ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 109 :แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน
ตอนที่ 109 :แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน
ธุรกิจกุ้งอบน้ำมันเฟื่องฟูมาก มีทั้งที่อยู่ในความคาดการณ์ของเขาและยังมีทั้งที่อยู่เหนือความคาดหมาย
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกทึ่งมาก ในเมืองช่างมีคนรวยเยอะจริง ๆ
และดูจากสถานการณ์ในวันนี้แล้ว เขาเชื่อว่าเมนูกุ้งเครย์ฟิชจะต้องเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน
แต่แล้วปัญหาใหม่ก็ตามมา
แม้ว่าในตอนที่มีการปรับปรุงร้านจะมีการปรับปรุงห้องครัวใหม่ด้วย ด้านในนั้นนอกจากเตาถ่านขนาดใหญ่สามเตาแล้ว ยังมีเตาสำหรับกระทะสามเตาอีกด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋จะทำกุ้งอบน้ำมันพร้อมกัน 2 กระทะหรือ 3 กระทะย่อมไม่มีปัญหา
เพราะถึงอย่างไรเวลาเคี่ยวกุ้งอบน้ำมัน เขาก็ยังสับเปลี่ยนไปปรุงกระทะต่อไปได้
แต่ว่าพื้นที่ในร้านน้ำชามีอยู่แค่นั้น ด้านในมีเคาท์เตอร์วางพะโล้มังสวิรัติและเนื้อพะโล้ และชุดโต๊ะกับเก้าอี้ 12 ชุดก็เต็มแล้ว
ต้องใช้เวลาเพียง 20 นาทีกว่ากุ้งอบน้ำมันจะเสร็จ แต่ลูกค้ากลับไม่ได้กินหมดเร็วขนาดนั้น
และต่อให้เจียงเสี่ยวไป๋ทำเสร็จเร็ว แต่โต๊ะก็คงเต็มและไม่พอให้ลูกค้าที่มากินเมนูอื่นได้นั่งอยู่ดี
เขาจึงต้องจำกัดจำนวนการขายกุ้งอบน้ำมัน
หลินเจียอินในฐานะผู้จัดการร้าน เธอเองก็เห็นถึงปัญหานี้เช่นเดียวกัน
เธอไปหาเจียงเสี่ยวไป๋ และบอกกับเขาว่า: “ไม่อย่างนั้นเราซื้อโต๊ะเพิ่มแล้วเอาไปวางนอกร้านดีไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับ “เมียจ๋า คุณเป็นผู้จัดการร้าน ทำตามที่คุณบอกได้เลย”
เมื่อเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่คัดค้าน หลินเจียอินจึงพูดขึ้นอย่างดีใจ: “ตกลง งั้นเอาตามนี้เลย เดี๋ยวฉันจะไปซื้อโต๊ะกับเก้าอี้ก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋ทำกุ้งอบน้ำมันกระทะสุดท้ายไปด้วย พร้อมกับพูดไปด้วยว่า “ที่จริงคุณไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ เพราะถึงอย่างไรกุ้งอบน้ำมันของวันนี้ก็ขายหมดแล้ว เดี๋ยวตอนบ่ายเรากลับไปค่อยให้ช่างไม้ถานทำโต๊ะพับอเนกประสงค์ให้ แล้วให้เขาทำม้านั่งไม้ให้เราสักล็อตนึงก็ได้แล้ว”
โต๊ะพับอเนกประสงค์ ?
หลินเจียอินได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก เธอจึงถามด้วยความสงสัย “มันคืออะไรหรือ ? โต๊ะที่ไหนเขาพับได้กัน”
ในปี 1983 เฟอร์นิเจอร์เกือบทั้งหมดทำจากไม้เนื้อแข็ง ส่วนใหญ่เป็นแบบโต๊ะแปดเซียนและโต๊ะสี่เซียน ซึ่งมีความหนาและทนทาน
ขนาดโต๊ะแบบก่อนหน้านี้ที่เจียงเสี่ยวไป๋จ้างช่างไม้ถานทำยังไม่ค่อยมีใช้ในยุคสมัยนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโต๊ะพับอเนกประสงค์อะไรนั้นเลย แถมในยุคสมัยนี้ยังไม่มีเก้าอี้พลาสติกที่เก็บซ้อนกันได้ด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋จึงอธิบายให้หลินเจียอินฟัง
หลังจากฟังจบ หลินเจียอินก็ตาเป็นประกายขึ้นมา
โต๊ะพับอเนกประสงค์เป็นของดีจริงด้วย เวลาใช้ก็แค่กางออกแล้วนำไปตั้งได้เลย เวลาไม่ใช้ก็แค่พับขาแล้วนำไปวางเก็บ ไม่กินที่ด้วย
ด้านบนของเก้าอี้ม้านั่งมีขนาดเล็ก ส่วนด้านล่างจะใหญ่กว่าเล็กน้อย ขาของมันจะยื่นออกนอก ดังนั้นจึงสามารถนำมันมาวางซ้อนกันได้ ไม่กินที่เวลาเก็บ
โต๊ะและม้านั่งดังกล่าวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับร้านค้าที่มีขนาดเล็ก
ย้ายออกนอกร้านก็สะดวกมากเช่นกัน
ขณะที่เธอยิ้มอย่างมีความสุข เธอก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋
เห็นกันอยู่ว่าที่จริงแล้วในใจของเขามีความคิดดี ๆ มากมายในการบริหารร้าน แต่เขาก็ยังเอาแต่พูดว่าเธอคือผู้จัดการร้าน ทั้งยังยกความดีความชอบให้เธอทุกอย่าง
แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน ?
สุดท้ายก็ต้องฟังเขาอยู่ดีไม่ใช่หรือ ?
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของภรรยา เจียงเสี่ยวไป๋ก็เสียวสันหลังวาบทันที
ปากพาซวย !
ปากของเขาพาซวยอีกแล้ว !
เผลอหลุดปากไปทีเดียว ทำให้ภรรยาคาดโทษอีกแล้ว
“เมียจ๋า วันนี่เรากลับเร็วหน่อยดีไหม เดี๋ยวผมจะกลับไปทำกุ้งกระเทียมให้คุณกิน มันอร่อยมากเลยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดกลบเกลื่อน
หลินเจียอินถึงกับผงะ เมื่อคืนเจียงเสี่ยวไป๋ทำกุ้งอบน้ำมันและกุ้งนึ่งแแล้ว เดิมทีเธอคิดว่ากุ้งเครย์ฟิชสามารถทำได้สองเมนูนี้เท่านั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “กุ้งเครย์ฟิชสามารถทำเมนูอื่นได้อีกงั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว เดี๋ยวผมจะทำกุ้งเครย์ฟิชให้เป็นเมนูสุดโปรดของเมียจ๋าให้ได้”
“ชิ ดูพูดเข้า ! ”
หลินเจียอินมุ่ยปาก แต่พอหันกลับไปทางอื่น หญิงสาวกลับคลี่ยิ้มสวยราวกับดอกไม้ ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง
กุ้งกระเทียมฟังดูน่าอร่อยนะ
กุ้งอบน้ำมันกระทะสุดท้ายเสร็จแล้ว กระทะนี้มีของลูกค้า 4 ชุด และของหวังผิง 1 ชุด
แม้ว่าลำดับการจองของเขาจะมาก่อน แต่เขาก็ให้ลูกค้าคนอื่นกินก่อน
ไม่อย่างนั้นเขาคงกินอย่างไม่สบายใจแน่นอน
กว่าจะถึงคิวของตนเอง หวังผิงกลืนน้ำลายแล้วชวนให้เจียงชาน หวังกัง และเฝิงเยี่ยนหงมากินด้วยกัน
ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋น่ะไม่ต้องชวนหรอก เมื่อวานเขาคงกินมาหายอยากแล้วล่ะ
กุ้งอบน้ำมันชุดนี้กินกันตั้งสี่คนแล้ว แต่ละคนคงกินได้แค่ไม่กี่ตัว
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ
กุ้งเครย์ฟิชที่นำมาด้วยมีประมาณร้อยกว่าชั่ง ทำกุ้งอบน้ำมันขายชุดละ 2 ชั่งครึ่ง ทำให้กุ้งอบน้ำมันมีขายพอสำหรับ 50 ชุดพอดี
หลังจากขายกุ้งอบน้ำมันไปครบ 50 ชุดแล้ว ตอนนี้ยังเหลือกุ้งอีกประมาณ 6-7 ชั่ง
เจียงเสี่ยวไป๋จึงเอากุ้งทั้งหมดใส่ลงกระทะทำกุ้งอบน้ำมัน แล้วตักใส่กะละมังใหญ่ได้สองกะละมังพอดี
“เมียจ๋า มากินกุ้งอบน้ำมันสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋จงใจยกกะละมังมาวางบนโต๊ะข้าง ๆ หวังผิง แล้วตะโกนเสียงดัง
ในตอนนี้ พวกหวังผิงกินเสร็จพอดี
แต่ผู้ใหญ่กับเด็กยังกินกันไม่หนำใจ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว กุ้งอบน้ำมัน 1 ชุดมันไม่พอสำหรับคนสี่คนจริง ๆ
แต่จู่ ๆ ก็เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ยกมาอีกกะละมัง หวังผิงอดที่จะเบิกตากว้างไม่ได้ เขาพูดด้วยความตกใจว่า “ไหนนายบอกว่ามี 50 ชุด แล้วทำไมยังมีอยู่อีกล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันบอกแค่ว่ามีขายให้ลูกค้าแค่ 50 ชุด ไม่ได้พูดเสียหน่อยว่ามีทั้งหมดแค่ 50 ชุดเท่านั้น ทำไมล่ะ ? ”
หวังผิงรู้สึกเศร้าใจ นี่เขาต้องจ่ายเงิน 3 หยวนเลยนะ
ถ้ารู้ว่ากินได้โดยไม่ต้องใช้เงิน ทำไมต้องจ่ายด้วยล่ะ ?
อีกอย่าง กุ้งอบน้ำมันหนึ่งชุดที่เขาซื้อมาในราคา 3 หยวนได้น้อยกว่าที่เจียงเสี่ยวไป๋ยกมาหนึ่งกะละมังนี้ตั้งเยอะ
“ในเมื่อยังมี งั้นฉันก็จะกินด้วย”
หวังผิงไม่รอช้า เขาเรียกเฝิงเยี่ยนหงทันที “ไป พวกเราไปกินด้วย”
ก่อนหน้านี้เขายังกินไม่หนำใจเลย ดีจริง ๆ ที่ตอนนี้ยังมีให้กินอีก
“เฮ้ ๆ ๆ นายเรียกภรรยาของนายกินไปแล้ว ของฉันมีไว้สำหรับภรรยาของฉันเหมือนกัน อย่าสับสน”
เจียงเสี่ยวไป๋ผลักหวังผิงออก แล้วเรียกหวังกัง “เสี่ยวกัง มากินด้วยกันสิ”
“ครับลุง ! ”
หวังกังขานรับในทันที แล้ววิ่งต้อย ๆ มาที่โต๊ะของเจียงเสี่ยวไป๋
หวังผิงที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มร้อนใจ “ทำไมลูกชายของฉันกินได้ แต่ไม่ให้ฉันกิน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขึ้นว่า “นายเรียกลูกสาวฉันไปกิน แต่ไม่ได้เรียกฉัน ฉันก็เลยไม่เรียกนายเหมือนกันไง”
หลินเจียอินเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องสองคนตั้งแง่ใส่กันก็รู้สึกขบขัน ทั้งสองโตจนอายุขนาดนี้แล้ว ยังแกล้งกันเป็นเด็ก ๆ อยู่เลยล่ะ ?
“เยี่ยนหง ไปกินกุ้งกันเถอะ ! ”
หลินเจียอินคว้าข้อมือเฝิงเยี่ยนหงแล้วดึงเธอไปที่โต๊ะ
เจียงเสี่ยวไป๋ย่อมไม่ขัด เขาแกล้งหวังผิงก็จริง แต่ถ้าให้แกล้งเฝิงเยี่ยนหงด้วยคงไม่ดีแน่
ดังนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ หลินเจียอิน เฝิงเยี่ยนหงและเด็ก ๆ อีกสองคนต่างมานั่งกินกุ้งด้วยกัน มีแค่หวังผิงคนเดียวเท่านั้นที่ได้แต่ยืนมองตาปริบ ๆ
เฮอะ ยังดีที่ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่ไม่ได้กิน
ถานเสี่ยวฟางที่กำลังเก็บร้าน และเจียงเสี่ยวเฟิ่งที่กำลังทำความสะอาดก็ยังได้แต่มองตาปริบ ๆ เช่นกัน
กุ้งหอมมากเลย
พวกเธออยากกินเหมือนกัน
“เลิกมองได้แล้ว ฉันเหลือไว้ให้พวกเธอหนึ่งชุดใหญ่เช่นกัน เลิกงานแล้วค่อยเอากลับไปกินที่บ้านพักนะ”
คล้ายกับสังเกตเห็นว่าถานเสี่ยวฟางกำลังมองอยู่ เจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ว้าว มีของพวกเราด้วย ! ”
“ขอบคุณพี่เสี่ยวไป๋ ! ”
“ขอบคุณนะพี่เสี่ยวไป๋ ! ”
ทั้งถานเสี่ยวฟางและเจียงเสี่ยวเฟิ่งต่างดีใจมาก พวกเธอรีบขอบคุณเจียงเสี่ยวไป๋ทันที
หวังผิงถลึงตาใส่พลางพ่นลมออกปาก ทำไมไม่มีส่วนของฉันล่ะ ?
ไม่ได้ ไม่ว่าหมอนี่จะเล่นอะไร แต่ขอให้ได้กินก่อนค่อยว่ากัน
เขาก้าวฉับ ๆ ไปนั่งลงข้างเฝิงเยี่ยนหงด้วยสีหน้าแน่วแน่แล้วคว้ากุ้งเครย์ฟิชขึ้นมากินอย่างไม่สะทกสะท้าน
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจเขาแล้ว