ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 104 :เมนูกุ้งเครย์ฟิชมาแล้ว
ตอนที่ 104 :เมนูกุ้งเครย์ฟิชมาแล้ว
เจียงไห่เทียนโน้มน้าวเจียงเสี่ยวไป๋อยู่หลายครั้ง เมื่อเห็นหลานชายยังคงดื้อดึง เขาจึงกลับบ้านไปเอาถังไม้มาให้หนึ่งถัง
คิดดูแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นนาของบ้านตนเอง คิดเสียว่าเป็นการช่วยกำจัดศัตรูพืชในนาก็แล้วกัน เจียงไห่เทียนถอดรองเท้าแล้วลงไปช่วยหลานชายจับ
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ทั้งสองก็จับ ‘แมลงยักษ์’ มาได้เต็มถังไม้
“ลุงใหญ่ เย็นนี้มากินข้าวที่บ้านผมนะ”
หลังขึ้นมาจากในนาแล้ว ทั้งสองเดินกลับบ้าน ขณะเดียวกันเจียงเสี่ยวไป๋ก็กล่าวเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม
เจียงไห่เทียนมองถังใส่แมลงตัวใหญ่ที่เขาถืออยู่ ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ “ไม่ล่ะ ลุงกินข้าวที่บ้านดีกว่า”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มรับ “ลุงกลัวว่าแมลงพวกนี้จะไม่อร่อยใช่ไหม”
เจียงไห่เทียนไม่เถียง ถือเป็นการยอมรับแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ คนเรามักยึดติดในความคิดของตนเอง ยากที่จะเปลี่ยนแปลงไปง่าย ๆ
พูดให้ดูดีหน่อยเรียกว่า ‘มีประสบการณ์’
พูดให้ร้ายหน่อยคือ ‘ดื้อรั้น’
แต่เมื่อคนเราดื้อรั้น พวกเขาจะหยุดอยู่กับที่ไม่ยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ทำให้พลาดโอกาสหลายอย่าง
ถ้าเป็นคนอื่น เจียงเสี่ยวไป๋จะเลิกตื๊อ
เพราะประการแรกเลยก็คือ เจียงไห่เทียนเป็นลุงแท้ ๆ ของเขา อีกทั้งในอดีตยังช่วยออกหน้าแทนเขามากมาย เขาจึงพูดขึ้นว่า “จะอร่อยไหม ลุงต้องลองชิมถึงจะรู้”
เจียงไห่เทียนชะงักไป เขานึกถึงคำที่น้องรองของเขาพูดชมว่าเจียงเสี่ยวไป๋ทำอาหารอร่อยแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ตกลง เย็นนี้เดี๋ยวลุงไปกินด้วยแล้วกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไรอีก
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินเจียอินเห็นว่าเขาเดินเท้าเปล่าเปื้อนโคลน มือข้างหนึ่งหิ้วถังไม้ มืออีกข้างหิ้วรองเท้า จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ไหนคุณบอกจะไปซื้อปลามาจากพี่เสี่ยวโจวยังไงล่ะ ทำไมเท้าถึงกลายเป็นแบบนี้ ราวกับเพิ่งไปลงนามาอย่างนั้นแหละ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “ผมก็ไปลงนามาจริง ๆ นั่นแหละ”
“คุณนี่มันจริง ๆ เลยนะ ! ”
หลินเจียอินหยิบกะละมังมา แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “รีบมาล้างเท้าเลย”
“ขอบคุณจ้ะเมีย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางถังและรองเท้าลง เขาดึงเก้าอี้ขึ้นนั่งแล้วพูดอย่างมีความสุข
“ป่าป๊า ทำไมจับแมลงตัวใหญ่กลับมาได้เยอะจัง ? ”
“อั้ยหยา น่ากลัว ! ”
เจียงชานวิ่งไปที่ข้างถังไม้ เมื่อเห็นบางสิ่งดิ้นอยู่ในถัง ใบหน้าเล็ก ๆ ก็ฉายความกลัวออกมา
หลินเจียอินตักน้ำมาให้ ถึงได้เห็นว่ามีบางสิ่งอยู่เต็มถังไม้
ตอนแรกเธอนึกว่าเขาซื้อปลาจากเจียงเสี่ยวโจวมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นแมลงตัวใหญ่ที่ชอบทำลายกล้าข้าวในนาของชาวบ้าน หญิงสาวจึงอดที่จะถามไม่ได้ “คุณเอาแมลงพวกนี้กลับมาทำไม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวยิ้ม ๆ “เย็นนี้เราจะกินมัน”
“ป่าป๊า หนูไม่อยากกินแมลงยักษ์ มันน่ากลัว ! ”
หนูน้อยส่ายหน้าพัลวัน
หลินเจียอินขมวดคิ้ว “แมลงพวกนี้ไม่อร่อยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่แมลง มันคือกุ้งเครย์ฟิช ! ”
หลินเจียอินที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะทันที “หน้าตาอย่างกับแมลงป่อง แต่ยังชื่อกุ้งเครย์ฟิช คุณนี่ช่างคิดออกมาได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เพราะชื่อของกุ้งเครย์ฟิชเป็นชื่อที่คนรุ่นหลังตั้งให้มัน เขาไม่ใช่คนตั้งให้มันเสียหน่อย
ทว่าสามารถชิงชื่อกุ้งเครย์ฟิชกลับมาคืนมันได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
“นั่นมันแน่นอน ผมเป็นถึงชายหนุ่มรูปงาม ขนาดภรรยาที่แต่งงานด้วยยังงดงามและมีคุณธรรม เรื่องการตั้งชื่อสิ่งของน่ะเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว”
หลินเจียอินถึงกับกุมขมับ
ผู้ชายของเธอขึ้นชื่อเรื่องพูดจาไร้สาระไปเรื่อยจริง ๆ
เฮอะ ไม่น่าช่วยยกน้ำมาให้เขาล้างเท้าเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ล้างเท้าเสร็จแล้ว จึงเริ่มล้างทำความสะอาดกุ้งเครย์ฟิช
กุ้งเครย์ฟิชที่รสชาติอร่อยขนาดนี้ จะขาดเบียร์ไปได้อย่างไร ?
เขาเทกุ้งเครย์ฟิชออกจากถังไม้ แล้วล้างคราบโคลนที่ติดตัวกุ้งออกจนหมด แล้วเทน้ำสะอาดลงในอ่างไม้ขนาดใหญ่เพื่อแช่ตัวกุ้ง
“เมียจ๋า เดี๋ยวผมจะไปซื้อเครื่องปรุงบางอย่างก่อนนะ”
บอกกล่าวหลินเจียอินแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินจ้ำออกไปอย่างรวดเร็ว
ที่บ้านไม่มีเบียร์ แต่มีรถมอร์เตอร์ไซค์พ่วงข้าง
เขาขับรถพ่วงข้างเข้าอำเภอชิงซาน รวมเวลาไปกลับใช้ไปเพียงแค่ 10 กว่านาทีเท่านั้น เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อเบียร์กลับมา 2 ลังใหญ่
เบียร์ซานเฉิงขวดละ 6 เหมา
1 ลังมี 12 ขวด
ในเมื่อตอนนี้มีกุ้งเครย์ฟิชแล้ว ในอนาคตคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำเมนูกุ้งเครย์ฟิชกินที่บ้าน เจียงเสี่ยวไป๋คิดแบบนั้นจึงตัดสินใจซื้อเบียร์มาเยอะหน่อยในคราวเดียว
นอกจากทำอาหารแล้ว เวลากินกุ้งเครย์ฟิชแล้วดื่มเบียร์มันช่างเข้ากันสุด ๆ
แต่เบียร์จะอร่อยต้องแช่เย็น ทว่าที่บ้านของเขาไม่มีตู้เย็น เขาจึงนำเบียร์ออกมา 2-3 ขวด ล้างขวดให้สะอาด ใส่ตะกร้าแล้วแช่ไว้ในบ่อน้ำขนาดใหญ่
น้ำในบ่อเย็นมาก แช่ไว้สักพักน่าจะพอช่วยให้เบียร์เย็นตัวลงได้
ขั้นตอนต่อมาคือทำกุ้งเครย์ฟิช
มันเป็นงานที่ต้องใช้เทคนิคเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นอาจถูกก้ามของมันหนีบเข้าที่มือได้
แต่เจียงเสี่ยวไป๋มีประสบการณ์โชกโชนในชาติที่แล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา เขาบีบหัวกุ้ง ทำความสะอาดท้องกุ้งด้วยแปรงก่อน จากนั้นใช้กรรไกรตัดขากุ้งทั้ง 8 ขาและหัวกุ้งออกไปประมาณหนึ่งในสาม เหลือไว้ตรงส่วนที่เป็นมันกุ้ง จากนั้นผ่าหลังกุ้งเพื่อให้เครื่องปรุงเข้าเนื้อ สุดท้ายก็ดึงขี้กุ้งออกมา
แม้จะเตรียมกุ้งไว้เสร็จแล้ว แต่ก็ยังมีขั้นตอนที่ต้องทำเพิ่มเติม
เจียงเสี่ยวไป๋นำกุ้งเครย์ฟิชที่เตรียมเสร็จใส่กะละมัง เทเบียร์ลงไป 2 ขวดเพื่อแช่กุ้งไว้ จากนั้นไปเตรียมเครื่องปรุง
เครื่องเทศหลัก ๆ ที่ใช้ก็จะมีอบเชย โป๊ยกั้ก เมล็ดยี่หร่า จันทร์เทศหอม เฉ่ากั่ว ซาเหริน แปะจี้ ใบกระวาน และไป๋โค่ว ใส่ลงไปตามสัดส่วนอย่างพอเหมาะ จากนั้นเขาได้ใส่กระเทียม ต้นหอม ขิง พริกแห้ง และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ลงไปด้วย
จริงสิ ต้องเอาเต้าเจี้ยวที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ออกมาใช้ด้วย
รอให้เครื่องปรุงรสพร้อมหมดแล้ว กุ้งเครย์ฟิชก็แช่เสร็จพอดี
เจียงเสี่ยวไป๋ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง กรองให้แห้งแล้วเริ่มทำอย่างเป็นทางการ
วันนี้กุ้งเครย์ฟิชที่จับมาได้มีค่อนข้างมาก เจียงเสี่ยวไป๋ตัดสินใจที่จะทำ 2 เมนู คือกุ้งอบน้ำมันและกุ้งนึ่ง
กุ้งนึ่งทำค่อนข้างง่าย ใช้หม้อใบเล็กก็ได้แล้ว
กุญแจสำคัญที่ทำให้กุ้งนึ่งมีรสชาติอร่อยก็คือน้ำจิ้ม น้ำจิ้มนี้แตกต่างจากซอสสูตรลับที่เขาทำตอนขายผัดมันฝรั่ง แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็มีสูตรเด็ดและยังเป็นสูตรลับของน้ำจิ้มกุ้งนึ่งที่ดังที่สุดในชาติที่แล้วด้วย
เขาไม่ได้รีบร้อนทำน้ำจิ้ม เจียงเสี่ยวไป๋ทำกุ้งอบน้ำมันก่อน
เขาเทน้ำมันดอกคาโนลาลงในกระทะและรอจนน้ำมันร้อน 60% ใส่กุ้งเครย์ฟิชที่ล้างและสะเด็ดน้ำแล้วลงไปทอดในกระทะจนกุ้งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นเขาก็ตักขึ้นมาพักน้ำมัน
หลังจากตั้งกระทะให้ร้อนแล้ว เขาก็เทน้ำมันลงไป ซึ่งการใส่น้ำมันเยอะถือเป็นกุญแจสำคัญ
กุ้งเครย์ฟิช 2 ชั่งต้องใช้น้ำมันประมาณ 200 กรัม
ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่ากุ้งอบน้ำมันได้อย่างไร ?
หลังจากน้ำมันร้อน เขาใส่ขิงฝานและเต้าเจี้ยวลงไปผัดสักพัก จากนั้นใส่โป๊ยกั๊ก ต้นหอม พริกไทย พริกแห้งและเครื่องเทศอื่น ๆ ลงไป ผัดจนมีกลิ่นหอม ถึงได้เอากุ้งเครย์ฟิชที่ผ่านการแช่น้ำมันมาแล้วเทลงไป ให้ความหอมของเครื่องเทศซึมเข้าไปในเนื้อกุ้งเครย์ฟิชได้อย่างเต็มที่
ในเวลานี้ เขาเทไวน์ขาวลงไป ผัดสักสองสามครั้ง จากนั้นเทเบียร์ 2 ขวดและน้ำเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ปิดฝาหม้อและเคี่ยวเป็นเวลา 2 นาที
รอจนกระทั่งน้ำซุปเข้มข้นขึ้นถึงได้เร่งไฟแรงเพื่อให้เนื้อของกุ้งเครย์ฟิชสามารถดูดซับซุปและเครื่องปรุงรสเข้าไปอย่างเต็มที่ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ
กลิ่นหอมของกุ้งเครย์ฟิชอบน้ำมันลอยฟุ้งออกไปไกล
หลินเจียอินและเจียงชานที่อยู่นอกบ้านยังได้กลิ่นหอมเข้มข้นนี้
“ว้าว หอมจังเลย ! ”
หนูน้อยตะโกนออกมา เธอทิ้งหม่าม๊าและวิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที
หลินเจียอินวิ่งตามเข้ามาเช่นกัน
ยิ่งพอเข้ามาในห้องครัว กลิ่นหอมอันเข้มข้นของกุ้งอบน้ำมันก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
“นี่คือกุ้งเครย์ฟิชที่คุณบอกอย่างนั้นหรือ ? ”
หลินเจียอินสูดจมูกแล้วถามด้วยความทึ่ง
กุ้งเครย์ฟิชไม่เพียงแต่ส่งกลิ่นหอมเท่านั้น แต่ตัวของมันยังเป็นสีแดงสวย ทำให้เธออยากอาหารขึ้นมาทันที
ดูเหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘น่ากินทั้งกลิ่นและสี’ ก็คงจะเป็นแบบนี้เอง
“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่ากุ้งอบน้ำมัน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋นำกุ้งอบน้ำมันมาเทลงในกะละมัง พลางพูดแนะนำอย่างภาคภูมิใจ