ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 93 เข้าดันเจี้ยนรอบหนึ่ง จากสหายกลายเป็นพี่ใหญ่
ตอนที่ 93 เข้าดันเจี้ยนรอบหนึ่ง จากสหายกลายเป็นพี่ใหญ่
ติ๊ง!
นี่คือเสียงตอนที่ตะปูเจ็ดดาวทิ่มโดนจุดปลายกระดูกสันหลังของอ๋าวป้าย
-1
โจมตีฝ่าป้องกันไม่สำเร็จ อ๋าวป้ายถูกหักค่าพลังชีวิตเพียงหนึ่งแต้มเท่านั้น
แต่ว่า…
“อุบ!”
เมื่อจุดปลายกระดูกสันหลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง จุดหยางที่หดเข้าท้องของอ๋าวป้ายก็ถูกทำลายในชั่วพริบตาเดียว จุดสำคัญที่เขาซ่อนไว้ก่อนหน้านี้เด้งออกมาจากท้องแล้ว เด้งออกมาโดนคมของกระบี่ชิงจู๋ที่เขาใช้ขาหนีบไว้แน่นพอดี
โจมตีคริติคอล!
-30000!
“อ๊าก!”
ตอนที่เสียงร้อยโอดครวญดังขึ้น อ๋าวป้ายถูกหักค่าพลังชีวิตไปห้าในหกส่วนทันที
ในขณะเดียวกันนี้เอง…
[ติ๊ง! คุณสร้างดาเมจตรงจุดอ่อนของอ๋าวป้ายสำเร็จ ชุดเหล็กของอ๋าวป้ายถูกโจมตีพัง พลังโจมตีลดลง 90% ป้องกันลดลง 100%!]
เป็นอย่างที่คาดไว้ แม้การป้องกันของชุดเหล็กจะยอดเยี่ยม แต่เมื่อถูกพบจุดอ่อนเมื่อไร ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจกว่านี้ก็กลายเป็นน้องชายของน้องชายได้เหมือนกัน
หลังจากโจมตีสำเร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็โยนตะปูเจ็ดดาวที่เคยสร้างผลงานไว้ด้านข้าง จากนั้นหันตัวกลับมา ออกแรงดึงยกกระบี่ชิงจู๋ในมือ
“ฉึก!…”
“อาอ่าอ้าอ๊าอ๋า…”
-5999!
ตัวเลขคริติคอลดาเมจตัวใหญ่ลอยขึ้นเหนือศีรษะอ๋าวป้าย
ฮ่าๆ อ๋าวป้ายเหลือเลือดแค่หยดเดียวแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะเปลืองคำพูดกับเขา ถือโอกาสส่งกระบี่ไปแทงคออีกที
อ๋าวป้าย ตาย!
[ติ๊ง! คุณสังหารอ๋าวป้ายสำเร็จ ผ่านดันเจี้ยน ‘ปาถูหลู่’ ได้อย่างราบรื่น
ได้รับรางวัลผ่านด่าน: ค่าประสบการณ์ 10000 แต้ม ค่าตบะ 1000 แต้ม เงิน 20 เหรียญทอง]
พอเตะศพของอ๋าวป้ายหนึ่งที ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีไอเทมอะไรร่วงลงมาเลย
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าตัวเองเมาแล้วเหมือนกัน
ยังจะมาบอกว่าอำนาจล้นราชสำนักอะไรอีก แม่งจนจริงๆ!
เมื่อเห็นระบบแจ้งเตือนว่าตัวเองจะถูกส่งออกจากดันเจี้ยนภายในสิบวินาที เยี่ยเว่ยหมิงก็ลงมือทันที เขาโบกกระบี่ชิงจู๋ฟันแขนขาทั้งสี่ที่โดนโซ่มัดของอ๋าวป้าย จากนั้นใช้เสื่อม้วนศพไว้ให้ครบทุกชิ้นส่วนอีกครั้ง
ได้รับตำราลับ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ ×1
[ตระหนักรู้กำลังภายใน: บันทึกกำลังภายในของอ๋าวป้าย เมื่อใช้กำลังภายในที่กำหนด จะเพิ่มค่าประสบการณ์ 3000 แต้ม!]
เจ้าหมอนี่ดูเหมือนเก่งกาจมาก แต่ไม่เพียงแค่ไม่ดรอปไอเทม แม้แต่ตำราลับตระหนักรู้ก็เป็นระดับเดียวกับจีไหลเหย่ด้วย กากเป็นขยะจริงๆ
ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงบ่นเสร็จก็ครบสิบวินาทีแล้ว แสงสีขาวสว่างวาบ ร่างกายของเขาไปปรากฏอยู่นอกดันเจี้ยนแล้ว
“ว้าว! พี่ใหญ่เยี่ย ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะสังหารอ๋าวป้าย ฝ่าดันเจี้ยน ‘ปาถูหลู่’ ได้โดยที่ตัวเองไม่บาดเจ็บเลยสักนิด! นั่นคืออ๋าวป้ายเชียวนะ!”
“พี่ใหญ่เยี่ย ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว!”
พี่ใหญ่?
ก่อนจะเข้าดันเจี้ยนยังเป็นสหายอยู่เลย ทำไมพอออกมาจากสหายก็กลายเป็นพี่ใหญ่เสียแล้วล่ะ นายเปลี่ยนคำเรียกเร็วไปหน่อยหรือเปล่า
“ความสามารถของพี่ใหญ่เยี่ยเหนือกว่าที่น้องชายคาดไว้มาก ท่านทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นประหลาดใจมากจริงๆ!” ขณะที่กล่าวด้วยความทึ่ง ลู่ติ่งกงก็คว้ามือของเยี่ยเว่ยหมิงมากุมไว้ แล้วจูงเขาเดินไปอีกฝั่งทันที “ตั้งแต่ที่ข้าได้เห็นพี่ใหญ่เยี่ย ก็รู้สึกทันทีว่าคุ้นเคยเป็นพิเศษ เขาเรียกว่าอะไรนะ ข้านี่แค้นนัก ทำไมไม่เจอท่านให้เร็วกว่านี้นะ!”
“ลู่ติ่งกงอยากจะกล่าวสำนวนที่ว่า ‘ผิดที่เราเจอกันช้าไป’ หรือเปล่า” เยี่ยเว่ยหมิงถามอย่างจนใจ
“ใช่ๆๆ เป็นพี่ใหญ่เยี่ยที่มีการศึกษา!”
“แล้วอีกอย่าง ชื่อของข้าคือเหวยเสี่ยวเป่า พี่ใหญ่เยี่ยอย่าเอาแต่เรียกลู่ติ่งกง ลู่ติ่งกงอะไรนั่นแล้ว เรียกเช่นนั้นฟังดูห่างเหิน เรียกข้าว่าเสี่ยวเป่าโดยตรงเลยก็ได้…”
ลู่ติ่งกงในตอนนี้ราวกับกลายเป็นน้องชายขี้ประจบเพื่อเยี่ยเว่ยหมิงโดยเฉพาะ อ้าปากทีไรก็พูดสรรเสริญเยินยอ ประมาณว่า “เกิดเป็นคนหากไม่รู้จักพี่ใหญ่เยี่ย ต่อให้เป็นขุนนางอย่างลู่ติ่งกงก็เสียชาติเกิด” หรือไม่ก็คำพูดเลี่ยนๆ แบบ “เมื่อพี่ใหญ่ออกโรง ต่อให้มาเป็นคู่ก็แพ้ท่าน” แทบจะยกยอปอปั้นเยี่ยเว่ยหมิงให้ลอยขึ้นฟ้าแล้ว
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงถูกเหวยเสี่ยวเป่าชมจนตัวเกือบลอย ในส่วนลึกของหัวใจก็ลอบระมัดระวังตัว
ที่จริงวิธีการประจบของเหวยเสี่ยวเป่าก็ไม่ได้วิเศษวิโสเท่าไรนัก พวกไหวพริบดีหลายคนที่หากินอยู่ในตลาดล้วนทำได้สูสีกับเขา
แต่เมื่อนิสัยนี้มาประกอบกับฐานะขุนนางบรรดาศักดิ์กงชั้นหนึ่งของเขา ทำให้ดูโดดเด่นเกินไป!
ลองคิดดูสิว่า หากคุณเป็นชาวบ้านในยุคโบราณจริงๆ แล้วมีขุนนางยศใหญ่ในราชสำนักจูงมือคุณพร้อมเรียกว่าพี่ใหญ่ นั่นจะเป็นความรู้สึกแบบไหนกัน
เกรงว่านอกจากจะตกใจในความเมตตา ที่เหลือก็มีแค่จะหวาดกลัวเท่านั้น
ในช่วงเวลานี้เอง ตำราเรียนด้านลบนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาในหัวของเยี่ยเว่ยหมิง
มือสังหารจิงเคอ มือสังหารเนี่ยเจิ้ง มือสังหารจวนจู…
ปฏิบัติตัวด้วยอย่างเป็นมิตรก่อน ให้ผู้ที่อยู่ตำแหน่งต่ำกว่ารู้สึกว่าไม่มีอะไรจะตอบแทนสิ่งนี้ได้ จากนั้นค่อยฉวยโอกาสร้องทุกข์ บรรยายความโชคร้ายที่ตัวเองประสบ สุดท้ายก็ขอให้อีกฝ่ายเสียสละอย่างกล้าหาญ เสียสละเจ้าเพื่อให้งานใหญ่ของข้าสำเร็จ จากนั้น ยอดฝีมือคนหนึ่งก็หายไปอย่างนั้นแล้ว…
นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ของฟรีไม่มีในโลก!’
จะว่าไปแล้ว เหวยเสี่ยวเป่าคนนี้คงไม่ใช้อุบายพวกนี้มาวางกับดักฉันหรอกมั้ง
ฉันเป็นผู้เล่นนะ อุบายพวกนั้นของนายใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก!
ขณะที่ในใจกำลังคิดอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบบอกว่า “ลู่ติ่งกง…”
“ข้าชื่อเสี่ยวเป่า…”
“เอ่อ คือ…คดีปล้นพระราชวังของท่านก่อนหน้านี้…”
“เวลาล่วงเลยมานานแล้ว ถึงเวลารับประทานอาหารแล้วเช่นกัน พี่ใหญ่เยี่ย ข้าสั่งให้คนเตรียมกับข้าวพื้นๆ ไว้แล้ว พวกเรากินข้าวกันก่อน กินเสร็จแล้วค่อยคุยธุระหลักกัน!”
ขั้นตอนการกินข้าวนี้ กำลังจะพาเข้าสู่ขั้นตอนที่สองหรือเปล่า จะร้องทุกข์ถึงสิ่งที่ตัวเองประสบ?
……
“พี่ใหญ่เยี่ย มาชิมอันนี้ดูสิ เป็นเท้านกยูงตุ๋นน้ำแดง รสชาติไม่เลวเลย”
[เท้านกยูงตุ๋นน้ำแดง: คุณภาพ 86 กินแล้วลดค่าความหิว 20 แต้ม ภายในหนึ่งชั่วโมงเพิ่มความแข็งแกร่ง 264 แต้ม]
“ยังมีน้ำแกงบัวหิมะ…”
[น้ำแกงบัวหิมะ: คุณภาพ 88 กินแล้วลดค่าความหิว 40 แต้ม ภายในหนึ่งชั่วโทงเพิ่มพลังชีวิตสูงสุด 5280 แต้ม]
“สิ่งนี้คือ…”
……
ระหว่างงานเลี้ยง เหวยเสี่ยวเป่าเรียกได้ว่าอัธยาศัยดีสุดๆ คีบอาหารราคาแพงหลายอย่างใส่ชามของเยี่ยเว่ยหมิง ทั้งยังเป็นอาหารที่ค่าสเตตัสสูงๆ ทั้งนั้น ทำให้ทุกคำที่เขากินล้วนได้เพิ่มค่าสเตตัสรายการต่างๆ เยอะมาก
สำหรับสิ่งนี้ เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะถามเขามากว่า ‘ห่อกลับบ้านได้ไหม’
แน่นอนว่าคำพูดแบบนี้ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจเท่านั้น หากพูดออกมาจริงๆ เสียหน้านั้นเป็นเรื่องเล็ก หากเหวยเสี่ยวเป่าตอบรับขึ้นมาจริงๆ หรือสั่งให้คนเตรียมเก็บโต๊ะนี้ไปให้เขา นั่นต่างหากที่เป็นปัญหายุ่งยากจริงๆ
อิงตามกฎการอนุรักษ์ระหว่างการจ่ายและรับใน ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ การที่เขาได้ผลประโยชน์มากมายขนาดนี้ในรวดเดียว ตอนหลังจะต้องได้ทำภารกิจที่สอดคล้องกันแน่นอน หรือไม่ก็เพิ่มระดับความยากให้ ‘คดีปล้นพระราชวัง’ นี้เสียเลย แล้วค่อยเพิ่มบทลงโทษจากภารกิจล้มเหลว สิ่งเหล่านั้นล้วนมีความเป็นไปได้สูง
อะไรนะ?
ไม่ยอมรับ?
นั่นแสดงว่าคุณไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ระบบบังคับแจกภารกิจ!
ทางเลือกระหว่างการห่ออาหารบนโต๊ะอันหรูหรานี้กับการเพิ่มระดับความยากของภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังเลือกที่จะปล่อยอาหารไป
ไม่ใช่ว่าเขาหวาดกลัว แต่เป็นเพราะไม่คุ้ม!
ยังคงคำนวณตามกฎการอนุรักษ์ก่อนหน้านี้ หากระดับความยากของภารกิจเพิ่มขึ้นจริงๆ เมื่อเขาห่ออาหารกลับไปส่วนหนึ่ง ก็จะต้องเสีย ‘ค่าผลงานสำนัก’ จำนวนมหาศาลแน่นอน ถึงตอนนั้นรางวัลอย่างอื่นที่จะได้รับก็จะลดลงมากด้วย
ระหว่างผลประโยชน์อย่างอื่นกับอาหารที่เพิ่มได้แค่ค่าสเตตัสชั่วคราว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังเลือกอย่างแรกด้วยความชาญฉลาด
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงมองดูหน้าอินเตอร์เฟสระบบ ค่าพลังชีวิต 5280 แต้มหายไปแล้ว ค่าความแข็งแกร่ง 264 แต้มหายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยพละกำลัง 294 แต้ม…
ค่าสเตตัสแต่ละรายกายขึ้นลงไม่หยุดนิ่งเหมือนขับรถผ่านภูเขา เขามองจนรู้สึกเหมือนมีเลือดหยดในหัวใจ!
แม่งเอ๊ย เสียของเกินไปแล้ว!