ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 127 :ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน
ตอนที่ 127 :ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน
“สวัสดีครับท่านรองนายกจาง ! ”
“สวัสดีครับประธานฟู่ ! ”
“สวัสดีครับหัวหน้าเหลียง ! ”
“สวัสดีเลขาติง ! ”
“ทุกท่านให้เกียรติมาทานอาหารในร้านเล็ก ๆ ของผม ถือเป็นเกียรติแก่ร้านผมมาก ก่อนหน้านี้ผมมัวแต่ยุ่งกับงานในครัว จึงไม่ได้ต้อนรับอย่างทั่วถึง ต้องขออภัยด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋มาที่โต๊ะของรองนายกเทศมนตรีจางแล้วทักทายทุกคนด้วยท่าทีที่ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย
ในบรรดาแขกคนใหญ่คนโตที่นั่งร่วมโต๊ะนี้ เหลียงจื้อเฉิง ฟู่เต๋อเจิง และติงจวิ้นเจี๋ยล้วนเป็นคนที่เขาคุ้นเคยดี มีเพียงคนเดียวที่เขาไม่รู้จักก็คือรองนายกเทศมนตรีจาง ฉะนั้นเขาเรียกไม่ผิดแน่นอน
นอกจากนี้ เมื่อเขาเห็นว่ารองนายกเทศมนตรีจางอยู่กับฟู่เต๋อเจิง เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าทำไมรองนายกคนนี้ถึงอยากเจอเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่ยิ้มเจื่อนในใจ
“เถ้าแก่เจียงไม่ต้องมากพิธี ขอบคุณที่ให้เราได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะมากมายขนาดนี้ มานั่งคุยกันเถอะ”
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่จงฮว๋าให้ทุกคนแล้วนั่งลง
ในตอนแรก บทสนทนาไม่มีอะไรมากไปกว่าคำพูดทักทายกันอย่างสุภาพ แต่พอผ่านไปไม่กี่ประโยค พวกเขาก็ดึงเข้าเรื่อง ซึ่งเป็นอย่างที่เจียงเสี่ยวไป๋คาดไว้ รองนายกเทศมนตรีจางเห็นถึงศักยภาพทางการตลาดของกุ้งเครย์ฟิช เขาจึงอยากชักชวนให้เจียงเสี่ยวไป๋ผลักดันเรื่องนี้ร่วมกับเขา
ในตอนที่ฟู่เต๋อเจิงพูดถึงเรื่องนี้ เขาพูดแค่ในแง่ของการทำข่าวประชาสัมพันธ์ ซึ่งเจียงเสี่ยวไป๋สามารถปฏิเสธได้โดยตรง แต่รองนายกเทศมนตรีจางนั้นต่างกัน เขาเป็นผู้นำ เมื่อเขาพูดมาแบบนี้ เจียงเสี่ยวไป๋จึงปฏิเสธได้ยาก
“ท่านรองนายกจาง ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับทุกสิ่งที่คุณพูด ! ”
“ตามความคิดของคุณ การพัฒนากุ้งเครย์ฟิชให้กลายเป็นอุตสาหกรรมสามารถส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองนี้ได้”
“ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ทำด้านนี้ ผมจึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีเหตุผลและต้นทุนพอที่จะต่อต้าน เขาจึงแสดงทัศนคติออกมา
แต่สิ่งที่เขาพูดก็ชัดเจนเช่นกัน เขามีเพียงทัศนคติ แต่ไม่กระทำ
รองนายกเทศมนตรีจางเหลือบมองเขา แล้วหันไปสบตากับฟู่เต๋อเจิง แล้วถึงหันมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นเถ้าแก่เจียงมีอะไรจะแนะนำเกี่ยวกับการผลักดันให้กุ้งเครย์ฟิชกลายเป็นอุตสาหกรรมไหม ? ”
คนระดับเขา ต่อให้เจียงเสี่ยวไป๋จะใช้คำพูดที่สวยหรู แต่เขาก็สามารถจับจุดสำคัญได้ในทันที ฉะนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป็นถามอย่างตรงไปตรงมาแทน
เขาไม่อนุญาตให้เจียงเสี่ยวไป๋อ้อมค้อม
หากคนธรรมดาต้องมาถูกรองนายกเทศมนตรีระดับสูงถามความคิดเห็น พวกเขาคงจะพูดจาอึกอัก ติด ๆ ขัด ๆ เหมือนเทถั่วออกจากกระบอกไม้ไผ่
แต่เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนที่มีชีวิตมาแล้วถึงสองชาติ อีกทั้งชาติที่แล้วยังเป็นถึงมหาเศรษฐีระดับหมื่นล้าน เขาเคยพูดคุยกับผู้นำระดับสูงมามากมาย อย่าว่าแต่รองนายกเทศมนตรีระดับเมืองเลย ต่อไปเป็นระดับมณฑลหรือสูงไปกว่านั้น เขาก็เคยพบเจอมาหมดแล้ว
ดังนั้นในแง่ของมาดแห่งความมีอำนาจ เขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย
เขาเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “ผมเป็นแค่พ่อครัว อาศัยฝีมือทำอาหารหาเลี้ยงครอบครัว ผมไม่มีคำแนะนำหรอกครับ”
ฟู่เต๋อเจิงที่นั่งอยู่ข้างกันถึงกับกระตุกมุมปาก ในใจได้แต่แอบด่าเจียงเสี่ยวไป๋ว่าเป็นพวกหัวดื้อจอมเจ้าเล่ห์
ครั้งแรกตอนที่เขานั่งกินข้าวกับเจียงเสี่ยวไป๋ที่ร้านอาหารของรัฐ เขาเคยสนทนาเรื่องเชิงลึกกับเจียงเสี่ยวไป๋ เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในด้านเศรษฐกิจและกิจการต่าง ๆ ในเวลานั้นเขาพูดได้ละเอียดมาก แต่ตอนนี้เขากลับแกล้งทำเป็นตีมึนเสียได้
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากเข้าร่วม
ทว่าตอนนี้เขาไม่ควรที่จะเผยเรื่องนี้ออกไป
เพราะหากเป็นแบบนั้นจริง นั่นเท่ากับว่าเขาหักหน้าเจียงเสี่ยวไป๋ และในอนาคตคงมองหน้ากันยากแล้ว
เขาได้แต่ถอนหายใจ ดูเหมือนเรื่องนี้ต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างช้า ๆ แล้ว
รองนายกเทศมนตรีจางเองก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “เถ้าแก่เจียงถ่อมตัวเกินไปแล้ว เมื่อก่อนประชาชนรู้แค่ว่าพวกมันคือศัตรูพืชทำลายกล้าข้าว แต่พอมันผ่านมือเถ้าแก่เจียง มันก็ได้กลายเป็นกุ้งเครย์ฟิชแสนอร่อย”
“ฉันคิดว่ามันคือนวัตกรรมอันน่าทึ่ง ! ”
“คุณเป็นคนคิดค้นเมนูกุ้งอบน้ำมัน เมื่อคนรุ่นหลังพูดถึงเมนูนี้ พวกเขาก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงคุณในฐานะคนคิดค้น”
“ฮ่า ๆ ……ดังนั้นเถ้าแก่เจียง คุณอย่าได้ดูแคลนตนเองในฐานะพ่อครัวคนหนึ่งเชียว ในสามร้อยหกสิบอาชีพ ทุกอาชีพมีจอหงวน [1] ”
“ฉันคิดว่าหากต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิชพวกนี้ ก็คงหนีไม่พ้นเถ้าแก่เจียง”
“หากคุณมีข้อเสนอแนะดี ๆ อะไร ขอเพียงแค่คุณบอกมา”
“หรือหากคุณมีความต้องการอะไร คุณก็บอกได้ทุกเมื่อ”
“ในฐานะรองนายกเทศมนตรีผู้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ฉันจะสนับสนุนอย่างแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋แอบยิ้ม สมแล้วที่เขาเป็นผู้นำ เพราะคำพูดของเขาตรงประเด็น ยากที่จะทำให้คนปฏิเสธได้
แน่นอนว่านี่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมีหน้าตา
แต่มีคำกล่าวที่ว่า: ผู้ใดไร้ยางอาย ผู้นั้นไร้เทียมทาน
ฉันไม่อาย คุณนั่นแหละที่จะอาย
เจียงเสี่ยวไป๋จึงแสร้งทำเป็นตื่นเต้น “ท่านรองนายกจาง คุณพูดได้ดีเหลือเกิน เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะลองกลับไปคิดดูว่าผมสามารถใช้กำลังของตนเองส่งเสริมด้านใดได้บ้าง”
พูดจบ เขายังให้คำสัญญาว่า “ถ้าตัดสินใจได้แล้ว ผมจะรายงานให้คุณทราบอย่างแน่นอน”
คำพูดนี้ของเขาทำเอาฟู่เต๋อเจิงถึงกับกุมขมับ
ไอ้ที่บอกว่าถ้าตัดสินใจได้แล้ว ผีที่ไหนจะรู้ว่าคุณจะตัดสินใจได้ตอนไหน
อีก 3 วันให้หลังงั้นหรือ ?
หรือว่าอีก 1 สัปดาห์ ?
หรือว่าอีก 1 เดือนลามไปจนถึงปีหน้า ?
เพราะถึงอย่างไรคุณก็พูดออกมาแล้วว่ารอให้ตัดสินใจได้แล้วถึงจะรายงานไป นั่นหมายความว่าถ้าหากยังไม่รายงานมาก็คือยังตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหม ?
คำพูดนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่มันไร้ประโยชน์
พูดหรือไม่พูดไม่ต่างกันเลย
หากไม่ใช่เป็นเพราะเขารู้จักเจียงเสี่ยวไป๋มานานแล้ว เขาก็คงถูกหลอกด้วยท่าทีแสร้งตื่นเต้นของเจียงเสี่ยวไป๋
เขาได้แต่ถอนหายใจ และคิดว่ารองนายกเทศมนตรีจางคงจะถูกชายหนุ่มคนนี้หลอกเข้าแล้ว
และเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าแล้วหันไปสั่งติงจวิ้นเจี๋ย
“เลขาติง ต่อไปนี้ต้องติดต่อกับเถ้าแก่เจียงบ่อย ๆ เข้าไว้ ถ้าเถ้าแก่เจียงมีเรื่องอะไรก็ให้มาหาฉันได้โดยตรง”
“ครับท่าน ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยรีบตอบรับในทันที
รองนายกเทศมนตรีจางสั่งติงจวิ้นเจี๋ยเสร็จแล้วจึงหันไปหาเจียงเสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า: “เถ้าแก่เจียงลองกลับไปคิดดู อีก 2 วันฉันจะให้เสี่ยวติงมารับคุณไปที่ห้องทำงานของฉัน พวกเราจะได้พูดคุยกัน”
ฟู่เต๋อเจิงได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก
สมแล้วที่เขาเป็นผู้นำระดับสูง ในเมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เล่นมุกอ้อมค้อม ฉะนั้นรองนายกก็เล่นอุบายของตนเองเช่นกัน ในเมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน รองนายกก็ระบุเวลาให้เสร็จสรรพ
เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่รู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ
ท่าทีของรองนายกเทศมนตรีจางชัดเจนเลยว่ากำลังไล่ให้เป็ดขึ้นคอน [2]
แต่เขาทำได้เพียงยิ้มและพูดว่า “ครับ ! ”
หลังจากพูดคุยสัพเพเหระกันอีกสักพัก เจียงเสี่ยวไป๋ก็หาขออ้างปลีกตัวออกมา โดยบอกว่าที่ครัวไม่มีเขาไม่ได้
เจียงเสี่ยวไป๋ไปแล้ว รองนายกเทศมนตรีจาง ฟู่เต๋อเจิงและคนอื่นจึงกินกุ้งอบน้ำมันต่อ
ฟู่เต๋อเจิงพูดขึ้นว่า “ท่านรองนายกจาง คุณต้องคอยจับตาดูเจ้าหนุ่มคนนี้ให้ดี เขาหัวรั้นอย่าบอกใครเชียว”
จากนั้น เขาก็เล่าเรื่องที่เขาเคยมาหาเจียงเสี่ยวไป๋ถึงสองครั้งเพื่อขอเขียนข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเขา
รองนายกเทศมนตรีจางฟังอย่างมีวิจารณญาณ แล้วกล่าวว่า “เหล่าฟู่ คุณอาจเข้าใจเขาผิดไป ฉันเห็นว่าแม้เขาจะหัวรั้นและเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง แต่เขาเป็นคนชัดเจนในหลักการ เขาน่าจะมีความคิดบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ”
จริงหรือ ?
ฟู่เต๋อเจิงอดคิดไม่ได้
รองนายกเทศมนตรีจางหัวเราะ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องคิดมากแล้ว กินกันก่อนเถอะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหากเรามีนโยบายที่ชัดเจนและใช้ได้จริงแล้ว เขาจะไม่ยอมร่วมพัฒนาไปกับเรา”
ท่าทีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจนี้ช่างเท่จริง ๆ
ฟู่เต๋อเจิงพยักหน้า ตอนนี้กุ้งอบน้ำมันช่างดึงดูดใจเสียเหลือเกิน ฉะนั้นพักเรื่องงานแล้วมาดื่มกินดีกว่า
เจียงเสี่ยวไป๋กลับเข้ามาในครัวแล้ว เขาไม่ได้ทำกุ้งอบน้ำมันต่อ
เขาตักกุ้งอบน้ำมันมาหนึ่งกะละมัง แล้วใช้เขียงเป็นโต๊ะ ส่วนตัวเขาก็ลากเก้าอี้มานั่งกินกุ้งอบน้ำมันคนเดียว
หลังจากพูดคุยกับรองนายกเทศมนตรีจางสักพัก เขาก็คิดว่าชายคนนี้น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม ในชาติที่แล้วเขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับรองนายกเทศมนตรีจาง และไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วรองนายกเทศมนตรีจางเป็นคนแบบไหน
แต่เขามองออกว่ารองนายกเทศมนตรีจางคนนี้มีความกล้าและสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้
ตอนนี้การพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิชได้เข้าตาเขาแล้ว และคงหลีกเลี่ยงเรื่องการผลักดันไม่ได้
เขากำลังคิดว่าต่อไปตนเองควรทำอย่างไรดี ?
[1] ในสามร้อยหกสิบอาชีพ ทุกอาชีพมีจอหงวน 三百六十行,行行出状元 เปรียบเปรยว่า อาชีพใดก็ตาม หากทุ่มเทก็สามารถเป็นที่หนึ่งในสายอาชีพนั้นได้
[2] ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน 赶鸭子上架 เปรียบเปรยว่า ต้องฝืนทำบางสิ่ง ทั้งที่ไม่อยากทำ