ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 74 ชัยชนะอันน่าเวทนา
ตอนที่ 74 ชัยชนะอันน่าเวทนา
ท่า ‘พเนจรสุดขอบฟ้า’ ในเคล็ดกระบี่ฉวนเจินแทงออกมาในแนวเฉียง ส่วนท่า ‘พเนจรสุดขอบฟ้า’ ในเคล็ดกระบี่ดรุณีหยกฟันออกไปแนวตรง สองกระบวนท่ามีชื่อเรียกเดียวกัน แต่ท่าเพลงกลับผิดแผกแตกต่างกันมาก ท่าของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินเป็นท่ากระบี่อันร้ายกาจ ส่วนท่าของเคล็ดกระบี่ดรุณีหยกนั้นหวาดเสียวอันตราย
ด้วยการเสริมอานุภาพของ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ กำลังภายในของทั้งสองก็ก่อตัวเป็นการสั่นสะเทือนร่วมบางอย่าง ทำให้ค่าสเตตัสแต่ละรายการของพวกเขาแสดงประสิทธิภาพออกมาเกินระดับ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าใด ก็ล้วนทำให้เจ้าสำนักชิงเฉิงที่ปิดหน้าไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เมื่อสองคนร่วมกันโจมตี ก็ยิ่งทำให้เขาหาวิธีการรับมือไม่ได้ ทำได้เพียงชักกระบี่กลับมาปัดป้องรอบกาย ขณะเดียวกันก็ปลีกตัวถอยหลังอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งกระบวนท่า เยี่ยเว่ยหมิงก็ถือโอกาสทะยานตัวขึ้นมา แล้วตะโกนชื่อของอีกหนึ่งกระบวนท่า “หน้าบุปผาใต้แสงจันทร์!”
เมื่อพูดจบ กระบี่ชิงจู๋ในมือก็ฟันเฉียงจากบนลงล่าง ราวกับแสงจันทร์วาดผ่านฟ้า ส่องสว่างทั่วพื้น ส่วนสะพานสวรรค์น้อยก็แกว่งกระบี่ยาว โบกเฉือนไปมาราวกับดอกไม้โบกสะบัดท่ามกลางสายลม
แม้สองกระบวนท่านี้ชื่อ ‘หน้าบุปผาใต้แสงจันทร์’ เหมือนกัน แต่ความจริงท่าหนึ่งอยู่ใต้แสงจันทร์ ท่าหนึ่งอยู่ใต้บุปผา มีเพียงตอนที่ทั้งสองร่วมมือกันเท่านั้น ถึงจะลอกเลียนชื่อกระบวนท่าออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ
ยามเผชิญหน้ากับสองคนที่ไล่ตามโจมตีมาติดๆ อวี๋ชางไห่ก็รู้สึกกดดันเท่าภูเขา โดยเฉพาะบนยอดศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิงที่ใช้กระบี่ชิงจู๋จำลองแสงจันทร์สีมรกตออกมา มันเป็นสีเขียวจนเขาตระหนกไม่หาย
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการดื่มเหล้าพิษดับกระหาย แต่ภายใต้ความจนใจ อวี๋ชางไห่ก็ทำได้เพียงแข็งใจโบกกระบี่สวนขึ้นไป พร้อมทั้งปลีกตัวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง แม้จะหลบกระบี่ชิงจู๋ของเยี่ยเว่ยหมิงสำเร็จ แต่สุดท้ายกลับไม่อาจป้องกันทั่วทุกด้านได้ สุดท้ายถูกสะพานสวรรค์น้อยใช้กระบี่ปาดตรงใต้ซี่โครงแล้ว
-1223!
นี่ก็คือการเสริมประสิทธิภาพอันน่ากลัวของกระบี่คู่ผนึกรวม แม้จะเป็นการโจมตีที่ธรรมดาที่สุดหนึ่งครั้ง แต่กลับสร้างดาเมจอันน่าหวาดกลัวเกือบเท่าการโจมตีคริติคอลแล้ว!
“จิบสุราเบาๆ!”
กระบี่คู่ผนึกรวมที่แท้จริง แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องทำตัวเบียวตะโกนชื่อท่าออกมาทุกครั้งที่ใช้กระบวนท่าเหมือนเยี่ยเว่ยหมิง
สัญญาณลับระหว่างคู่รัก ต่อให้ไม่ใช้สายตาก็ยังออกกระบวนท่าได้อย่างรู้ใจกัน แต่ชายหนุ่มหญิงสาวที่ยังรู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งวันอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อย หากอาศัยสัญญาณลับเพื่อต่อสู้ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดสถานการณ์ผิดพลาดอย่างไร
ไม่ใช่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงอยากทำตัวเบียว แต่เขาจำเป็นต้องทำตัวเบียวแบบนี้
อวี๋ชางไห่ที่เดิมทีก็เสียจังหวะมากอยู่แล้ว เมื่ออยู่ภายใต้การร่วมมือโจมตีท่า ‘จิบสุราเบาๆ’ กระบี่ยาวของเขาก็ถูกกระบี่ล้ำค่าของสะพานสวรรค์น้อยพัวพันแล้ว บนหัวไหล่โดนกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงไปหนึ่งที
-1365!
ถูกพิษ!
เป็นการถูกพิษเหมือนกัน แต่หลังจากอวี๋ชางไห่ถูกพิษแล้ว พลังต่อสู้กลับยังน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากพิษร้ายเลย
หลังจากต้านกระบี่นี้ของทั้งสองได้แล้ว ร่างกายเขาก็สั่นเทิ้มทันที ตามด้วยตัวหนังสือสีแดงที่ลอยขึ้นมาว่า -1121 เลือดสดกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากบาดแผลของเขา
ไม่น่าเชื่อว่าจะอาศัยกำลังภายในอันบ้าระห่ำของตัวเองระงับธาตุพิษไว้ จากนั้นก็บีบออกมานอกร่างกาย!
หลังจากความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์สูงถึงขอบเขตหนึ่งแล้ว พิษก็จะไม่ใช่อาวุธวิเศษที่เอาชนะเขาได้ง่ายๆ อีก
เพียงแต่เมื่อผ่านการต่อสู้ยกนี้ ในที่สุดอวี๋ชางไห่ก็ต้องยอมรับความจริงที่น่ากลัวเรื่องหนึ่งแล้ว นั่นก็คือศักยภาพของเขาไม่มีทางเอาชนะกระบี่คู่ผนึกรวมของสองคนนี้ได้เลย!
การที่อวี๋ชางไห่มาเป็นเจ้าสำนักได้ ก็แสดงว่าเป็นบุคคลที่รู้จักยึดถือและปล่อยวางเช่นกัน เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่รู้ว่าตัวเองสู้ไม่ไหว เขาก็ล้มเลิกแผนการเดิมทันที สองเท้าพลันออกแรง ร่างทะยานขึ้นกลางอากาศ เตรียมจะใช้ความได้เปรียบด้านวิชาตัวเบาของตัวเองเพี่อเผ่นก่อน
ทว่า เมื่อการต่อสู้มาถึงระดับนี้แล้ว มีหรือที่คิดอยากจะหนีก็หนีได้
ตอนที่อวี๋ชางไห่เพิ่งจะทะยานตัวขึ้นมา เตรียมจะหนีออกจากสนามรบ โหยวโหยวก็พุ่งเข้ามาอีกรอบ แต่ตอนนี้กลับเห็นนางเก็บหน้าไม้ ยื่นสองมือออกมาพร้อมกัน คว้าจับข้อเท้าสองข้างของอวี๋ชางไห่เอาไว้
นี่ไม่ใช่กระบวนท่าทักษะยุทธ์ที่ระบบกำหนดไว้ แต่ก่อนที่นางจะเข้าเกม นางเรียนรู้ทักษะคว้าจับแบบนี้มาจากในทีม กระบวนท่าเรียบง่ายตรงไปตรงมาก แม้จะไม่มีโบนัสสเตตัสใดๆ แต่หากถูกนางจับได้ ต่อให้เป็นอวี๋ชางไห่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะดิ้นหลุด
ภายใต้ความจนใจ อวี๋ชางไห่ทำได้เพียงเปลี่ยนกระบวนท่า เขาพลันเตะโจมตีไปทางหน้าอกโหยวโหยวหนึ่งที ส่วนโหยวโหยวก็ใช้สองแขนไขว้ตรงหน้าอก ทนโดนเท้าโจมตีอย่างหนักหนึ่งที
ตุบ!
ภายใต้การโจมตีนี้ โหยวโหยวสะเทือนจนกระเด็นออกไปแล้ว นางกระอักเลือดสดคำใหญ่ ค่าพลังชีวิตตกลงอยู่ใต้เส้นปลอดภัยอีกครั้ง
“ปากกาสีวาดคิ้ว!”
ในขณะนี้เอง ท่าไม้ตายของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยถูกใช้อีกครั้ง สะพานสวรรค์น้อยปาดกระบี่ในแนวเฉียง ฟันบนขาขวาของอวี๋ชางไห่ที่เพิ่งเตะออกมา โจมตีจนอีกฝ่ายติดสถานะเส้นเอ็นขาด ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีแทงไปตรงหน้าอกของศัตรู เนื่องจากอีกฝ่ายทะยานขึ้นมาพอดี ทำให้แทงโดนจุดสำคัญตรงหว่างขาของอวี๋ชางไห่แล้ว เขาร้องครวญครางออกมาเหมือนไม่ใช่เสียงมนุษย์
-1253!
เส้นเอ็นขาด!
-2641!
ถูกพิษ!
อวี๋ชางไห่คนนี้สิ้นเปลืองพลังความคิดไปมากเพื่อ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ของตระกูลหลิน สุดท้ายกลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีติดคริติคอลอย่างนี้แล้ว แบบนี้ถือว่าทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับลิขิตสวรรค์กระมัง
จากนั้นตรงส่วนขาและหว่างขาของอวี๋ชางไห่ก็ได้รับบาดเจ็บ การต่อสู้นี้ไม่มีอะไรต้องพะวงแล้ว
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับยังบัญชาการการต่อสู้อย่างจริงจังตั้งใจ ไม่เปิดโอกาสให้อวี๋ชางไห่ทั้งนั้น!
“ลมพิรุณโปรย!”
“หลิวปุยเมฆสายัณห์!”
“กระแสธารดอกท้อ!”
……
ขณะที่ทั้งสองโจมตีกระบี่คู่ผนึกรวมจนเริ่มเกิดสัญญาณลับระหว่างกันทีละน้อย ค่าพลังชีวิตของอวี๋ชางไห่ก็ลดลงเร็วมาก ค่าพลังชีวิตที่สูงถึงสองหมื่นห้าพัน ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็เหลือเพียงสามพันกว่าๆ เมื่อเห็นว่าพยายามอีกนิดเดียวก็จะสังหาร BOSS เลเวลสี่สิบให้ตายได้ด้วยกระบี่เดียว แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเองในใจลึกๆ ก็อดเฝ้าคอยอย่างแรงกล้าไม่ได้
ทว่าอวี๋ชางไห่ที่เห็นความตายกำลังจะมาเยือนกลับหมุนตัวกะทันหัน ปล่อยให้กระบี่ยาวของเยี่ยเว่ยหมิงแทงทะลุจุดสำคัญตรงหลังหัวใจ ส่วนร่างกายก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง ชนทะลุกำแพงเรือนของชาวบ้านที่อยู่ริมถนน
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยตามหลังไป กลับไม่เจอเงาของอวี๋ชางไห่แล้ว
ใช้พาสซีฟสกิลเวทชันสูตรศพ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเดินตามร่องรอยที่อวี๋ชางไห่ทิ้งไว้ไปจนถึงถนนอีกฝั่ง ก็หาเบาะแสไม่เจออีกแล้ว
และในตอนนี้เอง คนอื่นๆ ในทีมสำนักมือปราบเทพก็ตามมาแล้วเช่นกัน เฟยอวี๋ก็เอ่ยปากกล่าวทันทีว่า “อวี๋ชางไห่นั่นได้รับบาดเจ็บ ยังหนีไปได้ไม่ไกลแน่นอน แล้วบาดแผลก็ไม่ได้ฟื้นฟูง่ายขนาดนั้นด้วย คิดว่าแถวนี้คงจะมีสถานที่ให้ซ่อนตัว ทุกคนแยกย้ายกันค้นหาเถอะ ก่อนหน้านี้เสียแรงไปมากขนาดนั้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำให้ BOSS ใกล้ตายได้ ถ้าปล่อยให้เขาหนีไปอย่างนี้ ก็น่าเสียดายเกินไปแล้ว”
เนื่องจากซานเย่ว์ที่เป็นหัวหน้าทีมตายไปแล้ว ตอนนี้ตำแหน่งหัวหน้าทีมย่อมตกเป็นของเยี่ยเว่ยหมิงโดยอัตโนมัติ ส่วนการแบ่งไอเทมที่เดิมทีอิงตามหัวหน้าทีม ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแบ่งตามค่าผลงานแล้ว
เมื่อได้ยินเฟยอวี๋อธิบายอย่างมั่นใจขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “เจ้าแน่ใจหรือว่าหลังจากเขาหนีออกจากการต่อสู้แล้ว จะไม่ฟื้นฟูค่าพลังชีวิตกลับมาเต็มอย่างรวดเร็ว”
เฟยอวี๋ไม่ตอบ เพียงจับภาพหน้าจอหนึ่งภาพส่งให้คนในทีม
[อวี๋ชางไห่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในเวลาอันสั้นนี้ (58 นาที 12 วินาที) เขาไม่มีทางฟื้นฟูค่าพลังชีวิตเองโดยอัติโนมัติได้ และอิงจากสถานการณ์ของเขาตอนนี้ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีไปได้ไกล]
เหมือนจะเป็นเพราะรีบร้อนเกินไป เฟยอวี๋จับภาพหน้าจอส่งมาไม่ครบถ้วน แต่เมื่อเชื่อมโยงกับสิ่งที่เขากล่าวก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เดาได้ไม่ยากว่านี่จะต้องเป็นเพราะทักษะตัวอักษร ‘ดิน’ ของสำนักมือปราบเทพที่ทำให้ระบบของเขามีการแจ้งเตือนเช่นนี้แน่