ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 124 :เรื่องนี้ได้
ตอนที่ 124 :เรื่องนี้ได้
“ไปหาผู้ช่วยมาให้ฉันสองคน ฉันจะอยู่ที่นี่สักสองสามวัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คิดว่าชายชราหลินจะขอให้เขาทำแบบนี้ เขามองไปยังหลินฉางเกิงด้วยสีหน้าแปลก ๆ “เหล่าหลิน ผมว่าไม่น่าจะดีนะครับ ! คุณอยู่ที่นี่คงไม่สะดวกหรอก”
หลินฉางเกิงโบกมือปัดแล้วพูดว่า “ไม่สะดวกตรงไหน ? สมัยที่ฉันไปศึกษาโบราณสถาน ฉันก็มักจะต้องไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร แต่ที่นี่มีผนังล้อมรอบด้าน มีกระเบื้องหลังคาคอยกันฝน สะดวกสบายมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋ที่ได้ยินก็อดที่จะทำหน้าเหยเกไม่ได้ ในใจได้แต่พูดว่า: ก็นั่นมันตอนที่คุณยังหนุ่ม
ตอนนี้หลินฉางเกิงมีอายุ 70 ปีแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ไม่กล้าปล่อยให้เขาอยู่ที่เฉินเจียโกวเพียงลำพัง เพราะหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา มันจะแย่เอาได้
ไม่คิดเลยว่าหลินฉางเกิงผู้นี้จะเป็นชายชราจอมดื้อรั้น ในเมื่อเขาตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้เจียงเสี่ยวไป๋จะโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่เป็นผล
ไม่อย่างนั้น เขาจะไม่ทำให้แล้ว
“อ้อ พ่อหนุ่มต้องรับหน้าที่เป็นคนมาส่งอาหารให้ฉันทุกวันนะ ! ”
“หูหมูพะโล้นั่นไม่เลวเลย”
“แล้วก็เหล้าด้วย ไม่ต้องเอาเหล้าเหมาไถหรอก แค่เหล้าข้าวโพดก็พอแล้ว ! ”
หลินฉางเกิงสั่งเจียงเสี่ยวไป๋อย่างไม่เกรงใจ
หลังจากพูดจบ เขายังเสริมว่า “อย่าลืมทำบันไดยาวมาสัก 2 อัน แล้วก็เตรียมปากกาและสมุดบันทึกมาให้ฉันด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋ต้องยอมทำตามอย่างไม่เต็มใจ
เรื่องกินกับข้าวของเครื่องใช้น่ะไม่ยาก แค่ทำตามที่เขาต้องการแล้วนำมาส่งก็เรียบร้อยแล้ว แต่ประเด็นคือหลินฉางเกิงขอให้เขาหาผู้ช่วยมาให้อีกสองคนด้วย ซึ่งเรื่องนี้น่ะยากมาก
เพราะผู้ช่วยที่หามานอกจากจะต้องมีความยืดหยุ่นและความตื่นตัวแล้ว ยังต้องสามารถทนต่ออารมณ์ของชายชราหลินได้ด้วย
ทั้งต้องมีความรู้ด้านสถาปัตยกรรมบ้าง จึงจะช่วยงานชายชราหลินได้ง่าย
หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน ในที่สุดเขาก็นึกถึงช่างไม้ถานขึ้นมา
ช่วงนี้ช่างไม้ถานมาช่วยเขาปรับปรุงร้านใหม่ เขาทั้งทำงานไม้ ทำโต๊ะและเก้าอี้ให้กับเจียงเสี่ยวไป๋ จึงปลีกตัวไปไหนค่อนข้างยาก
แต่เจียงเสี่ยวไปคิดว่างานช่างไม้ในร้านที่กำลังทำใหม่มีไม่เยอะมาก เดิมทีทีมงานก่อสร้างของจวงปี้เฉิงมีช่างไม้อยู่แล้ว หากเขาจะสลับตัวช่างไม้ถานมาช่วยงานทางนี้น่าจะไม่กระทบอะไร
ส่วนเรื่องทำชุดโต๊ะเก้าอี้ใหม่ของร้าน พักไว้สักสองสามวันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน
ส่วนตัวเลือกอีกคนนั้น เจียงเสี่ยวไป๋พิจารณาอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจให้จวงปี้เฉิงมา
หลังจากรู้จักเขามานาน เจียงเสี่ยวไป๋พบว่าจวงปี้เฉิงมีข้อดีหลายประการ เหมาะสมที่จะมาเป็นลูกมือของชายชราหลิน
อีกอย่าง หลังจากการรื้อถอนบ้านและโถงบรรพบุรุษตระกูลเฉิน วัสดุจากที่นี่จะถูกส่งไปยังเจียงวานเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ของเขา
การให้จวงปี้เฉิงมามีส่วนร่วมในงานรื้อถอนนี้จะทำให้เขาคุ้นเคยกับวัสดุเหล่านี้ดี และเมื่อต้องใช้วัสดุเหล่านี้ในภายหลัง เขาจะสั่งการคนงานได้ง่ายขึ้น
ซึ่งวิธีนี้ทั้งมีประโยชน์และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด
หลังจากปรึกษากับหลินฉางเกิงแล้ว หลินฉางเกิงไม่ได้มีข้อคัดค้านใด เพียงแค่ให้เขารีบส่งคนมาโดยเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้จัดการเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น หลินฉางเกิงจึงอยู่ที่เฉินเจียโกวเพียงลำพังก่อน เขาศึกษาแบบแปลนอยู่ที่นี่ ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่ชิงโจวเพื่อเตรียมของและรับคนมา
พวกเขาสามคนจะต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน เจียงเสี่ยวไป๋จึงไปหาซื้อเครื่องนอน กะละมัง ผ้าเช็ดตัวและของใช้ประจำวันอื่น ๆ จำนวน 3 ชุด แล้วไปหาช่างไม้ถานและจวงปี้เฉิง
ช่างไม้ถานพูดง่าย เพราะเขายินดีทำเรื่องต่าง ๆ ให้เจียงเสี่ยวไป๋อยู่แล้ว ไม่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะให้เขาทำอะไร เขาก็ยินดีทำทั้งนั้น
แต่จวงปี้เฉิงมีความกังวลเล็กน้อย ขณะนี้เขาและเหลียงซือฮุยกำลังสร้างระเบียงยื่นออกไปในแม่น้ำ ถือเป็นงานสำคัญที่จะผิดพลาดไม่ได้ หากเขาต้องปลีกตัวออกไป เขาก็จะไม่สบายใจ
ทว่าเมื่อเจียงเสี่ยวไป๋บอกตัวตนของหลินฉางเกิงให้เขารู้ เขาก็เกิดความสนใจไม่น้อย
เขาอยากเรียนรู้จากชายชราหลิน
อีกอย่างเจียงเสี่ยวไป๋พูดถูก ในเมื่อต้องรื้อถอนของที่นั่นแล้วนำวัสดุบางส่วนมาสร้างบ้านที่เจียงวาน เขาจะต้องทำความคุ้นเคยกับมันเสียก่อน เพราะถึงอย่างไรมันก็คืองานของเขา
เจียงเสี่ยวไป๋นำของใช้ในชีวิตประจำวันขึ้นพ่วงข้าง แล้วพาช่างไม้ถานและจวงปี้เฉิงไปส่งให้หลินฉางเกิงที่เฉินเจียโกว
เป็นอันเสร็จสิ้นหน้าที่ของเขา
ส่วนบันไดยาว เจียงเสี่ยวไป๋พาจวงปี้เฉิงไปหาเฉินเจิ้นฮวาเพื่อขอยืมจากชาวบ้านในเฉินเจียโกว
ถือเป็นการให้จวงปี้เฉิงและเฉินเจิ้นฮวาได้ทำความรู้จักกัน ต่อไปนี้เวลาเขาไม่อยู่ พวกเขาจะได้มีคนคุ้นเคยคอยดูแลตอนอยู่ที่เฉินเจียโกว
หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างแล้ว หลินฉางเกิงจึงชวนช่างไม้ถานและจวงปี้เฉิงเริ่มงานทันที
ขั้นแรก เขาร่างแปลนเดิมของบ้านตระกูลเฉินขึ้นมา จากนั้นก็ระบุหมายเลยตำแหน่งและวัสดุที่ต้องการใช้ ถึงได้เริ่มเตรียมงานรื้อถอน
งานรื้อถอนเป็นงานหนัก จวงปี้เฉิงจึงโยกย้ายคนงาน 10 คนจากไซต์งานก่อสร้างที่เจียงวานมาช่วยรื้อถอนตามคำสั่งของชายชราหลิน
การรื้อถอนทั่วไปสามารถมอบหมายให้กับคนงานของเขาได้
แต่วัสดุสำคัญบางจุดต้องอาศัยงานด้านเทคนิค หลินฉางเกิงจึงวางแผนจะทำเอง
แต่ที่ไม่คาดคิดคือ ช่างไม้ถานขออาสาเป็นคนทำเอง
“เหล่าหลิน คุณอายุมากแล้ว เรื่องงานปีนบันไดขึ้นที่สูงแบบนี้ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”
“ใช่แล้ว คุณคอยบอกอยู่ด้านล่าง ให้ผมกับลุงถานขึ้นไปเถอะ” จวงปี้เฉิงเห็นด้วย
หลินฉางเกิงคิดแล้วจึงให้ทั้งสองขึ้นไปลองรื้อวัสดุง่าย ๆ ลงมาก่อน
เดิมทีเขากังวลว่าช่างไม้ถานและจวงปี้เฉิงจะทำให้ไม้ได้รับความเสียหายระหว่างรื้อถอน พอถึงตอนนั้นร่องกับข้อต่อเดือยของไม้อาจเชื่อมกันไม่ได้
แต่ฝีมือของช่างไม้ถานทำให้เขารู้สึกทึ่งไม่น้อย
เจียงเสี่ยวไป๋ไปเจอช่างฝีมือดีแบบนี้มาจากไหน เขาทำงานได้ดีกว่ามืออาชีพที่หลินฉางเกิงเคยร่วมงานด้วย ร่องและข้อต่อเดือยทุกชนิดในมือของเขาเหมือนดินน้ำมันในมือของเด็กที่สามารถนวดมันได้ตามที่ต้องการ
ข้อต่อเดือยทั้งหมดไม่เพียงแต่ยังคงสภาพสมบูรณ์ แม้แต่บางจุดที่ได้รับความเสียหายตั้งแต่แรก เขายังสามารถซ่อมแซมได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ทำให้มีสภาพดูเหมือนของเดิมมาก
ฝีมือของจวงปี้เฉิงนั้นไม่ธรรมดาเช่นกัน เขาจัดเรียงวัสดุต่าง ๆ ที่รื้อถอนออกมาอย่างเป็นระบบระเบียบ ไม้ที่รื้อ กระดาน ไม้แกะสลักและสิ่งของอื่น ๆ ถูกแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ทำให้หาง่ายและเก็บรักษาได้อย่างเหมาะสม
หลายวันมานี้ เจียงเสี่ยวไป๋ทำพะโล้เสร็จแล้วก็จะมาส่งอาหารให้พวกเขาที่เฉินเจียโกว ในแต่ละมื้อ หากไม่ใช่พะโล้ก็จะเป็นกุ้งอบน้ำมันพร้อมด้วยเหล้าเหมาไถ ทั้งสามคนจึงกินกันอย่างอิ่มหนำ
“เสี่ยวไป๋ ถ้าเธอเลี้ยงข้าวฉันแบบนี้ทุกมื้อ ตอนเธอสร้างบ้านใหม่ ฉันจะไปช่วยงานอีกแรง”
หลินฉางเกิงพูดอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ปฏิเสธ “คุณพูดแล้วนะ ถ้าคุณไปเจียงวาน รับรองเลยว่าอาหารการกินและที่อยู่อาศัยจะต้องดีกว่าที่นี่แน่นอน”
เพราะถึงอย่างไรเจียงวานก็เป็นบ้านของเขา หากชายชราหลินไปก็จะให้ไปอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ เรื่องอาหารการกินในแต่ละวันย่อมไม่มีปัญหา ไม่เหมือนที่เฉินเจียโกวที่แต่ละวันจะต้องนำมาจากร้าน
อีกอย่าง ที่นี่ไม่สะดวกในเรื่องซักล้าง
“ได้ ตกลงกันตามนี้” หลินฉางเกิงตอบรับอย่างยินดี
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว บ้านและโถงบรรพบุรุษตระกูลเฉินถูกรื้อถอนเกือบเสร็จแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ไปหาเฝิงเจียเหอเพื่อขอให้เขาใช้รถแทรกเตอร์มาช่วยขนย้ายของไปที่เจียงวาน
ดังที่เฉินเจิ้นฮวากล่าวไว้ตอนต้น แม้แต่อิฐก็ถูกขนย้ายออกไปด้วย
บริเวณที่เคยมีอาคารเก่าแก่ตั้งอยู่สองหลัง บัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่ว่างเปล่า……
เฉินเจิ้นฮวายืนอยู่ข้างซากปรักหักพังอย่างหดหู่
ท้ายที่สุดแล้ว บ้านเก่าแก่ที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมากว่าสองร้อยปีก็หายไปแบบนี้ เขาจึงรู้สึกใจหายไม่น้อย
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปยืนข้าง ๆ เขาแล้วพูดว่า “ลุงเฉิน อีกสองสามวันผมจะมาหาลุงใหม่ ผมมีธุรกิจที่อยากทำความร่วมมือกับลุง”
“ธุรกิจ ? ”
เฉินเจิ้นฮวาผงะไปเล็กน้อย แล้วถามอย่างงุนงงว่า “ตอนนี้บ้านเก่าถูกรื้อถอนไปแล้ว ยังมีธุรกิจอะไรที่อยากทำร่วมกับฉันอีกหรือ ? ”
แต่ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น แล้วพูดว่า “คุณชอบสะสมของโบราณ ของเก่าในตัวบ้านและโถงบรรพบุรุษของเราถูกคนแบ่งออกไปไม่น้อย ฉันรู้ว่าของพวกนั้นไปอยู่ที่บ้านหลังไหนบ้าง คุณคิดจะซื้อกลับคืนมาใช่ไหม ? ”
คราวนี้ถึงคราวที่เจียงเสี่ยวไป๋ต้องตกตะลึงบ้างแล้ว
เขาแค่คิดว่าเมื่อร้านใหม่เปิดขายอย่างเป็นทางการคงจะต้องใช้กุ้งเครย์ฟิชเป็นจำนวนมาก เขาสามารถให้เฉินเจิ้นฮวารับซื้อกุ้งเครย์ฟิชจากเฉินเจียโกวมาส่งให้เขา ถือเป็นการชดเชยรายได้ให้เฉินเจิ้นฮวาบ้าง
แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะนำไปสู่คำพูดนี้ของเฉินเจิ้นฮวา
เจียงเสี่ยวไป๋ตาเป็นประกายโดยไม่รู้ตัว
เรื่องนี้ได้ !