ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 88 เคล็ดลับการใช้งานเวทบรรจุศพ
ตอนที่ 88 เคล็ดลับการใช้งานเวทบรรจุศพ
สำนักมือปราบเทพ ห้องชันสูตร
หลังจากซ่งฉือเดินอ้อมศพคนของสำนักชิงเฉิงรอบหนึ่ง แล้วถามผู้ที่มาส่งศพอย่างเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าตรวจสอบศพมาแล้วหรือ”
ในสำนักมือปราบเทพ ซ่งฉือนับว่าเป็นกึ่งๆ อาจารย์ของเยี่ยเว่ยหมิง เวลาพูดคุยจึงพูดไปตามอำเภอใจ
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตอบทันทีว่า “คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ร้ายที่มาลอบโจมตีพวกเรา การตายของพวกเขาไม่ต้องตรวจสอบก็รู้ พวกเขาถูกพวกเราประหารคาที่ขอรับ…
…ข้านำพวกเขามาที่นี่เพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบให้ละเอียด”
ซ่งฉือพยักหน้า จากนั้นกล่าวเสริมอีกว่า “เช่นนั้นเจ้าก็รู้ ว่าห้าศพนี้ที่จริงล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น”
เยี่ยเว่ยหมิง: (⊙_⊙)?
ศพเหล่านี้ล้วนเป็นศพที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงฆ่าแล้วเก็บมาเลย ไม่ใช่มัมมี่สามพันปีเสียเมื่อไหร่ จะมามีของแท้กับของปลอมอะไรกัน?
ซ่งฉือหันกลับมามองเยี่ยเว่ยหมิงพร้อมอธิบายว่า “ศพเหล่านี้ล้วนอยู่ในภารกิจสำนักของพวกเจ้า ได้มาตอนต่อสู้โหมดภารกิจ…
…ศัตรูที่อยู่ในโหมดภารกิจ อย่างมากก็นับเป็นร่างแยกของพวกเขาเท่านั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ ความสามารถของพวกเขาจะถูกลดให้อ่อนแอลงในระดับที่ต่างกัน แต่ของที่ได้รับจากการโจมตีสังหารก็จะลดลงมากด้วย”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเสริมอีกว่า “เช่นเดียวกัน ศพของพวกเขาแม้เจ้าจะนำกลับมาหลังจากจัดการศพแล้ว แต่กลับเป็นได้เพียงสิ่งที่ใช้ดูประกอบในการไขคดีของพวกเรา นำมาใช้เป็นหลักฐานไม่ได้…
…เพราะในความเป็นจริง คนพวกนี้ยังมีชีวิตอยู่!”
กติกาของโหมดภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงย่อมเข้าใจชัดเจน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ามูลค่าในตัวศพจะลดลงมากเช่นกัน
เพียงแต่เมื่อลองคิดให้ละเอียด ก็เหมือนจะมีเพียงคำอธิบายนี้เท่านั้นที่สมเหตุสมผล
คงจะนำศพของอวี๋ชางไห่กลับไปหาอวี๋ชางไห่ที่สำนักชิงเฉิง แล้วบอกเขาว่า ‘ศพของเจ้าอยู่ที่นี่ นี่คือศพที่ถูกประหารตายคาที่ตอนพวกข้าทำคดี ดังนั้นความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ผู้ร้ายก็คือเจ้า!’ ไม่ได้หรอกกระมัง
ฉากเหตุการณ์แบบนั้น แค่คิดก็ยังรู้สึกอยากอาเจียนเลย
เข้มงวดเกินไปแล้ว!
“ข้าก็สงสัยอยู่ว่าเหตุใดข้ากลับมานานขนาดนี้แล้ว แต่ข้าลืมส่งศพพวกนี้ขึ้นไป แต่ก็ไม่มีใครเป็นฝ่ายมาทวงขอจากข้าเลย ที่แท้ศพเหล่านี้ก็ไม่ได้สำคัญมากอย่างที่คาดคิดไว้”
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังเรียนรู้ท่าทางของ NPC เขากุมหมัดคารวะซ่งฉือ “ขอบคุณใต้เท้าซ่งที่ชี้แนะ ข้าได้รับคำชี้แนะ”
เห็นได้ชัดว่าซ่งฉือพอใจกับท่าทีถ่อมตัวของเยี่ยเว่ยหมิงมาก หลังจากพยักหน้าน้อยๆ ก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ข้ากลับรู้สึกว่า เจ้าอาจจะสนใจอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าจะพูดในวันนี้มากกว่า”
“เรื่องอะไรหรือขอรับ”
“เกี่ยวกับทักษะเวทบรรจุศพ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตาลุกวาวทันที
เวทบรรจุศพ!
นั่นคือที่พึ่งพาสุดสำคัญที่ทำให้เขาเติบโตอย่างก้าวกระโดดและกลายเป็นยอดฝีมือระดับบนของเกมนี้ได้เชียวนะ!
อย่าบอกนะว่าใน ‘เวทบรรจุศพ’ ยังมีความลับอะไรที่ตนไม่รู้อีก หรือว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้แสดงประสิทธิภาพของสกิลได้ดีกว่านี้
ซ่งฉือไม่ได้ติดนิสัยที่เวลาพูดต้องรอให้คนพูดส่งบทก่อนถึงจะพูดประเด็นนี้ต่อไปได้ หลังจากเอ่ยถึงเรื่องเวทบรรจุศพ เขาก็เป็นฝ่ายอธิบายต่อทันที “เมื่อใช้เวทบรรจุศพจัดการศพ เจ้าจะได้รับไอเทมลับบางอย่างบนตัวผู้ตายได้ แต่นี่เป็นการเก็บเกี่ยวขั้นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น ถ้าอยากจะรับของได้มากขึ้นอีกขั้น ก็จะต้องลงทุนมากกว่าเดิม”
“ลงทุน” เยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกก็ไม่เข้าใจ “ลงทุนอะไรหรือขอรับ”
ซ่งฉือยิ้มบางๆ ไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า “ก่อนหน้านี้ตอนเจ้าใช้งานเวทบรรจุศพ เราไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนอะไรเชียวหรือ”
“ไม่ได้มีต้นทุนอะไรนะขอรับ” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างสมเหตุสมผล “ใช้ม้วนเสื่อราคาผืนละไม่กี่เหรียญทองแดง จากนั้นก็ยัดเข้ากระเป๋าสะพายหลัง หลังจากจัดการงานหลักเรียบร้อยแล้วก็หาที่ฝังตรงไหนก็ได้ เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว! ตั้งแต่ต้นจนจบ…”
ขณะที่พูดไปเรื่อยๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงถามว่า “การลงทุนที่ใต้เท้าซ่งเอ่ยถึง อย่าบอกนะว่าเป็นเครื่องมือสำหรับเวทบรรจุศพ”
“ไม่ผิดหรอก” ซ่งฉือกล่าวเสียงเรียบ “ตอนที่ใช้งานเวทบรรจุศพ ยิ่งเครื่องมือเวทบรรจุศพที่ใช้มีคุณภาพดี ประโยชน์ที่ได้รับก็จะยิ่งเยอะ…
…เพียงแต่นอกจากเครื่องมือเวทบรรจุศพที่ราคาถูกที่สุดอย่างเสื่อ ราคาของชุดโลงศพระดับสูงก็ไม่ใช่น้อยๆ อีกทั้งเวลาซื้อสินค้าประเภทนี้ ก็ไม่มีการต่อรองราคาด้วย…”
“อันนั้น…” เมื่อได้ยินว่าเครื่องมือเวทบรรจุศพมีราคาแพง เยี่ยเว่ยหมิงก็สีหน้าเปลี่ยนทันที เอานิ้วชี้สองนิ้วจิ้มกันพร้อมบอกว่า “ใต้เท้าซ่ง ท่านดูข้าสิ ส่วนใหญ่เวลาใช้สกิลเวทบรรจุศพ ก็ทำไปเพื่อหาหลักฐานทั้งนั้น กับห้าศพนี้ก็เหมือนกัน ในเมื่อทำงานให้ราชสำนัก เครื่องมือเวทบรรจุศพนี้ สำนักมือปราบเทพจะช่วยเหลือสักหน่อยได้หรือไม่”
ซ่งฉือปฏิเสธอย่างไม่อ้อมค้อม “ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะในความเป็นจริง ศพที่เจ้าต้องเก็บเพื่อหาหลักฐานมีไม่เยอะ ตั้งแต่เจ้าเข้ามาอยู่ที่สำนักมือปราบเทพ เจ้าก็มีแค่ห้าศพนี้เท่านั้น”
ซ่งฉือหยุดพูดไปครู่เดียว แล้วเสริมอีกว่า “ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ในเมื่อนำมาเป็นหลักฐาน ก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุเวทบรรจุศพระดับบน…ไม่ว่าศพจะสำคัญอย่างไร เจ้าแค่ใช้ใช้เสื่อผืนเดียวม้วนกลับมาก็ได้””ที่ท่านกล่าวมีเหตุผลมาก ทำเอาข้าเถียงไม่ออกเลย” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าว
o(TヘTo)
เป็นคำชี้แนะที่ดึงดูดใจมาก เงินน้อยช่างน่าสงสาร…
……
จวนลู่ติ่งกง ตั้งอยู่ในถนนสายที่เจริญที่สุดของเมืองเปี้ยนเหลียงข้างวังหลวง
แน่นอน แม้จะเป็นถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด แต่ก็เป็นเพียงจุดที่มี NPC หมุนเวียนค่อนข้างมากเท่านั้นเอง
สำหรับผู้เล่น จุดที่เจริญที่สุดก็คือจุดพักม้า จุดฟื้นชีพ และเขตฝึกอัปเลเวล
จุดที่มี NPC รวมตัวกันเยอะเช่นนี้ บรรดาผู้เล่นนอกจากมาทำภารกิจหรือบังเอิญผ่านไป ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครอยากมาในสถานที่นี้
แม้แต่ที่อยู่ของจวนลู่ติ่งกง เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามมาจากคนที่คลั่งการทำภารกิจอย่างซานเย่ว์เช่นกัน
ต้องบอกเลยว่าสาวน้อยคนนี้รักการทำภารกิจจริงๆ
ตอนแรกที่อยู่หมู่บ้านตู้คัง นางก็อาศัยความเด็ดเดี่ยวขอตัวเองรีเฟรชภารกิจทั้งหมดที่ขุดค้นได้ในหมู่บ้านไปรอบหนึ่ง
หลังจากมาถึงเมืองเปี้ยนเหลียง นิสัยเดิมก็แก้ยาก เมื่อเทียบกับภารกิจจับกุมที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพสูงของสำนักมือปราบเทพ นางยังสนใจภารกิจยามว่างในซอยเล็กซอยใหญ่ของเมืองมากกว่า
เพียงแต่เมืองเปี้ยนเหลียงเป็นเมืองหลักที่ใหญ่ที่สุดของระบบ ภารกิจลับไม่ได้รีเฟรชหมดง่ายขนาดนั้น
ดูจากท่าทางของสาวน้อยคนนี้ เหมือนเตรียมจะรีเฟรชภารกิจต่อหลังจากทำภารกิจสำนักเสร็จ…
อิงตามแผนที่ของซานเย่ว์ เขาใช้ทางลัดเดินมาถึงถนนใหญ่ของจวนลู่ติ่งกง แต่ตรงปากซอยกลับบังเอิญพบเฟิงเหลย มือกระบี่ศิษย์ชายสำนักเอ๋อเหมยที่ก่อนหน้านี้ควบตำแหน่งที่กองควบคุมยุทโธปกรณ์
เพียงแต่วันนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว คนที่มาพร้อมกับเขาก็คือผู้เล่นคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมยาวสีฟ้า มีผ้าโพกศีรษะ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้เล่นศิษย์สำนักหัวซาน
“อ้าว! นี่ไม่ใช่สหายเยี่ยหรอกหรือ นึกไม่ถึงว่าพวกเราจะมาเจอกันที่นี่ ถือว่ามีวาสนา” ขณะที่สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงไปหยุดอยู่บนตัวอีกฝ่าย เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายทักทายเขาก่อนแล้ว พร้อมทั้งถือโอกาสแนะนำตัวให้ผู้เล่นสำนักหัวซานที่อยู่ข้างกาย “นี่คือวั่งเหยียน สหายของข้า เป็นนักกินขนานแท้”
เมื่อได้ยินว่ามือกระบี่เฟิงเหลยแนะนำตัวเองอย่างนี้ วั่งเหยียนก็อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ “เฟิงเหลย อย่าแฉกันสิ”
เฟิงเหลยหัวเราะแห้ง แล้วหันมาแนะนำเยี่ยเว่ยหมิงให้อีกฝ่ายรู้จัก จะถามอย่างประหลาดใจว่า “สหายเยี่ย เจ้าก็มามอบของขวัญล้ำค่าที่จวนลู่ติ่งกงเหมือนกันหรือ”