ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 646 เก้าอิมเคลื่อนย้ายวิญญาณ
ตอนที่ 646 เก้าอิมเคลื่อนย้ายวิญญาณ
เพราะอะไรซานเย่ว์ถึงทำให้คังหมิ่นพูดความจริงออกมาได้อย่างว่านอนสอนง่าย
ต้องขอบคุณค่าสเตตัสของคนที่ชอบทำภารกิจอย่างนาง
ไม่เหมือนเยี่ยเว่ยหมิงกับเฟยอวี๋ที่ชอบออกไปท่องยุทธภพข้างนอก ชอบเลือกภารกิจขนาดใหญ่ที่มีระดับความยากค่อนข้างสูง แน่นอนว่าความยากในที่นี้มีความหมายแตกต่างกันสำหรับเฟยอวี๋กับเยี่ยเว่ยหมิง แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญก็คือ ซานเย่ว์แตกต่างจากพวกเขาสองคน แต่ไหนแต่ไรมานางทำภารกิจสำนักไม่เคยขาด!
ทำภารกิจต่างๆ สะสมค่าผลงาน
สำหรับจุดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกับเฟยอวี๋ล้วนเป็นมือปราบขั้นห้า แต่ซานเย่ว์เป็นมือปราบขั้นสี่นำไปก่อนแล้ว เท่านี้ก็มองออกถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขา
ซานเย่ว์ทำภารกิจมากมายขนาดนั้น รางวัลของสำนักที่ได้มาย่อมไม่ใช่เพียงค่าประสบการณ์ ค่าตบะ เงินสดหรือค่าผลงานสำหรับ นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว นางยังได้รับสุดยอดวิชาจากหวงโส่วจุนด้วย ในจำนวนนั้นรวมถึงวิชาที่นำใช้อยู่ตอนนี้
เป็นสุดยอดวิชาที่ค่อนข้างพิเศษใน ‘คัมภีร์เก้าอิม’ …วิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณ!
หากพูดถึงประสิทธิภาพโดยละเอียดของ ‘วิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณ’ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ‘วิชาสะกดจิต’ เวอร์ชันจอมยุทธ์
ด้วยความสามารถของซานเย่ว์ ถ้าอยากจะสะกดจิต BOSS ที่มีเลเวลและความสามารถเหนือกว่านางก็ไม่มีหวังเลย แต่หากใช้รับมือกับคนธรรมดาที่ไม่มีทักษะยุทธ์ นั่นก็เป็นเรื่องที่ง่ายสุดๆ!
ตอนนี้สะกดจิตสำเร็จแล้ว ต่อให้ซานเย่ว์สั่งให้คังหมิ่นหมอบแล้วร้องเสียงสุนัข นางก็จะทำตามอย่างว่าง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหากซานเย่ว์อดทนสั่งสอนนางอย่างระมัดระวัง
แต่ในเมื่อซานเย่ว์บอกเรื่องนี้ให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้เงียบๆ ก็ย่อมไม่หวังให้ความลับเปิดเผยต่อภายนอก เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีทางเปิดเผยความลับของนางอยู่แล้ว สำหรับคำถามของเฟยอวี๋ เขาเพียงตอบอย่างขอไปทีว่า “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของซานเย่ว์ ข้าไม่สะดวกจะเปิดเผย”
เฟยอวี๋ที่หาเรื่องใส่ตัวได้แต่ส่ายหน้า จากนั้นก็ดูแนวโน้มของสถานการณ์ต่อไป
ตอนนี้เอง ซานเย่ว์ก็ถามสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้แล้ว “อาศัยเพียงท่านคนเดียว สร้างเสียหายอะไรต่อเฉียวเฟิงไม่ได้แน่ เช่นนั้นท่านทำให้เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร”
คังหมิ่นที่ถูกซานเย่ว์สะกดจิตเต็มที่แล้ว ตอนนี้ย่อมพูดทุกอย่างที่รู้ออกมา “เดิมทีข้าไม่มีวิธีการอะไรหรอก แค่คิดจะเกลียดเขาไปทั้งชีวิตก็เท่านั้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกขอทานตัวเหม็นพรรคกระยาจกพวกนั้นนับถือเขาดุจเทพ ในใต้หล้านี้มีใครกล้าล่วงเกินเฉียวเฟิงเหนือบ้าง…
…เป็นเพราะสวรรค์มีตาเช่นกัน วันนั้นข้าพบจดหมายของประมุขวังในหีบเหล็กของหม่าต้าหยวน”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วถามต่อทันที “ในเมื่อจดหมายนั่นใช้ขี้ผึ้งผนึกไว้อย่างนี้ แล้วท่านรู้เนื้อหาข้างในได้อย่างไร”
คังหมิ่นแสยะยิ้ม “หากจะแอบเปิดจดหมายโดยไม่ให้ขี้ผึ้งบนนั้นเสียหาย หลังจากอ่านแล้วผนึกไว้อย่างเดิมก็ได้ เป็นเรื่องยากตรงไหน นำไปวางบนน้ำร้อน ให้ไอร้อนละลายขี้ผึ้งบนนั้น หลังจากอ่านจบแล้วก็ใช้วิธีการเดิมผนึกไว้อีกครั้งก็ได้แล้ว”
ครั้งนี้ไม่ต้องรอให้ซานเย่ว์ถามต่อ คังหมิ่นเอ่ยถึงประเด็นก่อนหน้านี้เอง “ข้าแอบอ่านจดหมายนั่น หลังจากรู้เรื่องความขัดแย้งในนั้นแล้ว ก็จะให้หม่าต้าหยวนเปิดเผยต่อหน้าทุกคน จะได้ให้จอมยุทธ์ในใต้หล้ารู้กันให้หมดว่าเฉียวเฟิงคือลูกของคนชี่ตัน ต้องการให้เขารับตำแหน่งประมุขพรรคกระยาจกไม่ได้ มิหนำซ้ำยังไม่มีที่ยืนในภาคกลางด้วย ถึงขั้นว่าแม้แต่ชีวิตก็รักษาไว้ไม่ได้!”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ทุกคนก็พอจะเดาความจริงได้คร่าวๆ แล้ว แต่ในนั้นยังมีบางจุดที่ยังอธิบายไม่กระจ่าง
ตอนนี้กลับได้ยินซานเย่ว์ถามต่อ “รองประมุขหม่าไม่รับปาก ท่านก็เลยฆ่าเขา? แต่อาศัยกำลังของสตรีที่ทักษะยุทธ์อ่อนแออย่างท่าน จะเลียนแบบ ‘วิชามือคว้าจับคอ’ เพื่อบีบคอยอดฝีมือคนหนึ่งให้ตายได้อย่างไร”
พอฟังมาเรื่อยๆ ผู้อาวุโสไป๋ซื่อจิ้งที่อยู่ข้างๆ ก็หน้าซีดแล้ว แต่เนื่องจากมีเฉียวเฟิงอยู่ตรงนั้นด้วย จึงไม่กล้าพูดออกมา
“ข้าย่อมมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่แล้ว” คังหมิ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจมาก “นั่นเป็นวันที่สิบสี่เดือนแปด ไป๋ซื่อจิ้งมาฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์บ้านข้า เขามองข้าปราดหนึ่ง แล้วก็มองอีกปราดหนึ่ง หึหึ เจ้าจิ้งจอกเฒ่าบ้ากาม เขาปรารถนาร่างกายข้า!…
…ข้าย่ำยีร่างกายตนเอง เพื่อหลอกล่อให้ตาเฒ่าลามกนั่นหลงใหลข้า…
…ข้าบอกให้เจ้าเฒ่าลามกนั่นสังหารคนไร้ประโยชน์อย่างหม่าต้าหยวน แต่เขาไม่ยอม ข้าจึงจะเปิดโปงว่าเขาล่วงเกินข้า แม้เขารักในชื่อเสียงของตัวเองมาก แต่ก็ตัดใจฆ่าปิดปากข้าไม่ลง ทำได้เพียงยอมจำนนแต่โดยดี…
…ข้าวางยา ‘ยาหลอนประสาทสิบกลิ่น’ หม่าต้าหยวนก่อน จากนั้นให้ไป๋ซื่อจิ้งบีบคอเขา แสร้งว่าใช้ ‘วิชามือคว้าจับคอ’ ของมู่หรงแห่งกูซูสังหารเขา แต่ ‘มู่หรงแห่งกูซู’ อะไรนั่นน่ะ ข้าไม่รู้จักหรอก เป็นตาเฒ่าลามกนั่นที่คิดได้”
เมื่อคังหมิ่นกล่าวเช่นนี้ สายตานับไม่ถ้วนที่แฝงด้วยเจตนาสังหารก็มองไปบนตัวไป๋ซื่อจิ้ง
ไป๋ซื่อจิ้งเงยหน้าร่ำร้องอย่างเจ็บปวด “สหายหม่าต้าหยวน ข้าทำผิดต่อเจ้า!” พูดจบก็คุกเข่าทันที “ทำร้ายพี่น้องในพรรค เดิมทีก็มีโทษถึงตายอยู่แล้ว ข้าเป็นผู้อาวุโสผู้คุมกฎ รู้กฎแต่ทำผิดกฎเสียเอง โทษรุนแรงขึ้นอีกขั้น สหายหม่าต้าหยวน ข้ากำลังจะชดใช้ให้เจ้าแล้ว!”
พอพูดจบไป๋ซื่อจิ้งก็พลันใช้ฝ่ามือตบที่ศีรษะตนเอง เฉียวเฟิงลังเลเล็กน้อยก่อนลงมือห้าม
ได้ยินเพียงเสียง พรึ่บ! ไป๋ซื่อจิ้งเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ดและล้มลงทันที
กฎของพรรคกระยาจก ผู้ที่ทำผิดกฎหากปลิดชีพตนเอง เมื่อตายแล้วจะถือว่าลบล้างความผิดได้ พฤติกรรมชั่วช้าก็จะไม่แพร่งพรายสู่ภายนอก ในยุทธภพหากมีใครพูดถึงพฤติกรรมชั่วช้าของเขา พรรคกระยาจกกลับจะออกหน้าปกป้องด้วย
เมื่อเห็นไป๋ซื่อจิ้งตายแล้ว ความคับแค้นใจที่มีต่อเขาก็ลดหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถึงขั้นรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่บุรุษผู้เข้มแข็งคนหนึ่งต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของสตรีอย่างคังหมิ่น
อายุมากแล้วไม่รู้จักควบคุมอารมณ์!
สำหรับเรื่องนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกเสียดายมากเช่นกัน
ไป๋ซื่อจิ้งเป็นผู้อาวุโสคุมกฏของพรรคกระยาจก ถึงอย่างไรศักยภาพก็เหนือกว่าเปาปู้ถง เลเวลคงประมาณแปดสิบกระมัง
นั่นคือบอสร่างแท้โหมดปกติเลเวลแปดสิบเชียวนะ!
ต้องมาปลิดชีพตนเองแบบนี้แล้ว
ค่าประสบการณ์ ค่าตบะ อุปกรณ์ดรอป ตำราลับ หายไปหมดแล้ว
เสียของ!
เสียของเกินไปแล้ว!
ซานเย่ว์ถือโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน ถามต่อว่า “แล้วพัดเล่มนั้น ไป๋ซื่อจิ้งก็ขโมยมาให้ท่านด้วยงั้นหรือ”
“ไม่ใช่หรอก” คังหมิ่นส่ายหน้า “เฒ่าลามกนั่นบอกว่าไม่อยากทำเรื่องที่ผิดต่อเฉียวเฟิง แต่หมากในมือข้าไม่ได้มีเพียงไป๋ซื่อจิ้งเสียหน่อย…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!” ไม่ทันรอให้คังหมิ่นพูดจบ เฉวียนกวนชิงก็ตะคอกและกระโจนเข้ามาทันที
แต่แม้เขาจะเป็นคนที่ใช้อุบายเก่ง หากพูดถึงทักษะยุทธ์ คนในที่นี้ที่พอจะเอาชนะเขาได้ ใช้สองมือนับก็ไม่หมด
เฉียวเฟิงที่ได้รับคำชี้แนะจากเยี่ยเว่ยหมิงเคลื่อนไหวทันที ถลันตัวไปขวางตรงหน้าเฉวียนกวนชิง เฉวียนกวนชิงตกใจมากและคิดจะหลบ แต่เฉียวเฟิงกลับยกมือขึ้นมา พลังที่มองไม่เห็นกลุ่มหนึ่งจับเขาเอาไว้ ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้
ร่างกายเฉวียนกวนชิงถูกควบคุม เขาอยากตะโกนปลุกคังหมิ่นให้ได้สติ แต่เยี่ยเว่ยหมิงที่เตรียมตัวมานานแล้วกลับพุ่งออกมา จี้สกัดจุดเหนือท้ายทอยของเขาเบาๆ ทำให้เขาพูดไม่ได้
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บนิ้วกลับมาช้าๆ แล้วหันมาบอกซานเย่ว์ “ทางนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว เจ้าถามต่อเถอะ”