
…เขาโจมตีโอวหยางเฟิง หนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้า ฉายาพิษประจิม ตกต้นไม้แล้ว!…
…อันดับหนึ่งของการประลองสนามนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเก่งสมคำร่ำลือ ต่อให้สะพานสวรรค์คริสตัลก็อาจทำได้เหมือนเขา แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็สร้างวีรกรรมนี้ได้ก่อน…
…ดังนั้น เขาคืออันดับหนึ่งอย่างสมเกียรติ!”
“ไม่!”
ตอนที่พิธีกรหวงหรงกำลังฮึกเหิมและพยายามสาดเกลือใส่แผลโอวหยางเฟิง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเอ่ยปากตะโกนห้ามนาง จากนั้นกระโดดลงจากต้นท้อช้าๆ แล้วอธิบายอย่างมีหลักฐานและเหตุผล “เมื่อครู่นี้ หลังจากข้าฟันกระบี่นั่นออกไปก็เกิดหมดแรงชั่วขณะ ยืนทรงตัวบนต้นไม้ไม่ได้ ดังนั้นผู้อาวุโสโอวหยางจึงตกจากต้นไม้ไปก่อน…
…เรื่องนี้ผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ตรงนี้เป็นพยานได้”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่อย่างสง่างาม “ข้าไม่ใช่แค่แพ้ให้ผู้อาวุโสโอวหยางเท่านั้น ทั้งยังแพ้ให้กับผู้เล่นอีกสี่คนที่ตกลงจากต้นไม้ด้วย…
…อิงตามกติกาการประลอง ข้าได้เพียงสี่คะแนนเท่านั้น”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง ยอดฝีมือทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเด็กหนุ่มผู้มีความสามารถโดดเด่นคนนี้แล้ว
ผู้เรียบร้อยสง่างาม
ชนะแต่ถ่อมตัว
ไม่ตระหนกแม้ถูกหยาม
เป็นเยาวชนตัวอย่าง
เป็นผู้มีความสามารถโดดเด่นในหมู่ชาวยุทธ์รุ่นหลัง จิตใจงามและไร้ความเห็นแก่ตัว!
เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์หายากเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีอคติ ลึกๆ ในใจดูถูกเขาอยู่บ้าง