ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 111 :ขายดีเกินไป
ตอนที่ 111 :ขายดีเกินไป
เจียงเสี่ยวไป๋เก็บกวาดขยะที่ลานบ้านเสร็จแล้วจึงไปพักผ่อน
อาจเป็นเพราะเจียงไห่เทียน เจียงไห่หยาง และคนอื่นชอบกินกุ้งเครย์ฟิช หรืออาจเป็นเพราะพวกเขาอยากขายกุ้งเครย์ฟิชในราคาชั่งละ 3 เหมา ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนจึงออกจับกุ้งตลอดทั้งคืน
ประเด็นสำคัญนั้นเป็นเพราะเจียงเสี่ยวไป๋ต้องการกุ้งเครย์ฟิชแต่เช้า และเขาต้องการกุ้งเป็น
หากพวกเขาจับในตอนกลางวันแล้วเอามันมาขังไว้ในอ่างจะทำให้พวกมันตายเยอะ ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องจับในช่วงเวลากลางคืนแทน
พวกเขาห้าคนจับกุ้งเครย์ฟิชได้มากถึง 400 กว่าชั่งในคืนเดียว ด้วยจำนวนที่เยอะขนาดนี้ พวกเขาจึงต้องนำพวกมันไปขังไว้ในถังไม้หรือไม่ก็อ่างใหญ่หลายใบ
พ่วงข้างของมอเตอร์ไซค์สามารถวางถังไม้ใบใหญ่ได้แค่ใบสองใบเท่านั้น ฉะนั้นหากต้องนำกุ้งเครย์ฟิชเข้าเมืองไปในคราวเดียวขนาดนี้คงขนไม่ไหวแน่นอน
เจียงเสี่ยวไป๋จึงต้องวิ่งรถหลายรอบขึ้น หลังจากเขาพาหลินเจียอินและเจียงชานไปส่งแล้ว เขาก็บรรทุกถังไม้เข้าเมืองไปใบหนึ่งก่อน จากนั้นก็วิ่งรถอีกสามรอบถึงสามารถขนกุ้งเครย์ฟิชทั้งหมดเข้าไปไว้ในร้านได้
ช่างไม้ถานใช้เวลาเกือบทั้งคืนจนสามารถทำชุดโต๊ะเก้าอี้ม้านั่งได้ 2 ชุด
ทว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีเวลาไปขนแล้ว
เพราะเขายังมีคำสั่งซื้อพะโล้ตามออเดอร์ลูกค้านอก ซึ่งเป็นออเดอร์จากโรงอาหารของหน่วยงานทั้งนั้น และพวกเขาจะต้องกินในตอนพักกลางวันแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋จึงทำได้เพียงเลือกทำพะโล้ก่อน จากนั้นก็จัดการนำไปส่งให้ตามออเดอร์ของแต่ละที่
โชคดีที่เขาเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว จึงไม่เกิดความล่าช้า
หวังผิงเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋นำกุ้งเครย์ฟิชมาที่ร้านเยอะขนาดนี้ ตอนแรกเขาดูจะดีใจมาก
เพราะตามราคาที่เจียงเสี่ยวไป๋ตั้งไว้ กุ้งเครย์ฟิช 1 ชั่งจะขายได้ประมาณ 2 หยวน กุ้งจำนวน 400 กว่าชั่งจะทำเงินได้นับพันหยวนเชียวล่ะ !
แต่หลังจากนั้น เขาก็ต้องเป็นทุกข์เข้าแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีเวลาฆ่ากุ้งเครย์ฟิช ฉะนั้นหน้าที่นี้ทั้งหมดจึงตกเป็นของเขาและเจียงเสี่ยวเฟิ่ง เขาทำกุ้งเครย์ฟิชจนหลังขดหลังแข็ง แถมมือของเขายังถูกก้ามกุ้งหนีบอยู่หลายหนอีกด้วย
ดีที่ในภายหลังมีเจี่ยงชุ่ยหยูและหลัวเจาตี้มาช่วยทำ ทำให้พวกเขาสามารถทำกุ้งเครย์ฟิชเสร็จเร็วขึ้นมาก
แต่จนกระทั่งใกล้ช่วงเที่ยงวันก็ยังมีกุ้งอีกเกือบหนึ่งร้อยชั่งที่ยังทำไม่เสร็จ
“การหาเงินนี่มันยากลำบากจริง ๆ ! ”
หวังผิงอดที่จะบ่นไม่ได้
เจี่ยงชุ่ยหยูพูดว่า “หวังผิง หลานควรรู้จักพอนะ พวกเราอยู่ในชนบทต้องทำนาหลังขดหลังแข็งก็ยังไม่ได้เงินขนาดนี้ ทำไมไม่นึกถึงตรงนี้บ้างล่ะ ! ”
“ใช่ พี่ดูพี่เสี่ยวไป๋สิ เขายังไม่เห็นบ่นว่าเหนื่อยเลย” เจียงเสี่ยวเฟิ่งพูดสมทบ
หวังผิงมุมปากกระตุก เขาไม่มีอะไรจะพูดจริง ๆ
เพราะเจียงเสี่ยวไป๋ต้องขี่รถไปกลับเจียงวานอยู่หลายรอบเพื่อขนกุ้งเครย์ฟิชหลายร้อยชั่งกลับมาที่ร้าน จากนั้นก็ต้องไปทำพะโล้ พอทำพะโล้เสร็จก็ต้องวิ่งส่งให้อีกหลายหน่วยงานที่จองเข้ามา
แต่มันไม่ได้จบเพียงเท่านี้
เพราะกุ้งเครย์ฟิชหลายร้อยชั่งที่พวกเขาช่วยกันทำนี้ เจียงเสี่ยวไป๋จะต้องนำไปทำกุ้งอบน้ำมันก่อนถึงจะขายได้
ไม่ว่าจะเป็นการหนัก งานเหนื่อย งานใช้แรงและงานใช้ทักษะล้วนถูกทำโดยเจียงเสี่ยวไป๋ทั้งหมด
ในขณะที่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนและหนักมาก
มันเทียบกันไม่ได้เลย !
บางครั้งหวังผิงเองก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าคนขี้เกียจและดีแต่สำมะเลเทเมาอย่างเจียงเสี่ยวไป๋ในอดีต จู่ ๆ ก็รู้สึกเบื่อชีวิตแบบนั้นและกลับมาขยันทำมาหากิน จะมีความสามารถมากกว่าเขาได้อย่างไร ?
“เร็วเข้าเถอะ ! ”
หวังผิงถอนหายใจและฆ่ากุ้งเครย์ฟิชต่อไป
เจียงเสี่ยวไป๋ไปส่งของกลับมาแล้ว ในตอนที่เขาเพิ่งลงจากรถ เขาก็เห็นช่างไม้ถานและถานชิงซานสองลุงหลานกำลังแบกโต๊ะพับได้และเก้าอี้มานั่งมาจนใกล้จะถึงประตูร้านของเขาอยู่แล้ว
“ลุงถาน พี่ชิงซานนี่ก็จริง ๆ เลยนะ รอผมกลับไปขนก็ได้ ไม่เห็นต้องแบกใส่หลังมาเลย”
ช่างไม้ถานปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดว่า “เมื่อเช้าลุงเห็นนายวิ่งรถไปกลับอยู่หลายรอบ เลยคิดว่าน่าจะงานยุ่ง กลัวไม่มีเวลากลับไปขน ฉะนั้นลุงเลยเรียกชิงซานให้ช่วยกันแบกมาส่งที่ร้าน”
ถานชิงซานพูดเสริมเช่นกัน “แค่สิบยี่สิบลี้ ไม่ไกลหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกซาบซึ้งใจและเกรงใจในเวลาเดียวกัน เขารีบไปช่วยทั้งสองยกของลงจากหลังทันที
“ลุงถาน พี่ชิงซาน เข้ามาดื่มชาก่อน ผมจะไปหาอะไรให้กิน”
ช่างไม้ถานโบกมือปัดแล้วพูดว่า “ไม่ล่ะ ดื่มน้ำสักแก้วพวกเราก็จะกลับกันแล้ว จะได้ไปทำชุดโต๊ะเพิ่มให้อีก”
“ลุงถาน ไม่ต้องเร่งงานขนาดนั้นหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดโน้มน้าวอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดช่างไม้ถานและถานชิงซานก็เดินตามเขาเข้าไปในร้าน
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในร้านก็เห็นว่าด้านในเต็มไปด้วยผู้คน ได้ยินการสนทนาของพวกเขาส่วนใหญ่ก็มาที่นี่เพื่อกินกุ้งเครย์ฟิชกันทั้งนั้น
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเจ้ากุ้งเครย์ฟิชที่พวกลูกค้าพูดถึงมันคืออะไร แต่เขาก็พอจะมองออกว่าโต๊ะเก้าอี้ในร้านของเจียงเสี่ยวไป๋ไม่พอให้ลูกค้านั่งแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้หลินเจียอินนำพะโล้ผักใส่ชามกระดาษให้ช่างไม้ถานและถานชิงซานนำกลับไปกิน
“เถ้าแก่ กุ้งเครย์ฟิชจะเริ่มขายตอนไหน ? ”
“เถ้าแก่ รีบทำออกขายเถอะ”
“ใช่แล้ว เมื่อวานฉันยังกินไม่หนำใจเลย วันนี้ฉันขอ 3 ชุดนะ เพราะฉันพาภรรยาและลูก ๆ มากินด้วย”
“เมื่อวานฉันยังไม่ได้กินเลย ได้แค่ดมกลิ่นเท่านั้น ไม่ ๆ วันนี้ฉันต้องซื้อก่อน”
“เถ้าแก่ วันนี้กุ้งเครย์ฟิชขายในจำนวนจำกัดไหม ? ”
“เถ้าแก่……”
“……”
ช่างไม้ถานและถานชิงซานเพิ่งกลับไป ลูกค้าหลายคนที่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ต่างก็เข้ามาถามอย่างรบเร้า
ในบรรดาลูกค้ามีอยู่หลายคนที่มาถึงก็เดินไปจ่ายเงินที่หลินเจียอิน แล้วจับหมายเลขคิวเพื่อรอรับกุ้งเครย์ฟิช
เฮ้อ !
ขายดีเกินไป ทำให้พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งเวลาพักหายใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างจะจนใจ เขาจึงบอกกับทุกคนว่า: “ทุกคนไม่ต้องรีบร้อน วันนี้เรามีกุ้งเครย์ฟิชเยอะ”
ทุกคนได้ยินแบบนั้นต่างก็วางใจไม่น้อย
เจียงเสี่ยวไป๋มาที่ครัวหลังร้านและรีบตั้งกระทะสามใบทันที จากนั้นเขาก็เริ่มทำเมนูกุ้งอบน้ำมัน
เดิมทีเขาอยากแนะนำเมนูกุ้งนึ่งและกุ้งกระเทียมก่อน แต่ดูจากสถานการณ์แล้วเกรงว่าจะทำไม่ทัน ดังนั้นเขาจึงต้องทำกุ้งอบน้ำมันก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้
ประมาณ 20 นาทีต่อมา กุ้งอบน้ำมันกระทะแรกสำหรับ 5 ชุดสุกพร้อมเสิร์ฟแล้ว และผ่านไปราว 5-6 นาที กระทะที่สองและสามก็พร้อมเสิร์ฟตามลำดับ
ต้องบอกเลยว่าการทำพร้อมกันสามกระทะนี้ถือว่ารวดเร็วกว่ามาก
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาพัก
กระทั่งเสร็จกระทะที่เจ็ด เขาถึงได้หายใจโล่งคอขึ้นมาหน่อย
เนื่องจากโต๊ะ 12 ตัวในร้านและโต๊ะไม้พับได้ที่ช่างไม้ถานนำมาส่งให้อีก 2 ตัวจะเต็มไปด้วยลูกค้าที่มากินกุ้งอบน้ำมัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีลูกค้าเข้ามาซื้อและถือออกไปข้างนอกอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าจึงทำได้เพียงถือกิน หรือไม่ก็นำกลับไปกินที่บ้านแทน
ทว่าเจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังไม่สามารถพักได้
โฆษณาของเมื่อวานหมดอายุไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงหาช่วงว่างเขียนโฆษณาใหม่ออกมา 2 แผ่นและให้หวังผิงนำไปติดที่ป้ายโฆษณาริมถนน
วันนี้กุ้งเยอะมาก พวกเขาต้องดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ เข้าร้าน
ข้อความในโฆษณานั้นเรียบง่ายมาก: ‘เซอร์ไพรส์ ! กุ้งเครย์ฟิช คุณเคยกินกันไหม ? ’ ‘มีจำนวนจำกัด ต่อให้เข้าคิวซื้อก็อาจซื้อไม่ทัน ! ’
หวังผิงอ่านแล้วก็หนังตากระตุก
ไม่ใช่เพราะคำในโฆษณา แต่เป็นเพราะเจียงเสี่ยวไป๋ได้วาดรูปกุ้งเครย์ฟิชยักษ์ลงไปในกระดาษด้วย
เดิมทีพื้นกระดาษเป็นสีแดงอยู่แล้ว ยิ่งพอใช้ลวดลายของพู่กันวาดรูปโครงร่างของกุ้งเครย์ฟิชลงไป ยิ่งทำให้มันดูมีสีแดงสดใส ราวกับมีกุ้งเครย์ฟิชมาเกาะอยู่บนกระดาษจริง ๆ
ไม่ยักรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่เพียงแต่เขียนหนังสือได้เท่านั้น แต่ยังวาดรูปได้อีกด้วย
หลังจากเขียนโฆษณาเสร็จแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่ครัวและทำกุ้งอบน้ำมันต่อ
ตอนนี้เขาไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้นแล้ว เขาทำคราวละ 2 กระทะ ซึ่งงานเบากว่าตอนแรกไม่น้อย
หากไม่มีโต๊ะว่างหลังจากที่เขาเริ่มตั้งกระทะ เขาเองก็ไม่ต้องรีบร้อนใส่ในกะละมังสแตนเลส เขาสามารถเทลงกะละมังพลาสติกขนาดใหญ่และทำต่อได้
อย่างไรก็ตาม เมนูกุ้งอบน้ำมันไม่ควรกินตอนร้อน ๆ รอให้มันเย็นตัวลงก่อนถึงจะรสชาติเข้าเนื้อยิ่งกว่า
แม้ว่าทางฝั่งเขาจะงานเบาลงไปมาก แต่หลินเจียอิน หวังผิง และเจียงเสี่ยวเฟิ่งที่อยู่ในร้านกลับงานยุ่งยิ่งกว่า
เนื่องจากโต๊ะไม่พอ ลูกค้าหลายคนจึงต้องนั่งโต๊ะร่วมกับลูกค้าคนอื่น
และพอลูกค้าชุดนี้กินเสร็จแล้ว ก็จะมีลูกค้าชุดใหม่เข้ามาจองเตรียมนั่งโต๊ะทันที ทำให้พวกเขาต้องเร่งทำความสะอาดโดยเร็ว
โดยปกติแล้วการการกุ้งอบน้ำมันจะมีกะละมังใส่ขยะ เปลือกกุ้งและกระดาษชำระใช้แล้วให้ แต่พอขยะเต็มกะละมังก็ตกลงบนโต๊ะหรือพื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะคราบน้ำมันอีก จึงค่อนข้างทำความสะอาดได้ยาก