ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 643 เหตุการณ์รุนแรงของผู้เล่น
ตอนที่ 643 เหตุการณ์รุนแรงของผู้เล่น
ผู้เล่นที่ล้อมโจมตีเปาปู้ถงตอนนี้มีทั้งหมดเจ็ดคน ในจำนวนนั้นมีสี่คนที่เยี่ยเว่ยหมิงรู้จัก
ได้แก่เชิญร่ำสุรา อินปู้คุย ฉางซิงอวี่และเสวียนเสี่ยวปี่
การแต่งกายและทักษะยุทธ์ของอีกสามคนมาจากหลากหลายสำนัก เหมือนว่านอกจากสามคนของอู่ตังแล้ว อีกสี่คนที่เหลือก็เป็นผู้เล่นที่มาจากสำนักต่างกัน
“อาหมิง!” ใต้ร่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปจากคนกลุ่มนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่คุณเคยดังมา
เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งมาถึงก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรุมซ้อมเปาปู้ถงจึงถูกดึงดูดความสนใจไปชั่วขณะ ผลปรากฏว่าตอนที่เขากำลังไตร่ตรองว่าจะใช้ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ร่วมโจมตีเพื่อทำให้เปาปู้ถงยืนตรงอย่างกล้าหาญดีหรือไม่ จู่ๆ กลับได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตน พอหันไปมองก็เห็นเฟยอวี๋กับซานเย่ว์มาถึงตั้งนานแล้ว มือปราบสองคนนี้ยืนเคียงกันโดยเว้นระยะระหว่างกันและห้าเมตร
เหมือนกับว่าพวกเขาก็มาดูคนอื่นตีกันเหมือนกัน
ร่างถลันวูบ เยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าร่างทันที พอลอยไปถึงตรงหน้าทั้งสองแล้ว ก็ถามว่า “สถานการณ์ทางฝั่งนั้นเป็นอย่างไรกันแน่”
“หัวข้อหลักของภารกิจในเรื่องวันนี้ ควรจะเป็นงานชุมนุมใหญ่สวนบ๊วยพรรคกระยาจกไม่ใช่หรอกหรือ เป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคกระยาจกกับสกุลมู่หรง ทำไมถึงกลายเป็นกลุ่มผู้เล่นรุมซ้อมเปาปู้ถงเสียแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น เฟยอวี๋ก็แสยะยิ้มเหยียดหยาม “จะเป็นเรื่องอะไรได้อีกล่ะ ก็รนหาที่ตายเองน่ะสิ”
อาจเพราะรู้สึกว่าเฟยอวี๋อธิบายลวกๆ เกินไป ซานเย่ว์จึงอธิบายต่อ “จากที่ข้าสังเกตมานาน ข้าสรุปได้ว่าในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ NPC แบ่งได้ทั้งหมดสามแบบ แบบผู้อาวุโสผู้สูงส่ง แบบชาวยุทธ์ผู้กล้าหาญ แบบรากหญ้าในยุทธภพ แต่เปาปู้ถงคนนี้ค่อนข้างแตกต่าง เขาไม่จัดเป็นแบบไหนในสามแบบที่ว่ามาเลย”
“แล้วเขาจัดเป็นแบบไหน” เยี่ยเว่ยหมิงอดถามต่อไม่ได้
ซานเย่ว์ชำเลืองเปาปู้ถงที่โดนซ้อมจนแบนอย่างดูถูกปราดหนึ่ง พร้อมบอกว่า “เขาจัดเป็นแบบที่อยู่ดีไม่ว่าดี!…
…เดิมทีตอนที่พรรคกระยาจกมารวมตัวกัน มีผู้เล่นมากมายได้รับคำเชิญจากศิษย์ของพรรคกระยาจกกับสกุลมู่หรงเพื่อให้มาช่วยต่อสู้ ผลปรากฏว่าหลังจากทุกคนเจอกัน แค่คุยกันไม่กี่คำเปาปู้ถงก็เริ่มพูดจาไร้สาระแล้ว…
…ตอนแรกเขาบอกว่าเชิญร่ำสุราเป็นหญิงก็ไม่ใช่เป็นชายก็ไม่เชิง เป็นคนหยินหยาง ก้นเปื่อย จากนั้นก็ปะทะฝีปากกับผู้เล่นคนอื่นอีก คำพูดเยาะเย้ยเสียดสีต่างๆ ขอเพียงเป็นข้อเสียที่มองเห็นได้ชัด ก็ถูกเขานำมาด่ารอบหนึ่ง”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นนิสัยของเปาปู้ถงจริงๆ
แต่ว่า…
มองอินปู้คุย ฉางซิงอวี่และเสวียนเสี่ยวปี่ที่ลงมือค่อนข้างโหดแวบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “คนอื่นข้าไม่รู้หรอกนะ แต่สามคนจากอู่ตังนั่น ภาพลักษณ์ของพวกเขาเหมือนจะกล้าหาญ มีเกียรติและถูกต้องไม่ใช่หรือ แม้จะไม่นับว่าเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่บนตัวไม่มีข้อเสียอะไรชัดเจนนี่…
…เปาปู้ถงเจอพวกเขาครั้งแรก ไปยั่วโมโหพวกเขาจนร้อนรนได้อย่างไร”
“เจ้าพูดไม่ผิดหรอก เปาปู้ถงไม่ได้แขวะพวกเขา” ซานเย่ว์กล่าวอย่างจนใจเล็กน้อย “เขาก็แค่ดูถูกจางซานเฟิง บอกว่าจางซานเฟิงแก่เพราะอยู่นาน รู้จักแต่หลบอยู่บนเขาอู่ตังและเสแสร้งทำเป็นผู้สูงส่งที่อยู่นอกสังคม ลูกศิษย์ถูกทำร้ายจนพิการแล้ว ผ่านไปสิบกว่าปีก็ยังไม่กล้าลงจากเขามาตามหาคนร้าย”
เอาอย่างนั้นก็ได้ เปาปู้ถงมีทักษะการเข้าสังคมระดับสุดยอด เขาทำให้คนที่เดินผ่านหรือแม้กระทั่งพันธมิตรกลายเป็นศัตรูได้ง่ายๆ
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วเริ่มดูการต่อสู้อยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกของคนนอกเช่นกัน เขาดูพฤติกรรมเลวร้ายของพวกเชิญร่ำสุราที่ไม่โจมตีจุดสำคัญ แต่ค่อยๆ ทรมานจนค่าพลังชีวิตของเปาปู้ถงลดลง เห็นแล้วรู้สึกสบายตาสบายใจเป็นพิเศษ
พอกลอกตาไปที่อื่น จู่ๆ ก็พบว่าอีกด้านหนึ่งของสนามต่อสู้มี NPC สาวสวยสามคนยืนอยู่ ทุกคนมีสีหน้าร้อนรน
พวกนางคืออาจูกับอาปี้ คนที่เคยช่วยชีวิตเยี่ยเว่ยหมิงที่น่านน้ำกูซู แล้วตอนหลังก็ได้รับการช่วยชีวิตจากเยี่ยเว่ยหมิงอีก รวมทั้งหวังอวี่เยียนที่ออกมาท่องยุทธภพกับพวกนาง
ด้านหลังของ NPC สาวสวยสามคนก็มีผู้เล่นกลุ่มใหญ่ยืนอยู่เช่นกัน แต่พวกเขาเลือกดูอยู่ข้างๆ ในโหมดคนยุ่งเรื่องชาวบ้าน ถึงขั้นว่าเมื่อเห็นเปาปู้ถงถูกโจมตีอย่างรุนแรง ในดวงตาก็ฉายแววตื่นเต้นด้วย
ตอนนี้กลับได้ยินซานเย่ว์บอกว่า “ที่จริงแล้วเปาปู้ถงไม่ได้หาเรื่องแค่ผู้เล่นคนอื่นเท่านั้น ตอนแรกผู้เล่นที่ชื่อข้ากำลังหาของจากสกุลมู่หรงกำลังประลองอยู่กับเชิญร่ำสุราแต่ถูกเชิญร่ำสุราโจมตีแพ้ จากนั้นก็ถูกเปาปู้ถงด่าว่าเป็นขยะ ทั้งยังบอกอีกว่าศิษย์พี่ของพวกเขาก็เป็นขยะเหมือนกันหมด คนที่เหลือก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร ถึงขั้นเป็นขยะในกองขยะด้วย…
…หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหันไปแขวะคนอื่น จึงโดนรุมจากผู้เล่น แต่ผู้เล่นจากสกุลมู่หรงแสร้งทำเป็นไม่เห็น ไม่มีใครก้าวออกมาช่วยเขาสักคน”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าไม่หยุด เจอสหายร่วมทีมเช่นนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นตนก็ยอมได้รางวัลภารกิจน้อยลงน้อยลง แล้วก็ดูเขารนหาที่ตายเองโดยไม่ช่วยอะไร
ตอนนี้จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าการที่มู่หรงฟู่สังหารเปาปู้ถงก่อนเรื่องจบ บางทีอาจไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบก็ได้ แต่เป็นเพราะความแค้นที่สะสมมานานแล้ว พอได้ยินประโยคที่บอกว่า ‘ไม่ซื่อสัตย์ ไม่กตัญญู ไร้ความกรุณา ไม่ยุติธรรม’ ความแค้นที่สะสมก็ปะทุออกมา
เป็นเรื่องน่าขำ บางทีทุกคนอาจจะเข้าใจได้ว่าความแค้นที่มู่หรงฟู่มีต่อเปาปู้ถงนั้นลึกซึ้งขนาดไหน
“คุณชาย ต่อให้ท่านเป็นศัตรูกับคนทั้งใต้หล้า แต่ข้าเปาปู้ถงก็ขอสาบานว่าจะติดตามจนตัวตาย ไม่ทิ้งไปไหนแน่นอน!” เปาปู้ถงเอ่ย
มู่หรงฟู่ “???”
“ข้าต้องการฟื้นฟูต้าเยี่ยน ต้องสานสัมพันธ์อันดีกับเหล่าจอมยุทธ์ ต้องเอาชนะใจคนให้ได้ ต้องฟื้นฟูบ้านเมืองถึงจะมีหวังที่จะประสบความสำเร็จ ในสถานการณ์เช่นนี้ ทำไมข้าต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งใต้หล้าด้วย”
เปาปู้ถง “ไม่เป็นไร คุณชาย ข้าจะช่วยท่านเอง!”
เมื่อพูดแบบนี้นานๆ ไป มู่หรงฟู่จะแค้นเขาขนาดไหนกัน
ถ้าไม่ฆ่าเขาแล้วจะฆ่าใคร!
ถึงแม้เปาปู้ถงจะน่ารังเกียจ แต่ NPC คนอื่นๆ ฝั่งสกุลมู่หรงส่วนใหญ่ก็ดีมาก เยี่ยเว่ยหมิงพูดทิ้งท้ายว่า “เข้าไปทักทายฝั่งนั้นสักหน่อย” แล้วก็ขยับเท้าให้ร่างถลันไปตรงหน้าพวกหวังอวี่เยียนทันที
“แม่นางอาจู แม่นางอาปี้ แม่นางหวัง สบายดีไหม” เยี่ยเว่ยหมิงทักทายโดยเรียงลำดับจากความสนิทสนมส่วนตัว
เมื่อเห็นดังนั้น หวังอวี่เยียนก็หันกลับมาสงสัยตาให้อาจูทันที อาจูแม้จะรู้สึกจนใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังเอ่ยก่อนว่า “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย แม่นางหวังอยากถามท่านว่า หากนางยินดีมอบตำราลับทักษะยุทธ์ระดับกลางให้ท่านหนึ่งเล่มเพื่อเป็นรางวัล ท่านจะยื่นมือช่วยพี่เปาซานได้หรือเปล่า”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วถามอย่างลำบากใจนิดหน่อย “ให้ข้าไปช่วย?…
…เกรงว่าจะไม่ดีกระมัง…
…ข้ารู้สึกว่าพวกเขาเจ็ดคนก็เพียงพอแล้ว…
…เรื่องรุมทำร้ายคนอื่น ไม่ใช่ลักษณะของข้าจริงๆ!”
หวังอวี่เยียน “???”
อาจู “???”
อาปี้ “???”
……
จะว่าไปแล้ว เจ้าคงไม่คิดว่าหวังอวี่เยียนจะนำตำราลับทักษะยุทธ์ออกมาหนึ่งเล่ม เพื่อขอให้เจ้าช่วยสังหารเปาปู้ถงหรอกใช่ไหม
ขอร้อง เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเราชัดๆ!
เมื่อเห็นหลายคนทำสีหน้าตั้งคำถาม เยี่ยเว่ยหมิงก็ยักไหล่แล้วบอกว่า “พวกเจ้าเองก็เห็นว่าเปาปู้ถงน่าแค้นขนาดไหน แม้แต่ผู้เล่นฝั่งพวกเขาเอง หรือแม้แต่แม่นางหวังเองก็ไม่ได้บอกให้ช่วยเขา ข้าไม่ได้อยากได้ตำราลับทักษะยุทธ์แล้วกลายเป็นเป้าโจมตีของฝูงชนหรอก!”
หวังอวี่เยียนได้ยินแล้วยิ้ม “ที่จริงข้าไม่อยากเอ่ยปากเอง”
ฟิ้ว!…ปั้ง
ตอนที่หวังอวี่เยียนไม่พูดก็ยังดีอยู่ แต่พอนางเพิ่งพูด เชิญร่ำสุราที่กำลังล้อมเตะเปาปู้ถงโยนระเบิดควันออกมาลูกหนึ่งโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ระเบิดมาตกอยู่ระหว่างสนามต่อสู้กับหวังอวี่เยียน ระเบิดควันกลุ่มใหญ่ออกมา ปิดกั้นการมองเห็นระหว่างสองฝั่งโดยสิ้นเชิง
ก็ได้ มาถึงป่านนี้แล้ว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็รู้แล้วว่าทำไมแม้แต่หวังอวี่เยียนก็ยังช่วยพูดให้เปาปู้ถง พอเอ่ยปากก็ถูกระเบิดควันปิดกั้นการมองเห็นทันที ไม่มีทางชี้แนะได้เลย
เมื่อโดนซ้อมนานขนาดนั้น แม้จะไม่มีใครตั้งใจทักทายจุดสำคัญบนร่างกาย แต่พลังชีวิตของเปาปู้ถงก็ยังลดลงอย่างบ้าคลั่งอยู่ดี หลังจากควันสลายไปแล้ว ในที่สุดเขาก็หายไปโดยสิ้นเชิงเพราะถูกกระบี่ของเชิญร่ำสุราแทงหัวใจจากข้างหลัง
“อา!”
เปาปู้ถง ตาย!
“พี่เปาซาน!”
ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ถึงแม้เปาปู้ถงจะเป็นคนปากเสีย แต่ก็มีสหายที่ดีของตนเองเช่นกัน
ตอนที่เจ้าคนปากดีกำลังถูกรุมซ้อมจนตาย พวกผู้เล่นแบ่งไอเทมดรอปกันเสร็จแล้ว นอกฝูงชนก็มีเสียงเกรี้ยวกราดอันน่าตกใจดังขึ้น จากนั้นก็เห็นชายรูปร่างกำยำคนหนึ่งถือดาบพุ่งเข้ามา หมายจะสังหารพวกเชิญร่ำสุรา
เมื่อเห็นผู้ที่มาไม่เป็นมิตร เชิญร่ำสุรากับพวกสหายก็หยุดโบกอาวุธสับร่างเปาปู้ถงทันที พวกเขาถอยหลังพร้อมกัน แล้วมองไปยังผู้ที่มาอย่างระแวดระวัง
กลับเห็นคนคนนี้กอดศพเปาปู้ถงร้องไห้ครู่หนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นอีกครั้ง โบกดาบล้ำค่าในมือชี้ไปทางพวกเชิญร่ำสุรา “เจ้าพวกเวร ไม่น่าเชื่อว่าจะลงมือกับพี่เปาซานของข้า ข้าเฟิงปัวเอ้อจะสู้ตายกับพวกเจ้า!”
ท่ามกลางเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด เหนือศีรษะก็เผยค่าสเตตัส BOSS แล้ว
[เฟิงปัวเอ้อ]
หนึ่งในสี่ข้ารับใช้ของสกุลมู่หรงแห่งกูซู ผู้คนขนานนามว่าลมแห่งเจียงหนาน บ้านเสวียนซวงเจ้าบ้าน
เลเวล: 74
พลังชีวิต: 240000/240000
กำลังภายใน: 80000/80000
……
ตอนเฟิงปัวเอ้อยังไม่เผยค่าสเตตัส BOSS ก็ยังดีอยู่ แต่พอเปิดเผยค่าสเตตัส BOSS ของตัวเองออกมา ผู้เล่นเจ็ดคนที่นำโดยเชิญร่ำสุราก็ยิ้มไม่ออกทันที
ดูจากท่าทางการลงสนามของเขา เดิมทีก็นึกว่าเป็นยอดฝีมืออะไรที่ไหน
ผลปรากฏว่าเลเวลยังเทียบกับเปาปู้ถงไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วยังจะลังเลอะไรอยู่อีก
เป็นเพียง BOSS เลเวลเจ็ดสิบสี่เท่านั้นเอง เชิญร่ำสุรากับฉางซิงอวี่ที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเจ็ดคนนี้ หากเลือกพวกเขามาสู้ตัวต่อตัวก็ไม่มีความกดดันใดๆ เลย
แล้วนับประสาอะไรกับเจ็ดรุมหนึ่ง
ในบรรดาเจ็ดคนนี้ ผู้ที่ครองตำแหน่งฝ่ายรุกก็คือเชิญร่ำสุรา เขากล่าวเสริมกำลังใจทันที “สหายทั้งหลาย ฆ่าเขา!”
“ได้!”
หลังจากอีกหกคนเอ่ยรับ ก็ต่างคนต่างนำอาวุธออกมา ล้อมโจมตีไปทางเฟิงปัวเอ้อแล้ว เตรียมจะถือโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน ดรอปของจาก BOSS อีกสักครั้ง
หวังอวี่เยียน อาจูและอาปี้เป็นดังนั้นก็ร้อนใจมาก แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
แต่ยังดีที่ในที่สุดตอนนี้กลุ่มผู้เล่นของสกุลมู่หรงที่นำโดยข้ากำลังหาของก็นั่งไม่ติดที่แล้ว
ก่อนหน้านี้พวกข้าเห็นพวกเจ้าสังหารเปาปู้ถง เป็นเพราะเจ้าหมอนั่นนหาเรื่องใส่ตัวเอง ถูกรุมซ้อมจนตายก็สมน้ำหน้าแล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงยอมทิ้งระดับภารกิจทั้งหมด แต่ไม่ยอมลงมือช่วยเจ้าคนปากเสียคนนี้
แต่เฟิงปัวเอ้อนั้นต่างกัน!
แม้เจ้าหมอนี่จะไม่ได้น่าเอ็นดู แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้น่ารังเกียจมาก
หากถูกพวกเจ้าสังหารตายไปอย่างนี้ เช่นนั้นคะแนนสะสมในภารกิจของพวกเราก็จะถูกหักไปเปล่าๆ ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ลง พวกเจ้าเลยคิดว่าผู้เล่นสกุลมู่หรงอย่างพวกเราไม่ได้อยู่ตรงนี้หรือ
ดังนั้น กลุ่มผู้เล่นสกุลมู่หรงจึงลงมือพร้อมกัน ผู้เล่นหลายร้อยคนพุ่งเข้าไปหาพวกเชิญร่ำสุรา
“พี่น้อง อย่าปล่อยคนของสกุลมู่หรงบ้าระห่ำเกินไป ให้เจ้าเวรพวกนี้ได้รู้เสียบ้างว่าสวนบ๊วยคือสถานที่ของพรรคกระยาจก!”
“สังหารพวกเขา!”
ในกระบวนทัพของพรรคกระยาจกที่อยู่อีกด้าน ไม่รู้ว่าใครส่งเสียงปลุกใจ ผู้เล่นหลายร้อยคนลงมือพร้อมกัน โจมตีไปทางกลุ่มผู้เล่นสกุลมู่หรง
เมื่อเห็นว่าการต่อสู้ของผู้เล่นพันคนกำลังจะเกิดขึ้น เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกลาพวกหวังอวี่เยียนแล้วกลับมาอยู่กับกลุ่มสำนักมือปราบเทพอีกครั้ง ยืนดูต่อไปในจุดยืนของบุคคลที่สาม
ตอนนี้เอง จู่ๆ ข้างหูกลับมีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น
[ติ๊ง! พรรคกระยาจกกับสกุลมู่หรงเกิดศึกระหว่างสำนัก ผู้เล่นทุกคนในสวนบ๊วยเลือกเข้าร่วมฝั่งใดก็ได้ สังหารศัตรูได้จะได้รับคะแนนสะสม หลังจากภารกิจจบแล้วนำมาแลกเป็นรางวัล]
[กรุณาเลือก]
ค่ายพรรคกระยาจก / ค่ายสกุลมู่หรง / ไม่ยุ่งเกี่ยว
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ ผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้เล่นพรรคกระยาจกกับสกุลมู่หรงก็ได้รับการแจ้งเตือนแบบเดียวกัน ในจำนวนนั้นย่อมรวมเฟยอวี๋กับซานเย่ว์ด้วย
หลังจากได้รับเสียงแจ้งเตือนของระบบ ซานเย่ว์ที่ยืนหยัดว่าจะไม่ตัดสินใจเองหากมีเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ด้วยก็เอ่ยถามทันที “อาหมิง พวกเราเลือกอะไรดี”
“แน่นอนว่าเลือกไม่เข้าร่วมการต่อสู้!” ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงยกธงแสดงท่าทีของตัวเองชัดเจน “อย่าลืมนะว่าพวกเรามีภารกิจของสำนักให้มาสืบหาความจริงเพื่อหยุดยั้งไม่ให้มีคนปลุกปั่นคลื่นลมในยุทธภพ…
…ต้องทำจุดนี้ให้ได้ ต้องรักษาท่าทีให้อยู่เหนือความขัดแย้งไปตลอดสิ…
…จะเป็นฝ่ายพาตัวเองเข้าไปอยู่ในคลื่นลมไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหากถึงคราวที่พวกเราต้องพูด ก็ยากที่จะรักษาความเที่ยงธรรมของคนกลางแล้ว อย่างน้อยในสายตาคนอื่นก็คิดเช่นนี้”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง ซานเย่ว์ก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที “อาหมิงสุดยอดอีกแล้ว แม้เจ้าเพิ่งจะโผล่มา แต่กลับวิเคราะห์เรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่ง ข้าสนับสนุนเจ้า ข้าเลือกไม่ขอยุ่งเกี่ยว!”
เฟยอวี๋ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ข้างๆ จากนั้นก็เลือกเหมือนกับซานเย่ว์เงียบๆ
ทั้งสามของสำนักมือปราบเทพเลือกที่จะดูอยู่เฉยๆ แต่ผู้เล่นของทั้งสองฝั่งกลับตีกันจนเละเป็นโจ๊ก
เชิญร่ำสุรากับอู่ตังที่จริงก็อยากจะเลือกเป็นกลาง จะรุกหรือถอยก็ย่อมได้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ก่อนหน้านี้พวกเขาสังหารเปาปู้ถงตายไปแล้ว ตอนนี้หากจะวางตัวเป็นกลางก็ไม่ต่างอะไรกับตือโป๊ยก่ายส่องกระจก ในนอกไม่ใช่คน[1] ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเลือกเดินเส้นทางนี้ให้สุดทาง สู้ตายพร้อมกับพรรคกระยาจก เข้าร่วมศึกตะลุมบอนแล้ว
นี่คือศึกใหญ่ที่เกิดภัยร้ายต่อคนหมู่มาก ผู้เล่นทุกคนล้วนมีคะแนนเริ่มต้นหนึ่งคะแนน หลังจากกำจัดศัตรูแล้วก็จะได้คะแนนสะสมทั้งหมดบนตัวของศัตรู ไม่อยู่ในโหมดนี้ กำลังพลของทั้งสองฝ่ายย่อมเข่นฆ่ากันอย่างบ้าระห่ำโดยไม่ออมแรง
ในศึกตะลุมบอนแบบนี้ ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเริ่มกลายเป็นแสงสีขาวหายไปอย่างต่อเนื่อง ชั่วขณะนั้นบนสนามรบมีแสงระยิบระยับไม่หยุด ภายในเวลาสั้นๆ ยี่สิบนาที จำนวนผู้เล่นของสองฝ่ายจากที่เริ่มต้นพันกว่าคน ตอนนี้ถูกฆ่าไปเกือบหมื่นคนแล้ว
หากถามว่าทำไมยิ่งฆ่ายิ่งเยอะ
แน่นอน เพราะหลังจากผู้เล่นทั้งสองฝั่งฆ่ากันจนรู้สึกสนุก ก็เริ่มส่งพิราบสื่อสารไปหาสหายของตนเอง เดิมทีเป็นภารกิจลับที่มีคนรู้ไม่กี่คน ตอนนี้กลายเป็นภารกิจลับที่รู้กันทั้งเซิร์ฟเวอร์แล้ว
เพื่อที่จะรักษาให้ภารกิจดำเนินต่อไปได้ ระบบถึงขั้นใช้เกราะแสงปกป้อง NPC ทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ไว้ แม้แต่พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังต้องถอยหลังต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้คนของทั้งสองฝ่ายที่มากขึ้นเรื่อยๆ มีพื้นว่างมากพอสำหรับต่อสู้ ขณะเดียวกันก็เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในความวุ่นวายนี้
ตอนนี้เอง พวกผู้เล่นเริ่มเปลี่ยนจากการส่งพิราบสื่อสารเป็นการตะโกนผ่านช่องเวิล์ดไวด์แล้ว พูดจาปลุกปั่นต่างๆ นานา ขนาดของการต่อสู้มีแนวโน้มว่าจะดุเดือดขึ้น
เมื่อเห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงที่ถอยมาอยู่ริมสวนบ๊วยและยืนดูอยู่บนต้นไม้ใหญ่แล้วก็หลุดขำ “มารดาเจ้าเถอะ ระบบปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ท่าทางเตรียมจะฉวยโอกาสจากภารกิจครั้งนี้ลดเลเวลเฉลี่ยของพวกผู้เล่น!”
[1] ตือโป๊ยก่ายส่องกระจก ข้างนอกข้างในไม่ใช่คน 八戒照镜子,里外不是人 หมายถึงไม่อาจจัดการให้ฝ่ายใดพอใจได้