ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 123 :หลอกชายชราไม่สำเร็จ
ตอนที่ 123 :หลอกชายชราไม่สำเร็จ
ท่าทางกระตือรือร้นและตื่นเต้นของหลินเจียอินทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุข
ภรรยาของเขาช่างเป็นคนเห็นแก่เงินจริง ๆ !
ทุกครั้งที่เธอเห็นเขาทำอะไรอร่อย เธอก็คิดที่จะทำมันขายทันที
เขาล่ะอยากยื่นมือไปบีบจมูกเธอเบา ๆ แล้วบอกเธอว่าเขาเต็มใจทำของอร่อยให้เธอกินไปทั้งชีวิต แต่เธอช่วยอย่ามองว่าเขาเป็นพ่อครัวประจำร้านได้ไหม ?
หากอยากให้เขาเป็น เขาอยากเป็นแค่คนขี่เธอทั้งวันทั้งคืนเท่านั้น
แต่เขาทำได้เพียงคิดในใจ ไม่กล้าพูดออกไปต่อหน้าเธอ
เขายิ้มแล้วบอกว่า “ร้านใหม่ของเราจะขายแต่กุ้งเครย์ฟิช”
“ทำไมล่ะ ? ” หลินเจียอินถามด้วยความประหลาดใจ “ฉันคิดว่าข้าวตุ๋นหัวปลาอร่อยมาก ต้องขายได้แน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายว่า “เพราะเราต้องการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ระดับมืออาชีพ”
“ในเมื่อเป็นมืออาชีพก็ต้องมีเพียงอย่างเดียว ไม่นำอย่างอื่นมาปะปนด้วย”
“การเป็นมืออาชีพหมายถึงการเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนั้น ๆ และเป็นอันดับหนึ่งเท่านั้น”
“ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าในอนาคตจะมีคนเปิดร้านขายกุ้งเครย์ฟิชกี่คน ตราบใดที่ลูกค้าอยากกินกุ้งเครย์ฟิช ร้านแรกที่พวกเขาจะนึกถึงก็คือร้านของเรา”
หลังจากอธิบายแล้ว เขายังพูดต่ออีกว่า “ในอนาคตเราจะเปิดร้านอีกหลายแห่ง แล้วเราก็จะเปิดร้านอื่นที่ขายเฉพาะข้าวตุ๋นหัวปลาได้”
“อืม ! ”
หลินเจียอินพยักหน้าเบา ๆ
“เอาล่ะ คุณพาชานชานไปเดินเล่นที่ลานบ้านเถอะ เดี๋ยวผมจะล้างจานเอง อีกเดี๋ยวผมจะทำเครื่องปรุงสำหรับวันพรุ่งนี้ด้วย” เจียงเสี่ยวไป๋บอก
“ฉันทำเอง ถือเป็นการย่อยอาหารไปด้วย”
หลินเจียอินแย่งชามและตะเกียบมาล้างเอง
ในตอนแรก ทุกครั้งหลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เธอจะยอมให้เจียงเสี่ยวไป๋เก็บกวาดล้างจานเอง นั่นเป็นเพราะตอนนั้นเธอคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋น่ารังเกียจมาก ในเมื่อเขาอยากทำ ก็ปล่อยให้เขาทำไป
แต่แล้วเธอกลับค่อย ๆ พบว่าเจียงเสี่ยวไป๋เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เขาทำตัวดีขึ้นมาก และไม่ได้น่าโมโหเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เธอเองก็ติดนิสัยปล่อยให้เจียงเสี่ยวไป๋เก็บกวาดและล้างจานไปแล้ว
แต่หลายวันมานี้ เธอเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาพักผ่อน ในใจของเธอสงสารเขามาก
เธอไม่ได้อยากให้เขาต้องมาลำบากขนาดนั้น
“ไม่เป็นไร คุณไปเดินเล่นช่วยย่อยได้ดีกว่าเยอะ”
“ผมล้างจานเก่งนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋แย่งชามกับตะเกียบมาจากหลินเจียอินแล้วพูดอย่างอ่อนโยน
หลินเจียอินตกตะลึง
เธอพบว่าเจียงเสี่ยวไป๋ดีต่อเธอมากจริง ๆ ทำให้เธอรู้สึกราวกับกำลังถูกปกป้อง รู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะมีความรักใหม่อีกครั้งอย่างไรอย่างนั้น
น่าเสียดายที่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ทันได้สังเกตเห็น
ไม่อย่างนั้นหากเขากอดเธอตอนนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะได้ร่วมเตียงกับเธอก็ได้
เวลาที่ผู้หญิงยอมรับผู้ชายสักคน มักจะเป็นความรู้สึกที่สัมผัสเข้ากับหัวใจของพวกเธอ มันมาเร็วและหายไปอย่างรวดเร็วเสมอ
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าครัวไปล้างจานและเตรียมเครื่องปรุงสำเร็จรูปสำหรับกุ้งอบน้ำมันพรุ่งนี้แล้ว เขาก็เข้าห้องและเริ่มวาดแปลนบ้านหลังใหม่
เวลา 2 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเจียงเสี่ยวไป๋ทำพะโล้เสร็จแล้ว เขาก็ห่อหูหมูพะโล้ 1 ถ้วย หัวหมูพะโล้ 1 ถ้วย และผัดมันฝรั่ง 2 ถ้วย จากนั้นก็ไปซื้อเหล้าเหมาไถที่ห้างสรรพสินค้ามาอีก 2 ขวด ถึงได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปยังถนนซานเซิ่งทางตอนเหนือของเมือง เพื่อไปหาหลินฉางเกิง
“หอบหิ้วอะไรมาเยอะแยะอีกแล้วล่ะพ่อหนุ่ม ? ”
หลินฉางเกิงเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ ใบหน้าชราที่ซูบซีดจึงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสงบ
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบอาหารที่เขานำมามาวางบนโต๊ะแปดเซียนแล้วพูดว่า “จะเที่ยงแล้ว ผมเลยเอาอาหารบางส่วนจากร้านของผมมาฝาก จะได้นั่งกินกับคุณด้วย”
การกระทำและคำพูดของเขาดูเป็นกันเองมาก ราวกับว่าเขาอยู่ในบ้านของตัวเองหรือกำลังพูดคุยกับเพื่อนเก่าอย่างไรอย่างนั้น
เขาวางชามพะโล้บนโต๊ะ แล้ววางผัดมันฝรั่งไว้ตรงหน้าหลินฉางเกิงและเขาคนละถ้วย พลางพูดว่า “เหล่าหลิน คุณไปเอาจอกเหล้ากับตะเกียบมาสิ ! ”
“อื้ม ๆ ! ”
หูหมูพะโล้สีสันแวววาวและหัวหมูพะโล้หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ มีกลิ่นหอมเข้มข้น ผัดมันฝรั่งสีเหลืองทองคลุกเคล้ากับซอสสูตรลับยังส่งกลิ่นหอมที่ต่างกันออกมา หลินฉางเกิงรู้สึกตื่นตัวทันที เขาตอบรับไปสองครั้งแล้วเดินไปที่ห้องครัวเพื่อนำจอกเหล้าและตะเกียบมา
ไม่จำเป็นต้องใช้ชาม เพราะอาหารทั้งหมดบรรจุในชามกระดาษแบบใช้แล้วทิ้ง
เจียงเสี่ยวไป๋เปิดเหล้าเหมาไถเทให้หลินฉางเกิงเต็มจอก จากนั้นทั้งสองก็เริ่มกินและพูดคุยกัน
“ร้านพ่อหนุ่มทำอาหารพวกนี้เองทั้งหมดเลยหรือ ? ”
หลินฉางเกิงชิมหูหมูพะโล้ หัวหมูพะโล้และผัดมันฝรั่งแล้ว ทั้งสามเมนูนี้ล้วนเป็นอาหารอร่อยที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนในชีวิต เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มรับ “ผมทำเองหมดเลย”
หลินฉางเกิงชะงักไปเล็กน้อย เขายกแก้วขึ้นแล้วชวนดื่ม “ไม่ยักรู้ว่าพ่อหนุ่มจะทำอาหารเก่งขนาดนี้ มาดื่มกันหน่อยสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและชนแก้วกับหลินฉางเกิง จากนั้นก็กระดกดื่มในรวดเดียว
หลินฉางเกิงเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋ดื่มเหล้าอย่างห้าวหาญ ในใจของเขารู้สึกดีใจ เขาเริ่มยอมรับในตัวเจียงเสี่ยวไป๋มากขึ้นแล้ว จึงเริ่มทำตัวตามสบาย
และนี่คือสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋คาดหวังเช่นกัน
การที่ชายชรายอมรับเขาก็เรื่องหนึ่ง แต่การมีความสัมพันธ์ที่ดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเช่นกัน
หลังจากกินข้าวด้วยกันในมื้อนี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น
“คนกินปากนุ่ม คนรับมือสั้น ! ”
หลินฉางเกิงเช็ดปากแล้วทอดถอนใจออกมา “ไปกันเถอะ ไปที่บ้านตระกูลเฉินกัน”
“ครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบรับอย่างดีใจ เขารีบเก็บถ้วยเปล่าเตรียมนำไปทิ้ง แล้วพาชายชราออกจากบ้าน
หลินฉางเกิงยกยิ้ม ถ้วยกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งนี่ก็ดีเหมือนกัน ใช้เสร็จแล้วสามารถทิ้งได้เลย ไม่ต้องล้าง สะดวกสบายมาก
พวกเขาทั้งสองออกจากบ้าน จัดการทิ้งขยะ ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างและมุ่งหน้าไปยังเฉินเจียโกวพร้อมกับเสียง ‘บื้น บื้น’
ในฐานะที่หลินฉางเกิงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมโบราณ เขาเคยศึกษาอาคารโบราณทั่วทั้งมณฑลตอนกลางของจีน และถึงขนาดเคยเดินทางไปศึกษามาทั่วประเทศแล้ว บ้านตระกูลเฉินและห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลเฉินเป็นบ้านเก่าแก่ในท้องที่ชิงโจว เขาเคยไปที่นั่นเมื่อหลายปีก่อนและยังเคยทำการศึกษาที่นั่นมาแล้วด้วย
ได้มาเยือนถิ่นเก่า ผู้เฒ่าได้แต่ทอดถอนใจด้วยความเศร้า
อาคารเก่าแก่สองหลังนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หากปล่อยทิ้งไว้ตามเดิม มันจะพังทลายและผุพังในอีกไม่กี่สิบปี
หลังจากเดินดูโดยทั่วไปแล้ว หลินฉางเกิงก็ถามขึ้นทันที “เสี่ยวเจียง เธอไม่ใช่คนเฉินเจียโกวใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับไปตามความเป็นจริง “ผมเป็นคนเจียงวานครับ”
หลินฉางเกิงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “บอกความจริงมาเถิด ทำไมพ่อหนุ่มถึงเดินทางจากเจียงวานมาถึงเฉินเจียโกวเพื่อรื้อถอนบ้านเก่าของพวกเขาล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “เหล่าหลิน คุณเองก็เห็นแล้วว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนดูแล อีกไม่นานก็คงถูกรื้อถอน”
“ผมกำลังจะสร้างบ้านสไตล์จีนโบราณที่เจียงวาน เลยคิดจะนำสิ่งที่พอใช้ได้จากบ้านหลังนี้ไปใช้”
พูดจบ เขาก็พูดเสริมเสียงแผ่วว่า “นี่……ถือเป็นการอนุรักษ์อย่างหนึ่งใช่ไหม ? ”
หลินฉางเกิงไม่ตอบอะไร ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก ดวงตาเฒ่าของเขามองไปยังบ้านตระกูลเฉินที่ทรุดโทรมด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เขาเงียบไปนาน ก่อนที่จะพูดว่า “ที่พ่อหนุ่มพูดก็ถูก”
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจ ราวกับได้ยกหินออกจากอก
“เหล่าหลิน ผมวาดแบบร่างมา คุณดูสิ”
ขณะที่พูด เขาก็หยิบแบบแปลนบ้านหลังใหม่ของเขาออกมาแล้วส่งให้หลินฉางเกิง
หลินฉางเกิงพูดอย่างแปลกใจว่า “พ่อหนุ่มวาดแบบแปลนได้ด้วยหรือ ? ”
เขารับมันไปแบบสบาย ๆ และไม่ได้สนใจอะไรมาก
แต่เมื่อเขาเปิดมันและมองดู ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น “นี่เธอวาดเองจริงหรือ ? ”
“เหล่าหลินดูแล้วอย่าหัวเราะผมนะครับ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างถ่อมตัว
หลินฉางเกิงไม่ได้สนใจเจียงเสี่ยวไป๋ เขาจดจ่อกับภาพวาดในมือของเขา ยิ่งเขามองมันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น
จากมุมมองระดับมืออาชีพของเขา แม้แบบแปลนบ้านที่เจียงเสี่ยวไป๋ร่างมาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จด้านการเป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณอย่างสมบูรณ์ ทว่ายังคงมีกลิ่นอายความเป็นจีนโบราณ แต่การวางแผนผังของบ้าน โดยเฉพาะการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งาน ทำให้เขาชื่นชอบไม่น้อย
มีบางสิ่งที่แม้แต่เขาก็ยังไม่ได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
แนวคิดการออกแบบนี้ล้ำหน้า !
แต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจียงเสี่ยวไป๋คือคนที่กลับมาเกิดใหม่ ในยุคสมัยต่อมามีสถาปนิกหน้าใหม่เป็นจำนวนมาก และเป็นเพราะมีการแข่งขันทางการตลาดสูง กระทั่งการตกผลึกของภูมิปัญญาของเหล่าสถาปนิกรุ่นต่อรุ่น เพื่อออกแบบสภาพแวดล้อมทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามและครบฟังก์ชั่นการใช้งานที่สุด
ชาติที่แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนรอบรู้
ดังนั้นในชาตินี้ เขาแค่นำแนวคิดและแผนการออกแบบสำเร็จรูปเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้เท่านั้น
“เดี๋ยวฉันขอแบบแปลนบ้านนี้ไว้ก่อนแล้วกัน ฉันจะลองศึกษาอย่างละเอียดดู”
หลินฉางเกิงมองไปที่แปลนบ้านในมือของเขา แล้วมองไปที่บ้านตระกูลเฉินที่ทรุดโทรม ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าบ้านตระกูลเฉินได้พบชีวิตใหม่แล้ว