ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 137 :เตรียมขยายสาขา
ตอนที่ 137 :เตรียมขยายสาขา
“แล้วคุณจะรับสมัครพนักงานไปทำไม ? ”
หลินเจียอินถามด้วยความประหลาดใจ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เมียจ๋า ผมกำลังปรึกษากับคุณอยู่ไม่ใช่หรือ? ความคิดของผมคือการพัฒนาแบบจำลองร้านค้าที่มีเครือข่ายทั้งสองแบบไปพร้อมกัน”
ห๊ะ ?
หลินเจียอินตกตะลึงอีกครั้ง
เธอรู้สึกว่าตนเองตามความคิดของเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ทันแล้ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “แต่เรามีแบรนด์เดียวเท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่าร้านค้าที่ดำเนินการโดยตรงและร้านค้าแฟรนไชส์จะมีชื่อเรียกว่าร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงเหมือนกัน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “สำหรับชื่อร้านไม่ได้ยุ่งยากอะไร พรุ่งนี้คุณไปจดทะเบียนร้านค้าในนามร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอ”
“ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงเป็นร้านของเราโดยตรง เราจะขยายสาขาไปยังที่อื่นในนามของเราเท่านั้น”
“ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอจะเป็นร้านที่เราเปิดขายแฟรนไชส์”
แบบนี้ก็ได้หรือ ?
หลินเจียอินรู้สึกว่าความรู้ความเข้าใจของเธอถูกล้มล้างไปหมดแล้ว
แต่ลองคิดดู นี่ถือเป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว
ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงและร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอมีลักษณะคล้ายกัน หากไม่สังเกตให้ดีอาจคิดว่าเป็นร้านเดียวกัน
ยอดเยี่ยม……
แต่อันที่จริงแล้วมันก็คือร้านภายใต้เจ้าของเดียวกัน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ที่จริงแล้ว ผมไม่ต้องการเริ่มธุรกิจเครือข่ายเร็วขนาดนี้ แต่รองนายกเทศมนตรีจางส่งเลขาติงมารบเร้าผมอยู่หลายครั้ง และถามผมว่าจะพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิชอย่างไร”
“ต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างโรงงานเครื่องปรุงรสสำเร็จรูป คงต้องรอเปิดร้านสาขาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ฉันเห็นด้วยกับการขยายสาขา งั้นเดี๋ยวฉันจะรับสมัครคนงานทันที”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมาก เขาไม่คิดว่าหลินเจียอินจะสนับสนุนเขาขนาดนี้
แต่ครั้งนี้ หลินเจียอินรับสมัครคนมากเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวจากเจียงวาน
ทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องการรับสมัครงาน ทุกคนก็รีบไปลงชื่อทันที
“ได้ยินมาว่าถานเสี่ยวฟางทำงานให้เจียงเสี่ยวไป๋ เธอได้เงินเดือนและโบนัสรายเดือนมากกว่า 100 หยวนเชียวนะ”
“ใครไม่รู้บ้าง ! ฉันยังรู้ด้วยว่าถานชิงซานได้รับโบนัส 100 หยวนหลังจากที่เข้าไปทำงานไม่นาน”
“ใช่ แม้แต่หูฉางอิงและคนอื่นก็ยังได้รับโบนัส 20 หยวน ทั้งที่เพิ่งไปทำงานที่นั่นได้แค่ 2-3 วันเท่านั้น”
“ใช่แล้ว พวกเขาได้เงินเยอะมาก”
“เมื่อก่อนไม่เคยรู้เลย ถ้ารู้แต่แรกฉันคงสมัครไปนานแล้ว”
“ครั้งนี้พี่เสี่ยวไป๋กำลังรับสมัครคนอีกครั้ง ฉันจะไปสมัครให้ได้ คราวนี้ฉันจะไม่พลาดแล้ว”
“ใช่แล้ว ถ้าได้ทำงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาเงิน”
“ฉันว่านะพวกเธอเพ้อฝันไปไกลแล้ว แค่การจับกุ้งในในเจียงวานก็ทำให้เรามีรายได้มากกว่าสิบหยวนต่อวันแล้วนะ”
“เธอจะไปรู้อะไร เราจับกุ้งขายได้ถึงแค่เดือนตุลาคมเท่านั้น หลังจากนั้นมันก็จะหมดรุ่นแล้ว”
“……”
แม้ว่าคนหนุ่มสาวในเจียงวานเร่งรีบที่จะมาลงชื่อสมัคร แต่หลินเจียอินก็ไม่กล้าเปิดรับสมัครคนมากเกินไปในคราวเดียว คราวนี้เธอรับสมัครเพียง 30 คนเท่านั้น
คนอื่นที่สมัครไม่ทันต่างรู้สึกหดหู่ใจกันหมด
หลินเจียอินเห็นแบบนั้นจึงกล่าวว่า “ทุกคนอย่าเพิ่งใจร้อน เดี๋ยวจะมีการรับสมัครเพิ่มในภายหลัง”
ผู้ที่สมัครไม่ทันจึงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ถึงจะสมัครไม่ทันตอนนี้ แต่พวกเขายังมีเวลาจับกุ้งเครย์ฟิชไปขายได้อยู่
จนมาถึงตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ได้กลายเป็นที่พึ่งของผู้คนในเจียงวานไปแล้ว ทุกสิ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้พวกเขาได้นั้นล้วนเกี่ยวข้องกับเจียงเสี่ยวไป๋ทั้งหมดจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มรับซื้อกุ้งเครย์ฟิช ผู้คนในเจียงวานก็เริ่มมีเงินกันมากขึ้นเช่นกัน
ผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น
ภายในเดือนสิบ คาดว่าทุกครัวเรือนจะมีรายได้ตก 1,000-2,000 หยวน และปีนี้จะเป็นปีที่พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ทางด้านของเจียงเสี่ยวไป๋ หลังจากจัดทำรายการอุปกรณ์ที่จะซื้อแล้ว เขาก็ส่งให้กับติงจวิ้นเจี๋ยจัดการ
เครื่องจักรและอุปกรณ์หลักที่มีคือเครื่องผสม เครื่องกวนเครื่องปรุง เครื่องบด เครื่องซีลสุญญากาศเป็นต้น
ตามแผนของเขา เขาวางแผนสร้างโรงงานชั่วคราวขึ้นมาก่อน เพื่อผลิตเครื่องปรุงรสสำเร็จรูปที่ใช้สำหรับกุ้งอบน้ำมันในปีนี้เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเครื่องจักรและอุปกรณ์มากนัก
“เถ้าแก่เจียงไม่ต้องกังวล รองนายกเทศมนตรีจางพูดแล้วว่าทางรัฐบาลจะสนับสนุนอุปกรณ์ที่คุณต้องการอย่างเต็มที่ เราจะให้โควตาการจัดซื้อแก่คุณ และติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ในประเทศที่ดีที่สุดเพื่อเจรจาขอซื้อราคาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ขอขอบคุณรองนายกเทศมนตรีจางและเลขาติงมาก ลำบากพวกคุณแล้ว”
ติงจวิ้นเจี๋ยพูดอย่างสุภาพ “ไม่ลำบากเลยครับ งานของผมคือการถ่ายทอดสารและวิ่งทำธุระจัดหาสิ่งต่าง ๆ ให้ นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เลขาติง อย่าพูดอย่างนั้นสิ เลขาถูกขนานนามว่าผู้นำหมายเลขสองนะครับ”
ผู้นำหมายเลขสอง !
ดวงตาของติงจวิ้นเจี๋ยเป็นประกาย เขาชอบคำเรียกนี้
เถ้าแก่เจียงยอดเยี่ยมจริง ๆ สามารถตั้งคำเรียกเลขาอย่างเขาได้สง่างามขนาดนี้ เขารู้สึกประทับใจมาก
ในอนาคต เขาต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเถ้าแก่เจียงให้มากยิ่งขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าติงจวิ้นเจี๋ยใส่ใจเรื่องนี้จริง ๆ เพราะสิ่งที่เขาพูดไปก็ไม่ได้จริงจังอะไรมาก
หลังจากนั้น เขาก็ไขว่คว้าตำแหน่งเลขานุการ และในที่สุดก็กลายเป็นเลขานุการคนแรกของคณะกรรมการพรรคประจำจังหวัดจีนกลาง และกลายเป็นผู้นำหมายเลขสองอย่างแท้จริง
ติงจวิ้นเจี๋ยเป็นคนกตัญญู หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จ เขามักจะรู้สึกเสมอว่าหากปราศจากคำแนะนำของเจียงเสี่ยวไป๋ในตอนแรก เขาอาจจะผ่านวันนั้นไปไม่ได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
ดังนั้น ติงจวิ้นเจี๋ยจึงให้ความช่วยเหลือเจียงเสี่ยวไป๋ในการพัฒนาช่วงหลังเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่านี่คือการตอบแทนที่เขามีต่อเจียงเสี่ยวไป๋
ในขณะนี้ ติงจวิ้นเจี๋ยกล่าวลาและกำลังจะกลับไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็มอบกุ้งอบน้ำมันเนื้อเกรด A ให้สองถ้วย
ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นข้อตกลงโดยปริยาย
รายการสั่งซื้อได้รับการอนุมัติแล้ว และเจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ต้องกังวลกับสิ่งนี้อีกต่อไป เขาแค่รอผลลัพธ์เท่านั้น
ในอีกไม่กี่วันต่อมา ได้มีพนักงานใหม่หลายสิบคนเข้ามาในร้าน ซึ่งแบ่งออกเป็นสี่กะและผลัดกันเรียนรู้งานในแต่ละตำแหน่ง
ในตอนเช้า เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ในครัว สอนพ่อครัวที่ได้รับการคัดเลือกใหม่ถึงวิธีทำกุ้ง และในช่วงบ่าย เขาได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างตระเวนไปตามถนนในห้าเขตหลักของเมืองชิงโจว
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เบื่อจนขนาดออกมาขี่รถเล่น
แต่เขากำลังมองหาทำเลที่สามารถเปิดร้านกุ้งอบน้ำมันได้
จากห้าเขตหลักในเมืองชิงโจว ถนนชิงโจวอยู่ในเขตศูนย์กลาง นอกจากนี้เจียงเสี่ยวไป๋ยังเลือกสถานที่ทางตะวันออก ใต้ ตะวันตกและทางเหนือของเมือง ในระยะแรก เขาวางแผนที่จะเปิดร้านกุ้งอบน้ำมัน 4 แห่งที่ในเวลาเดียวกัน
เขาส่งที่อยู่ให้ถานชิงซานไปเจรจากับเจ้าของที่
จะเช่าหรือซื้อก็ไม่สำคัญ
ถานชิงซานใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการดำเนินการทั้งสี่ร้าน ในบรรดานี้มีเจ้าของ 3 แห่งยินดีขาย ในขณะที่อีกแห่งให้แค่เช่าร้านเท่านั้น
ตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋มีเงินเพียงพอในบัญชีของเขา ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงทันที
หลังจากที่หลินเจียอินชำระค่าซื้อบ้านและค่าเช่าแล้ว เธอก็ได้ใบกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์มาครอบครองอีก 3 แห่ง
จู่ ๆ เธอก็มีบ้านสี่หลังในเมืองชิงโจว
หลินเจียอินไม่อยากจะเชื่อเลย
ต่อมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็งานยุ่งอีกครั้ง หลังจากวัดพื้นที่บ้านทั้งสี่หลังกับถานชิงซานแล้ว เขาก็เริ่มออกแบบแปลนร้านใหม่ต่อ
แต่ดีที่ครั้งนี้เขามีแปลนเก่าของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง เขาแค่ปรับให้กับแปลนบ้านเดิมก็พอแล้ว
ในเวลาเพียงสองคืน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ออกแบบแปลนเสร็จทั้ง 4 แผ่น
หากเขาจะจ้างคนมาตกแต่ง แน่นอนว่าเขาจะต้องจ้างจวงปี้เฉิง
เขาไปหาจวงปี้เฉิง หลังจากที่จวงปี้เฉิงรับแบบแปลนทั้ง 4 แผ่นมา เขาก็แทบจะอ้าปากค้าง
“เถ้าแก่เจียง คุณกำลังจะเปิดร้านเพิ่มหรือ ! ”
ตอนนี้เขากำลังสร้างบ้านให้กับเจียงเสี่ยวไป๋ ซึ่งยังทำถนนเข้าบ้านไม่เสร็จเลย ตอนนี้ได้รับงานใหม่เพิ่มอีกแล้ว
และไม่ใช่แค่การตกแต่งใหม่แค่ร้านเดียว แต่เป็น 4 ร้านในเวลาเดียวกัน
ตอนนี้เขาถึงขั้นมีความรู้สึกว่าทีมก่อสร้างของเขาแทบจะกลายเป็นทีมก่อสร้างส่วนตัวของเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทั้ง 4 ร้านนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ผ่านไปอีกสักพักน่าจะมีอีกหลายสิบร้านที่ต้องตกแต่งใหม่เช่นกัน”
“ยังมีอีกหลายสิบร้านหรือครับ ! ”
จวงปี้เฉิงเกือบจะเป็นลม ดูท่าว่าปีนี้เขาคงไม่ต้องรับงานอื่นแล้ว
ทว่า มันไม่ได้มีเพียงเท่านี้
“นอกจากนี้ ผมยังมีพื้นที่อุตสาหกรรมอีก 100 หมู่ทางตอนใต้ของเมืองชิงโจว ผมต้องการสร้างโรงงานที่นั่น คาดว่าการก่อสร้างจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบก็ทิ้งท้ายต่อ “คุณเองก็เตรียมตัวล่วงหน้าแล้วกัน”
ห๊ะ !
จวงปี้เฉิงตกตะลึงอ้าปากค้างจนแทบจะยัดไข่เป็ดลงไปได้ทั้งใบ
เดิมทีเขาคิดว่าการตกแต่งร้านใหม่หลายร้านคืองานใหญ่แล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นแค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้น
เพราะงานใหญ่ของจริงคือการก่อสร้างโรงงานบนพื้นที่ 100 หมู่ต่างหาก
นี่คืองานใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้
“เถ้าแก่เจียง ขอบคุณมาก ! ”
จวงปี้เฉิงพูดอย่างจริงใจ เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย
เขาโชคดีมากที่ได้เป็นเพื่อนที่ดีกับเจียงเสี่ยวไป๋ในเวลานั้น
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เพียงแต่ให้งานเยอะเท่านั้น แต่ยังจ่ายในราคาที่สูงอีกด้วย
เรียกได้ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของเขาอย่างแท้จริง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวจวง ดูท่าว่าคุณต้องรับสมัครคนงานมากกว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นในอนาคตคุณจะไม่ไหวเอานะ”