ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 113 :ข่าวแพร่ไปแล้ว
ตอนที่ 113 :ข่าวแพร่ไปแล้ว
หูฉางจวินไม่เคยคิดมาก่อนจริง ๆ ว่าการกินกุ้งอบน้ำมันจะใช้น้ำมันเปลืองขนาดนี้
เพราะน้ำมันพืชราคาชั่งละ 9 เหมาเชียวนะ
เขาไม่กล้าตัดสินใจเอง
“งั้นฉันขอกลับไปปรึกษากับแม่ของหย่งหว๋าก่อน”
หูฉางจวินเดินคอตกกลับไป ทิ้งให้เจียงเสี่ยวไป๋และหลินเจียอินมองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก
นี่มันอะไรกันเนี่ย !
“วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กว่าจะทำกุ้งอบน้ำมันให้เขาเสร็จก็คงดึกพอดี”
หลินเจียอินพูดด้วยความสงสาร
เจียงเสี่ยวไป๋กลับส่ายหน้าอย่างจนใจ “ผมพูดไปขนาดนั้นแล้ว แต่เขาก็ยังอยากให้ผมช่วยทำ ผมจะมีทางเลือกอะไรได้อีก”
หลินเจียอินพยักหน้า เธอเห็นด้วยกับเขาเช่นกัน
เพราะเขาเป็นเพื่อนบ้าน ต้องเห็นหน้ากันทุกวัน หากปฏิเสธแรงไปอาจจะมองหน้ากันไม่ติดได้
ทว่าทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าหูฉางจวินเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
“เสี่ยวไป๋ กลับมาแล้วหรือ ! ”
“เสี่ยวไป๋ ตอนนี้ไม่ยุ่งแล้วใช่ไหม ! ”
“เสี่ยวไป๋ ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ ! ”
“……”
หูฉางจวินเดินออกไปได้ไม่นาน หูฉางปิน เจียงไห่กุ้ย เจียงเสี่ยวหลี่ และคนอื่นก็พากันยกโขยงมาราวกับนัดกันไว้
ในมือของทุกคนต่างก็ถือถังไม้เอาไว้คนละถัง
เขามีบทเรียนจากหูฉางจวินแล้ว มุมปากของเจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะกระตุกอย่างแรง
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพวกเขามาทำอะไร
ว่ากันว่ามาถึงบ้านให้นับเป็นแขก เจียงเสี่ยวไป๋ไม่อยากไล่พวกเขากลับ จึงทำได้เพียงพูดกับพวกเจียงไห่กุ้ยเหมือนที่พูดกับหูฉางจวินไปตอนแรก
จากนั้นเขาก็พูดอีกว่า “และเรื่องฆ่ากุ้ง ทุกคนต้องทำเอง”
เมื่อรวมกับปริมาณกุ้งที่หูฉางจวินนำมา พวกเขาเจ็ดครอบครัวเอากุ้งมารวมแล้วเกือบหนึ่งร้อยชั่งได้ เขาจะไม่ทำให้เด็ดขาด
จุดนี้ เจียงไห่กุ้ยและคนอื่นไม่คัดค้านเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋อุตส่าห์ช่วยทำให้ ไหนต้องมาขอพึ่งพิงเครื่องเทศและส่วนผสมของเขาอีก ฉะนั้นแค่เรื่องฆ่ากุ้ง พวกเขาจึงยินดีที่จะลงมือทำเอง
แต่พวกเขาก็รู้สึกไม่ต่างจากหูฉางจวิน ในใจของแต่ละคนต่างคิดว่าหากต้องใช้น้ำมันเป็นชั่งในการทำกุ้งอบน้ำมันหม้อหนึ่ง สุดท้ายแล้วมันจะคุ้มค่าสำหรับพวกเขาหรือไม่
และในตอนนี้เอง หูฉางจวินกลับมาพร้อมกับหม้อน้ำมันสกปรกอยู่ในมือ
“เสี่ยวไป๋ ที่บ้านของฉันไม่มีน้ำมันเยอะขนาดนั้น”
“นายว่าฉันพอจะลดปริมาณลงได้ไหม ? ”
หูฉางจวินพูดอย่างเก้อเขิน
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองหม้อน้ำมัน และเห็นว่าน้ำมันในหม้อนั้นเกือบจะอยู่ก้นหม้อแล้ว น่าจะเหลือไม่ถึง 2 เหลี่ยง
เขาจึงพูดว่า “น้ำมันของนายน่าจะพอทำกุ้งอบน้ำมันได้แค่ชั่งกว่า ๆ เท่านั้น”
หูฉางจวินพูดอย่างเขินอาย “งั้นช่วยทำให้ฉันสัก 2-3 ชั่ง แล้วใช้น้ำมันน้อยลงได้ไหม”
ใส่น้ำมันน้อยแล้วจะเรียกว่ากุ้งอบน้ำมันได้อย่างไร ?
เจียงเสี่ยวไป๋หมดคำจะพูด
แต่เขาก็รู้ว่าคนในชนบทมีวิถีชีวิตที่ยากลำบากขนาดไหน มันไม่ต่างอะไรจากเนื้อร้องในเพลงของคนรุ่นหลังที่ว่า “ในมือถือหมั่นโถว ในจานไม่มีน้ำมันสักหยด”
และดูจากที่หูฉางจวินยกหม้อน้ำมันมาทั้งใบแบบนั้น คาดว่าที่บ้านของพวกเขาคงจะเหลือน้ำมันน้อยมากจริง ๆ
ถ้าวันนี้เขาทำกุ้งอบน้ำมัน หากพรุ่งนี้เขาไม่ไปตลาด เขาก็จะไม่มีน้ำมันไว้ทำอาหารกินแล้ว
“ได้ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วกัน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบตกลงอย่างจนใจ เขาคิดในใจว่าอย่างมากก็คงต้องใช้น้ำมันที่เหลือที่บ้านด้วย
เจียงไห่กุ้ยได้ยินก็รีบพูดว่า “เสี่ยวไป๋ ของฉันก็ลดปริมาณลงเหมือนกัน เดี๋ยวฉันจะกลับไปเอาน้ำมันมาจากที่บ้านด้วย”
คนอื่นต่างก็บอกว่าจะขอลดปริมาณลงเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกพอใจมาก
เมื่อบ้านนั้นนำน้ำมันมาเล็กน้อย บ้านนี้นำน้ำมันของตนเองมาร่วมแจมบ้าง ในที่สุดทั้งเจ็ดครอบครัวก็สามารถรวบรวมน้ำมันได้ราว 1 ชั่งกว่า ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ทำกุ้งอบน้ำมันสองหม้อ ได้ประมาณ 20 กว่าชั่ง
เจียงไห่กุ้ย หูฉางจวินและคนอื่นแบ่งกุ้งกัน แล้วขอตัวกลับบ้านใครบ้านมันอย่างมีความสุข
คาดว่าในคืนนี้ ลูกหลานในครอบครัวของพวกเขาจะไม่ร้องไห้โวยวายแล้ว
กว่าเขาจะทำเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋จึงไปอาบน้ำนอน
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงเสี่ยวเฟิงไม่ได้รอเขาอยู่ในลานบ้านเหมือนทุกที แต่นำกุ้งเครย์ฟิชที่จับได้ใส่ในถังใบใหญ่และนำไปวางบนถนนลูกรังโดยตรง
แบบนี้จะได้ช่วยเบางานของเจียงเสี่ยวไป๋
วันนี้มีตลาดพอดี เจียงเสี่ยวหยุนตื่นแต่เช้าตรู่สะพายกระบุงไว้ด้านหลังเดินเข้าตัวอำเภอ เมื่อมาถึงถนนลูกรังและเห็นว่าเจียงเสี่ยวเฟิงกำลังยืนเฝ้าถังไม้หลายใบ ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “พี่เสี่ยวเฟิงทำอะไรหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวเฟิงตอบ “พี่รองของฉันจะใช้กุ้งเครย์ฟิช ฉันกำลังรอเขามายกขึ้นรถพ่วงข้าง”
“กุ้งเครย์ฟิช ? ”
เจียงเสี่ยวหยุนเดินไปที่ด้านข้างของถังไม้แล้วชะโงกหน้ามอง พลางพูดว่า “แมลงตัวใหญ่ที่ทำลายกล้าข้าวพวกนี้น่ะหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวเฟิงพยักหน้า
เจียงเสี่ยวหยุนจึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่รองของพี่ลากกุ้งเครย์ฟิชพวกนี้ไปขายในเมืองงั้นหรือ ? แล้วมันคุ้มเงินไหม ? ”
เจียงเสี่ยวเฟิงและเจียงเสี่ยวหยุนมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพียงแต่เป็นญาติที่ค่อนข้างจะห่างเหิน ไม่ได้สนิทกันมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตอบอย่างไม่ปิดบังว่า “ตอนนี้เขากำลังลองตลาด อีกไม่กี่วันน่าจะรับซื้อในเจียงวานที่ราคาชั่งละ 3 เหมา”
ซี๊ด……
เจียงเสี่ยวหยุนสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ
“ชั่งละ 3 เหมา ? ”
“พี่เสี่ยวเฟิงอย่ามาล้อฉันเล่นนะ”
ในเจียงวานมีพื้นที่นาข้าวและหนองน้ำโคลนมากมาย ทุกที่ล้วนมีแต่กุ้งเครย์ฟิชทั้งนั้น สองวันมานี้เขายังไปจับพวกมันในแปลงนาของครอบครัวเขาอยู่เลย ปกติหากไม่ฆ่ามันแล้วจับโยนทิ้งก็จะนำไปป้อนเป็นอาหารหมู
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าแมลงตัวใหญ่ที่ทำลายกล้าข้าวนี้จะขายได้ราคาสูงถึงชั่งละ 3 เหมา !
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะต้องลงกล้าในแปลงนาแล้ว หากไม่จับกุ้งเครย์ฟิชในนาออกไปให้หมดก่อน พวกมันก็อาจจะทำลายกล้าข้าวเสียหายได้
แบบนี้เท่ากับว่าการจับกุ้งเครย์ฟิชไม่เพียงแต่ไม่เพิ่มงานเท่านั้น แต่ยังสามารถทำเงินได้ก้อนโตด้วยน่ะสิ
เจียงเสี่ยวเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องจริงสิ ถ้าพี่รองของฉันรับซื้อเมื่อไรแล้วฉันจะบอกนายแล้วกันนะ”
เจียงเสี่ยวหยุนดีใจมาก เขาหยุดพูดคุยกับเจียงเสี่ยวเฟิงอีกครู่ใหญ่ ลืมเรื่องที่ตนเองจะรีบไปจ่ายตลาดหมดแล้ว
อำเภอชิงซานจะตั้งตลาดทุกวันคู่ และจะปิดตลาดทุกวันคี่ ซึ่งพวกเขาจะได้จ่ายตลาดแค่สองวันครั้งเท่านั้น ฉะนั้นคนในหมู่บ้านจึงรีบตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดกัน
ไม่นานหลังจากนั้น หยางซื่อหยุน หูฉางจวิน เถียนเจียอิง และคนอื่นก็เดินผ่านมาทางนี้เช่นกัน
คนอื่นน่ะยังพอได้ แต่เมื่อวานหูฉางจวินได้ให้เจียงเสี่ยวไป๋ช่วยทำกุ้งอบน้ำมันให้
แม้ว่าส่วนใหญ่จะให้หูหย่งลูกชายของเขาได้กิน แต่เขาก็ลองชิมไปหลายตัวเช่นกัน
รสชาติของกุ้งอบน้ำมันยังตราตรึงในใจของเขาจวบจนตอนนี้
“เสี่ยวเฟิง นายบอกว่าเสี่ยวไป๋จะรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอย่างนั้นหรือ ? ”
หูฉางจวินถามอย่างตื่นเต้น “งั้นแบบนี้พวกเราก็สามารถจับไปขายให้เขาได้เหมือนกันใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวเฟิงยังไม่ทันพูดอะไร เจียงเสี่ยวหยุนก็แย่งพูดขึ้นว่า: “พี่เสี่ยวเฟิงบอกว่าราคาชั่งละ 3 เหมา ตอนที่รับซื้อจะมาบอกให้ฉันรู้”
พอได้ยินว่าราคารับซื้อชั่งละ 3 เหมา หูฉางจวิน หยางซื่อหยุนและคนอื่นต่างตื่นเต้นกันมาก
เมื่อก่อนหลิวซือกั๋วรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กจากพวกเขาในราคาชั่งละ 4.5 เหมา พวกเขาแต่ละครอบครัวต่างก็นำไปขายให้ ครอบครัวที่ได้มากหน่อยก็ได้เงินสูงถึง 200 กว่าหยวน น้อยหน่อยก็อยู่ที่ 80-90 หยวน
มากกว่าเงินที่พวกเขาหามาได้ตลอดหลายปีเสียอีก
มันเหมือนกับว่าพวกเขารวยในข้ามคืนอย่างไรอย่างนั้น
แต่น่าเสียดายที่มันฝรั่งลูกเล็กขายราคานั้นได้แค่ครั้งเดียว และไม่เคยได้ราคานั้นอีกเลย
แต่การจับกุ้งเครย์ฟิชนั้นแตกต่างกัน พวกเขาสามารถจับมันได้หลายเดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี
อย่างน้อยผู้ใหญ่หนึ่งคนก็น่าจะจับได้หลายสิบชั่งในวันที่น่าเบื่อหน่าย
เท่ากับว่าในแต่ละวัน พวกเขาอาจจะขายกุ้งเครย์ฟิชได้เงินมากถึง 20-30 หยวน
และหากเป็นแบบนั้นจริง พวกเขาก็อาจจะทำเงินได้ราว ๆ 2,000-3,000 หยวนตลอดช่วงฤดูกาลของมัน
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
“เสี่ยวเฟิง พอถึงตอนนั้นอย่าลืมมาบอกฉันบ้างนะ”
“เสี่ยวเฟิง อย่าลืมฉันนะ”
“เสี่ยวเฟิง พวกเราสองคนเป็นเพื่อนเล่นโคลนกันมาตั้งแต่เด็ก นายต้องมาบอกฉันก่อนนะ”
“……”
หูฉางจวิน หยางซื่อหยุนและคนอื่นต่างแย่งกันเข้ามาพูดกับเจียงเสี่ยวเฟิงจนแทบจะตัวติดกับเขา เหลือก็แค่ลากตัวเขากลับไปไว้ที่บ้านตัวเองแล้ว
“เอาล่ะ ๆ พอถึงตอนนั้นฉันจะมาบอกทุกคนเอง”
เจียงเสี่ยวเฟิงตอบรับพวกเขาไป