ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 655 ได้หยิบฉวยประโยชน์
ตอนที่ 655 ได้หยิบฉวยประโยชน์
กระบวนการต่อสู้ไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่ม ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงปลาเน่าห้าตัวเท่านั้น ทั้งสามสู้ด้วยอย่างไม่เปลืองแรงเลยสักนิด
หลังจากสังหารสี่คนในนั้นตายคาที่แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ตั้งใจเหลือคนหนึ่งไว้ให้ซานเย่ว์
ภายใต้ประสิทธิภาพของ ‘วิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณ’ ทั้งสามได้ข่าวที่เป็นประโยชน์จากเชลยศึกคนนี้แล้ว
นั่นก็คือคนของกลุ่มอี้ผิ่นถังสังหารล้างเลือดวัดเทียนหนิง ทั้งยังนำกลุ่มคนของพรรคกระยาจกที่จับตัวไว้ไปขังไว้ในนั้นทั้งหมด
“อาหมิง” หลังจากได้ข่าวแล้ว ซานเย่ว์ก็ตบนักรบซีเซี่ยที่หมดประโยชน์ตาย จากนั้นหันมาถามเยี่ยเว่ยหมิง “ในเมื่อตอนนี้พวกเรารู้ที่อยู่ของพวกพรรคกระยาจกแล้ว เราต้องไปช่วยหรือเปล่า”
“ก็ต้องไปอยู่แล้วสิ” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แล้วถามกลับ “อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าลืมแล้ว ก่อนหน้านี้รับภารกิจมาจากหวงโส่วจุน เขาพูดไว้ว่าอย่างไร”
เฟยอวี๋ได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “เจ้าหมายความว่า ภารกิจช่วยเหลือคนของพรรคกระยาจก ที่จริงแล้วเป็นภาคต่อของภารกิจสำนักวันนี้หรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมั่นใจมาก “ถึงอย่างไร จุดประสงค์ภารกิจตั้งแต่แรกของพวกเราก็คือหยุดยั้งไม่ให้มีคนอาศัยประโยชน์จากความขัดแย้งของเฉียวเฟิงเหนือกับมู่หรงใต้สร้างปัญหาเพิ่ม พฤติกรรมของกลุ่มอี้ผิ่นถังจากซีเซี่ยก็สอดคล้องกับสถานการณ์นี้ไม่ใช่หรอกหรือ”
เพราะอยากได้รับรางวัลภารกิจเพิ่มเติม เฟยอวี๋จึงถามอย่างตื่นเต้นทันที “เช่นนั้นพวกเราจะออกเดินทางเมื่อไร”
เยี่ยเว่ยหมิงหันมองฝนที่ตกหนักด้านนอก หลังจากลังเลนิดหน่อยก็ตอบว่า “เรื่องนี้ชักช้าไม่ได้ ในเมื่ออาจูกับอาปี้ได้ยาถอนพิษแล้ว คิดว่าที่นี่คงไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว พวกเราออกเดินทางให้เร็วหน่อยดีกว่า รีบช่วยคนของพรรคกระยาจกออกมา”
เมื่อพูดจบ พวกเขาก็กล่าวอำลาอาจูกับอาปี้ทันที จากนั้นใช้ท่าร่างวิ่งฝ่าสายฝนไปทางวัดเทียนหนิง
เงาร่างทั้งสามพุ่งฝ่ากำแพงฝน ทิ้งรอยไว้สามรอยในม่านฝน จากนั้นก็ถูกน้ำฝนชำระล้างในชั่วพริบตาเดียว กลายเป็นพื้นที่ไร้ร่องรอยแล้ว
ขณะที่กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็กำชับในช่องแชททีมว่า [กลุ่มอี้ผิ่นถังของซีเซี่ยมียอดฝีมือเยอะเกินไป หากปะทะกันตรงๆ พวกเราไม่มีโอกาสชนะเลย…
…อีกประเดี๋ยวพอถึงวัดเทียนหนิงแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องรีบปรากฏตัว แต่จัดการพวกที่ที่ลาดตระเวนอยู่ข้างนอกให้เรียบร้อยก่อน ดูว่าจะดรอป ‘สายลมโศกา’ จากตัวพวกเขาได้หรือเปล่า…
…ถ้าดรอปได้ก็จะดีที่สุด แล้วพวกเราค่อยหาโอกาสเหมาะโจมตีพวกมันด้วยวิธีการเดียวกัน…
…ถ้าทำแบบนั้นไม่ได้ พวกเราก็ต้องค่อยๆ กลืนพลังชีวิตของพวกมัน เหมือนตอนที่โจมตีในดันเจี้ยน กำจัดพวกมอนสเตอร์เล็กๆ ก่อน แล้วสุดท้ายค่อยไปท้าสู้ BOSS ใหญ่ที่เคี้ยวยาก…
…ไม่แน่หรอก พวกเราอาจต้องเตรียมตัวเผชิญหน้ากับอวี้เจินจื่อเป็นครั้งที่สามก็ได้]
พอเห็นคำว่าอวี้เจินจื่อ เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ก็เผยรอยยิ้มเฝ้าคอยออกมาพร้อมกัน
จะว่าไปแล้ว พวกเขากำจัด BOSS คนนี้ไปแล้วสองครั้ง ไอเทมดรอปแต่ละครั้งเป็นที่น่าพอใจมาก
ไม่รู้ว่าหลังจากเจ้าหมอนี่ตายครั้งที่สามแล้ว จะสร้างความประหลาดใจอะไรให้พวกเขาอีก
ฝนมาเร็วและจากไปเร็ว ตอนที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงวิ่งมาถึงวัดเทียนหนิง ฝนก็หยุดสนิทแล้ว
ภายใต้การชำระล้างของน้ำฝน ต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ดูสดใหม่เป็นพิเศษ อากาศก็สดชื่นเย็นสบายเหมือนบรรยากาศหลังฝนตก ไม่น่าเชื่อว่าได้กลิ่นแล้วจะรู้สึกหอมหวาน
หอตึกและวัดเป็นสีทองระยิบระยับภายใต้แสงแดดหลังฝนตก ตรงขอบฟ้าปรากฏสายรุ้งหนึ่งสาย หากมองจากมุมที่ทั้งสามยืนอยู่ ราวกับว่ารอบวัดเทียนหนิงเปล่งแสงสีรุ้งได้ ดูสง่าภูมิฐานเป็นพิเศษ
แต่พวกเยี่ยเว่ยหมิงต่างก็รู้ว่าวัดเทียนหนิงที่ภายนอกดูสงบสุขและเป็นมงคลเช่นนี้ เพิ่งผ่านลมคาวฝนเลือดมาฉากหนึ่งสดๆ ร้อนๆ
คนของกลุ่มอี้ผิ่นถังหากได้สังหารคนขึ้นมา ก็ไม่สนหรอกว่าที่นี่จะเป็นสถานที่บริสุทธิ์ของชาวพุทธหรือไม่!
ยิ่งเดินเข้าใกล้วัดเทียนหนิง ทั้งสามก็ยิ่งซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง ภายใต้การกำลังจากป่าภูเขา พวกเขาผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง เดินอ้อมกำแพงด้านข้างของวัดเทียนหนิงเข้าไป
หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครพบร่องรอยการเดินทางของพวกเขา ถึงได้กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในลานวัด
จากนั้นพวกเขาก็อึ้งทันที
เพราะข้างต้นสนต้นหนึ่งที่ใกล้กับจุดที่พวกเขากระโดดลงมา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีศพของนักรบกลุ่มอี้ผิ่นถังซ่อนอยู่สามศพ
กำจัดลูกสมุนที่ลาดตระเวนบางส่วนอย่างเงียบๆ ก่อน จากนั้นค่อยๆ กลืนกินพลังชีวิตของอีกฝ่าย นี่คือปฏิบัติการที่อยู่ในแผนการของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ใช่หรอกหรือ
แต่ดูจากร่องรอยในที่เกิดเหตุแล้ว…
ไม่น่าเชื่อว่ามีคนไวกว่าพวกเขาหนึ่งก้าว มาก่อเรื่องที่นี่ก่อนแล้ว
หลังจากทั้งสามสบตากัน เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกในช่องแชททีมทันที [ตอนนี้พวกเจ้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปดูสถานการณ์ข้างใน]
ในบรรดาทั้งสามคน วิชาตัวเบาของเยี่ยเว่ยหมิงดีที่สุด ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว เพื่อนอีกสองคนก็ย่อมไม่มีความขัดแย้งใดๆ
ตอนนี้กลับเห็นเยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าร่าง ลอยผ่านถนนที่กว้างประมาณหนึ่งจั้งตรงหน้าไปอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ใช้แผ่นหลังแนบบนกำแพงของสิ่งปลูกสร้างหลังหนึ่งแล้วออกแรงกระโดดขึ้นหลังคา ว่องไวกว่าเสือดาวสามส่วน
เยี่ยเว่ยหมิงยืนอยู่บนที่สูงแล้วมองไปรอบๆ ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างจนใจ จากนั้นก็บอกในช่องทีมว่า [ไม่ต้องซ่อนตัวแล้ว ตามข้าออกมาได้เลย]
พอพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็กระโดดลงจากหลังคาทันที จากนั้นเดินอาดๆ พาเฟยอวี๋กับซานเย่ว์ไปทางห้องเก็บฟืนข้างหลัง
เพิ่งจะเดินอ้อมประตูลานวัดเข้ามา ก็เห็นขอทานกลุ่มหนึ่งเพิ่งถูกช่วยชีวิตออกมา พวกเขากำลังกล่าวขอบคุณผู้เล่นห้าคน
ปฏิบัติการของพวกเยี่ยเว่ยหมิงจะเรียกว่าไม่เร็วก็ไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี ผู้เล่นที่ช่วยชีวิตคนของพรรคกระยาจกออกมาไม่ใช่ใครที่ไหน พวเขาคือเชิญร่ำสุรา ฉางซิงอวี่ อินปู้คุย เสวียนเสี่ยวปี่และเซียวเหยาถอนใจที่จู่ๆ ก็หายไปจากสวนบ๊วยตอนแรกนั่นเอง
ในจำนวนนั้นเซียวเหยาถอนใจไม่ได้หายออกจากภารกิจในเรื่องกลางคัน แต่เป็นเหมือนกับพวก NPC ขอทาน ถูกกลุ่มอี้ผิ่นถังจับเป็นเชลยศึกแล้ว
พอมาดูตอนนี้ ก็จะพบว่าเขาจงใจถูกจับ เป้าหมายก็เพื่อทิ้งเบาะแสไว้ให้สหายร่วมทีมอีกสี่คนของตน จากนั้นก็จะทำตามเงื่อนไขภารกิจของระบบได้ ให้เพื่อนอีกสี่คนทำภารกิจช่วยเหลือคน
เป็นอย่างที่คาดไว้ วางหมากได้ดีจริงๆ
ไม่ต้องถามแล้ว การเล่นแบบนี้มาจากแผนการของเชิญร่ำสุราแน่นอน!
“สหายเยี่ย” อยากเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเดินเข้ามา เชิญร่ำสุราก็ยิ้มต้อนรับทันที “ได้ยินว่าพวกเจ้าสังหารอวี้เจินจื่อสมาชิกใหม่ของสี่คนโฉดตายสองครั้งในสวนบ๊วย คงจะตักตวงผลประโยชน์ได้มากมายสินะ”
เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “ผลประโยชน์ที่ได้จากการฆ่า BOSS สองครั้ง จะเทียบกับรางวัลภารกิจที่ช่วยชีวิตเหล่าวีรบุรุษของพรรคกระยาจกมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร”
เชิญร่ำสุราส่ายหน้าเล็กน้อย “หากเทียบกับการเปิดโปงแผนชั่วของคังหมิ่น สืบหาความจริงทั้งหมดที่หม่าต้าหยวนถูกฆ่าตาย บีบให้เนื้อร้ายของพรรคกระยาจกอย่างไป๋ซื่อจิ้ง เฉวียนกวนชิงตาย เรื่องเล็กน้อยที่พวกเราทำนับว่าสำคัญอะไร”
หลังจากกล่าวชมกันตามมารยาท ทั้งสองก็สบตากันแล้วหัวเราะลั่น จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็กลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “กลุ่มอี้ผิ่นถังพวกนี้ ถูกพวกเจ้าสังหารหมดแล้วหรือ”
“จะเป็นไปได้อย่างไร” เชิญร่ำสุราส่ายหน้าอย่างจนใจ “ด้วยสติปัญญาของสหายเยี่ย เจ้ารู้สึกหรือว่าระบบจะให้พวกเราใช้ประโยชน์จาก ‘สายลมโศกา’ เจาะหาช่องโหว่ใหญ่ขนาดนั้นได้…
…ตอนนี้คนของกลุ่มอี้ผิ่นถังถูกพิษของ ‘สายลมโศกา’ จนตอบโต้ไม่ได้ทั้งหมดแล้ว แต่ตอนนี้สถานะของพวกเขากลายเป็นมอนสเตอร์เล็กๆ ทั่วไปหมดแล้ว เลเวลหนึ่งเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับให้จับไก่นอกหมู่บ้านมือใหม่ สังหารแล้วนอกจากจะไม่ได้ค่าประสบการณ์ ค่าตบะหรือไอเทมดรอปใดๆ ถึงขั้นอาจจะถูกหักค่าวีรบุรุษกับค่าความรู้สึกดีของ NPC พรรคกระยาจกที่ได้มาอย่างยากลำบากด้วย ได้ไม่คุ้มเสีย”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “สามคนโฉดยังไม่ตายเหรอ”
เชิญร่ำสุราส่ายหน้าเบาๆ “ต้วนเหยียนชิ่งไม่โผล่มาเลยตั้งแต่แรก เยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเย่ว์เหล่าซานนอนเป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้น ส่วนอวี้เจินจื่อ…เหมือนว่าหลังจากพวกเจ้าสังหารเขาเป็นครั้งสอง จนตอนนี้ก็ยังไม่มีรีเฟรชออกมาใหม่นะ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง!”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า จากนั้นหัวเราะแห้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าก็ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์แบบสำเร็จรูปอีกครั้งแล้ว”
“สหายเยี่ย อย่าบอกนะว่าเจ้าเตรียมจะไปสังหารศัตรูที่ไม่มีผลประโยชน์อะไรพวกนั้น” เชิญร่ำสุราอึ้ง
“สังหาร? ไม่ๆๆ!” เยี่ยเว่ยหมิงรีบส่ายหน้า “ข้าเป็นขุนนางที่จิตใจดีและไร้ความเห็นแก่ตัว จะใช้วิธีการนอกกฎหมายกับศัตรูที่ไร้เรี่ยวแรงพวกนั้นได้อย่างไร”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วหันไปถามซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ “พวกเจ้าสองคน บนตัวใครพกกุญแจมือมาบ้าง”
กุญแจมือคือไอเทมภารกิจชนิดหนึ่งของสำนักมือปราบเทพ ยามต้องการจับตัว NPC ไปดำเนินคดี ก่อนใช้งานมันจะต้องสยบคู่ต่อสู้ให้ได้โดยสิ้นเชิงก่อน จากนั้นค่อยใส่กุญแจมือบนตัวอีกฝ่าย เมื่อทำแบบนั้นแล้ว NPC ก็จะสูญเสียความสามารถในการขัดขืนโดยสิ้นเชิง
แต่เพราะเยี่ยเว่ยหมิงมีกระบี่อาญาสิทธิ์ โดยทั่วไปจะเลือกประหารก่อนรายงานเสมอ
ปกติไม่มีเวลาไปรับภารกิจยุ่งยากที่ต้องจับเป็น ดังนั้นบนตัวจึงไม่ได้เตรียมของพวกนี้ไว้ ตอนนี้ต้องการใช้งานแล้ว ทำได้เพียงถามจากสหายร่วมทีมอีกสองคน
เมื่อได้ยินคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ก็ส่ายหน้าอย่างจนใจนิดหน่อย “ภารกิจจับเป็นยุ่งยากเกินไป ปกติข้ารับแค่ภารกิจที่ประหารคนร้ายได้ทันที บนตัวไม่ได้เตรียมของแบบนั้นไว้หรอก”
“ข้ามี!” ในฐานะคนที่ชอบทำภารกิจมาก ซานเย่ว์ยกมือทันที จากนั้นกล่าวอย่างเก้อเขินเล็กน้อย “แต่บนตัวข้ามีเพียงสองอันเท่านั้น คนของกลุ่มอี้ผิ่นถังมีตั้งเยอะ ถ้ากลัวว่าจะไม่พอใช้
เพราะคนร้ายที่ใช้กุญแจมือควบคุมไว้ ผู้เล่นต้องควบคุมตัวกลับสำนักมือปราบเทพด้วยตนเอง ดังนั้นต่อให้เป็นซานเย่ว์ไม่ได้เตรียมไว้มากเหมือนกัน
“พอแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ “สองอันก็พอแล้ว ไม่มากไม่น้อย”
หลังจากบอกลาพวกเชิญร่ำสุราแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับที่ฝ่ายบอก ตรงไปยังวิหาร หลังจากเห็นยอดฝีมือของกลุ่มอี้ผิ่นถังนอนกระจัดกระจายเต็มพื้น ก็ชี้ไปทางเฮ่อเหลียนเถี่ยซู่กับเยี่ยเอ้อร์เหนียงทันที “พวกเจ้าแบ่งไปคนละคน ควบคุมตัวสองคนนั้นไว้ เราจะกลับสำนักมือปราบเทพตอนนี้”
หลังจากจับผู้ร้ายได้แล้ว หน้าที่ควบคุมตัวไปส่งก็นับเป็นผลงานด้วยเช่นกัน เยี่ยเว่ยหมิงเป็นฝ่ายสละโอกาสครั้งนี้ให้ ถือว่าได้แสดงความใจกว้างของพี่ใหญ่ในสำนัก ทั้งสองย่อมยินดีทำตามคำสั่ง
“พวกเจ้าทำกับข้าแบบนี้ไม่ได้นะ ข้าคือทูตของซีเซี่ย ทำแบบนี้จะทำลายความสัมพันธ์ของสองแคว้น!” เมื่อถูกเฟยอวี๋ใส่กุญแจมือไว้บนตัว เฮ่อเหลียนเถี่ยซู่ก็ขัดขืนอย่างรุนแรงทันที
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วแสยะยิ้ม “ปฏิบัติตามกฎถึงจะเรียกว่าทูต แต่โจมตีชาวบ้านภาคกลาง สังหารพระผู้บริสุทธิ์แบบนี้ถือเป็นคนร้าย ส่วนคนอื่นๆ ของกลุ่มอี้ผิ่นถัง ถ้าพวกเจ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องกับแม่ทัพของพวกเจ้า พอขยับตัวได้แล้วก็ไปรายงานตัวที่สำนักมือปราบเทพเอง พวกเราไปกันเถอะ!”
แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้ ทั้งสามควบคุมตัวคนร้ายสองคนออกจากวัดเทียนหนิงแล้ว
ในจำนวนนั้น ซานเย่ว์คุมตัวเยี่ยเอ้อร์เหนียง นางถามในช่องแชททีมไม่หยุด [คุมตัวเยี่ยเอ้อร์เหนียงกลับไปจะได้ผลจริงหรือ ข้าเคยได้ยินคนที่รู้เนื้อเรื่องบอกมา นางมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งมาก ไม่ใช่แค่ต้วนเหยียนชิ่งที่ออกหน้าให้นาง แม้แต่เจ้าอาวาสเสวียนเปยของเส้าหลินก็…มีความสัมพันธ์กับนาง]
ในฐานะสุภาพสตรี สุดท้ายซานเย่ว์ก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดต่ำช้าอะไรออกมา นางใช้เพียงคำว่า ‘มีความสัมพันธ์’ มาบรรยายความสัมพันธ์ชายหญิงที่ไม่ถูกต้องระหว่างเยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเสวียนเปย จากนั้นบอกอีกว่า [ต่อให้พวกเราจับตัวนางกลับไป ดีไม่ดีเบื้องบนก็จะคำนึงถึงด้านต่างๆ แล้วก็ปล่อยคนไป]
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพลับยิ้มบางๆ “ก็เพราะแบบนี้แหละ พวกเราถึงยิ่งต้องจับตัวนาง แทนที่จะจับตัวเย่ว์เหล่าซาน!”