ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 14 :ขอโทษต่อหน้าทุกคน
ตอนที่ 14 :ขอโทษต่อหน้าทุกคน
ผ่านไปไม่นานนัก มีชาวบ้านนับร้อยคนเข้ามาล้อมที่ลานริมร่องน้ำของบ้านเจียงเสี่ยวไป๋
คนที่มาถึงเป็นกลุ่มแรก ๆ คือคนหนุ่มวัยกำยำ ในมือของพวกเขาต่างถืออาวุธมาด้วย
แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าอีกฝ่ายมากันแค่สองคนเท่านั้น และพ่อลูกตระกูลเจียงต่างถืออาวุธกันทุกคน สามคนพ่อลูกช่วยกันทุบตีจนนักเลงเฉินและหลิวหงเทาหัวแตก ฟันหัก เลือดไหลอาบ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ร่วมผสมโรง แต่ล้อมปิดพื้นที่เอาไว้
คนแก่ หญิงสาว และเด็กที่ตามหลังมาต่างมายืนข้างผู้ชายในบ้านของตนเองเพื่อร่วมกดดันคนจากต่างหมู่บ้าน
“หยุดเถอะ ถ้าตีต่อมีหวังได้ตายแน่”
นักเลงเฉินที่ถูกทุบตีจนเกือบตายรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ามีชาวบ้านมารุมล้อมมากมายขนาดนี้ เขากลิ้งไปกับพื้นและร้องขอความเมตตาเสียงดัง
“ไอ้โหยว โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว ขอร้องล่ะ เลิกตีได้แล้ว เลิกตีเถอะนะ”
หลิวหงเทาเอาสองมือกุมหัวนอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้นราวกับหมูนอนตาย
เจียงเสี่ยวไป๋ทุบตีทั้งสองอยู่นาน ในที่สุดก็สามารถระบายความแค้นออกจากอกได้เสียที
เมื่อเห็นว่าสองคนนี้ถูกทุบตีปางตายแล้ว และหากเขายังทุบตีต่อ มีหวังได้มีคนตายแน่ ๆ
เขาเพิ่งได้กลับมาเกิดใหม่ ในชาตินี้เขาอยากดูแลภรรยาและลูกให้ดี ให้พวกเธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาไม่อยากเข้าไปนอนกินข้าวแดงในคุกเพราะฆ่าสวะสองคนนี้ตาย
“ไปให้พ้น ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋โยนไม้ไผ่ในมือทิ้งไป แล้วตวาดเสียงดัง
นักเลงเฉินและหลิวหงเทารีบลุกพรวดพราดขึ้นจากพื้น พวกเขาประคองกันเดินกระเผลกออกไปโดยไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
“ฮ่าฮ่า……ปกติพวกแกดีแต่ทำร้ายคนอื่น ตอนนี้ถึงคราวโดนทุบตีเหมือนหมูบ้างแล้วสินะ”
“รีบไสหัวไปซะ เจียงวานไม่ใช่สถานที่ที่พวกแกจะมาทำตัวระรานได้นะโว้ย ? ”
“ไป ๆ ชิ่ว ๆ อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกแกอีกนะ”
“จำไว้ว่าถ้าพวกแกกล้ามาก่อเรื่องที่เจียงวานอีก พวกฉันจะอัดพวกแกให้เละเลยคอยดู”
“……”
ชาวบ้านที่มามุงดูเห็นนักเลงเฉินและหลิวหงเทารีบหนีหัวซุกหัวซุนก็เริ่มด่าทอและเยาะเย้ย
ปกติเวลาพวกเขาเจอนักเลงเฉินแบบตัวต่อตัวจะไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้เห็นทั้งสองคนถูกทุบตีเยี่ยงหมูหมา พวกเขาจึงกล้าด่าทอออกมา
ในตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ได้หันไปถามไถ่เจียงไห่หยางและเจียงเสี่ยวเฟิง “พ่อกับเสี่ยวเฟิงไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? ”
ก่อนหน้านี้ เจียงไห่หยางและเจียงเสี่ยวเฟิงช่วยกันทุบตีนักเลงเฉินอย่างดุดัน
“เฮอะ ! ”
เจียงไห่หยางสบถอย่างไม่พอใจ “ฉันจะเป็นอะไรได้ล่ะ ? ว่าแต่แกเถอะ ทำไมถึงไปมีเรื่องชกต่อยกับพวกมันสองคนได้ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายเหตุผลให้ฟังสั้น ๆ
เจียงไห่หยางที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดด้วยความโมโห “เพราะแกคนเดียวไอ้ลูกไม่ได้เรื่อง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอสองแม่ลูก นั่นมันก็เพราะความผิดของแก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “พ่อ ผมรู้แล้ว เมื่อก่อนผมอาจจะเลวมาก แต่ตอนนี้ผมกลับตัวแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเมียกับลูกของผมอย่างแน่นอน”
เจียงไห่หยางผงะไปชั่วครู่ ไม่นึกว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะพูดอะไรแบบนี้ สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่มองไปยังลูกชายด้วยแววตาที่สับสน “หวังว่า……แกจะทำได้อย่างที่พูดแล้วกัน”
พูดจบ เขาก็เดินออกไป
เจียงเสี่ยวเฟิงเดินตามหลังไปติด ๆ เมื่อเดินผ่านเจียงเสี่ยวไป๋ เขายกมือขึ้นตบไหล่พี่ชายสองครั้ง ก่อนจะจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงเสี่ยวไป๋มองแผ่นหลังของพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
น้องชายคนนี้ของเขาปกติเป็นคนซื่อตรงและเงียบขรึม แม้จะไม่ค่อยพูดคุยอะไรกัน แต่เวลาเขาพบเจอปัญหา ต่อให้เป็นนักเลงเฉินผู้ขึ้นชื่อเรื่องความร้ายกาจก็ตาม น้องชายก็ยินดีจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาโดยไม่ลังเล
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าภายในใจของน้องชายยังมีเขาอยู่เช่นกัน
คนในครอบครัวจะเป็นอย่างไรก็ได้ แต่คนนอกห้ามมารังแกคนในครอบครัวเด็ดขาด
คงเหมือนคติที่ว่า ‘พี่น้องตีกันได้ แต่อย่าให้คนนอกมาหยามเด็ดขาด’
แต่ว่าเมื่อนึกถึงโชคชะตาที่เจียงเสี่ยวเฟิงจะต้องเผชิญ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
ชาติที่แล้วเป็นเพราะครอบครัวประสบกับความยากลำบาก หลายปีต่อมา เจียงเสี่ยวเฟิงจึงต้องไปขายแรงงานขุดเหมืองที่ซีเป่ย ผลปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์เหมืองถล่ม เจียงเสี่ยวเฟิงต้องจบชีวิตลงที่นั่น
“ชาติที่แล้วฉันละอายต่อครอบครัวนี้ ละอายต่อทุกคนในครอบครัว”
“ชาตินี้ฉันจะต้องปกป้องทุกคน ฉันจะคอยเป็นร่มกันลมกันฝนให้พวกเขา ไม่ทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์กับความยากลำบากอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋กำหมัดแน่นและให้คำมั่นสัญญาในใจ
“ไปเถอะ กลับบ้านกัน”
“ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว กลับบ้านไปนอนดีกว่า”
“……”
ฝูงชนที่มุงดูเห็นว่าเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ขนาดเจียงไห่หยางยังกลับบ้านแล้วเช่นกัน พวกเขาไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปกลางลาน แล้วพูดเสียงดังว่า: “ลุงป้าน้าอา พี่น้องทุกคน ขอบคุณที่มาช่วยพวกเรา”
เหล่าชาวบ้านที่เพิ่งเดินไม่กี่ก้าวได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋พูดขอบคุณในที่สาธารณะแบบนี้ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ไอ้เวรนี่ขอบคุณเราจริงหรือ ?
หายากมากเลยนะที่เจ้าหมอนี่จะเป็นแบบนี้
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคน เขายังคงพูดต่อ “เมื่อก่อนผมอาจเคยเป็นคนไม่ได้เรื่อง ชอบสร้างปัญหาให้ทุกคน แต่ตอนนี้ผมกลับตัวกลับใจแล้ว ผมจะไม่กลับไปทำแบบเดิมและจะใช้ชีวิตให้ดี”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่ออีกว่า “ผมขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ทุกคน ผมขอโทษ”
พูดจบ เขาก็โค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
หลังจากยืดตัวตรงแล้ว เขาก็พูดต่อ “บุญคุณของทุกคน ผม เจียงเสี่ยวไป๋ จะค่อย ๆ ตอบแทนอย่างแน่นอน”
คำพูดที่เขาพูดออกมาเป็นชุด รวมถึงการที่เขาโค้งคำนับทำให้ทุกคนตกใจอย่างมาก
สายตาหลายสิบคู่ต่างหันขวับมองมาที่เจียงเสี่ยวไป๋ พวกเขาทั้งรู้สึกประหลาดใจ ทั้งชื่มชม ทั้งไม่เชื่อ ทั้งสงสัย ทั้งไม่สนใจ และมีแม้กระทั่งสายตาเหยียดหยามและเยาะเย้ย
แต่ไม่มีใครพูดอะไร
อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่กล้าพูด
อย่ามองแค่ว่าตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋พูดจาดีหวานหู ใครจะไปรู้ว่าเขาสมองกลับหรือเปล่า เกิดทุกคนคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา แล้วจู่ ๆ เขาหลับไปหนึ่งตื่นกลับมาเป็นไอ้คนไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม แบบนั้นมันไม่มีผลดีอะไรเลยนะ
คนเหล่านี้หากไม่เป็นญาติก็เป็นเพื่อนบ้านกับเจียงเสี่ยวไป๋ มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเขา ?
สันดอนขุดได้ สันดานขุดยาก การที่คนเราจะเปลี่ยนนิสัยและความคิดอย่างฉับพลันนี้เป็นเรื่องที่ยากมากจริง ๆ
ไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
สุดท้ายเป็นเจียงไห่เทียน ลุงใหญ่ของเจียงเสี่ยวไป๋ที่เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านเจียงวานเป็นคนออกหน้าพูดคุยกับชาวบ้าน เพื่อให้เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้สึกเก้อเขินจนเกินไป
กระทั่งทุกคนกลับไปหมดแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้เดินกลับบ้าน
ที่ขั้นบันไดบนสุดตรงหน้าประตูใหญ่ หลินเจียอินยืนจับมือเจียงชานน้อยยืนรออย่างเงียบ ๆ แสงจากตะเกียงน้ำมันก๊าดส่องผ่านทอดยาวเป็นสองเงาคู่แม่ลูก
หนูน้อยเงยหน้ามองป่าป๊าด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข
หลินเจียอินมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋เช่นกัน ทว่าในแววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความสับสน
เขาคนนี้คือเจียงเสี่ยวไป๋จริง ๆ หรือเปล่า ?
เขากล้าออกหน้าทำร้ายนักเลงเฉินเพื่อเธอ ทั้งยังขอบคุณเพื่อนบ้าน แถมยังโค้งคำนับขอโทษทุกคนในสิ่งที่เขาเคยทำไว้ในอดีต ทั้งยังประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น
หลินเจียอินรู้สึกว่าเจียงเสี่ยวไป๋ในวันนี้ดูแตกต่างออกไปจริง ๆ
ถึงขั้นเธอกลัวว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน
“ขอโทษนะ ผมกลับมาช้า ทำให้คุณและลูกกลัวแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปหาภรรยาและลูกสาว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการตำหนิตัวเองขณะที่พูดอย่างอ่อนโยน
“ไม่……ไม่เป็นไร”
หลินเจียอินได้สติ หญิงสาวพูดออกไปอย่างประหม่า
“ป่าป๊ากลับมาแล้ว หนูก็ไม่กลัวแล้วล่ะ”
ใบหน้าของเจียงชานน้อยยังคงมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อน ทว่าในเวลานี้หนูน้อยกำลังยิ้มอย่างมีความสุข เธอยืดอกขึ้นและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยน่ารัก
“ชานชานเก่งมาก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชมแล้วพูดว่า “เข้าบ้านกันเถอะ เดี๋ยวพ่อจะทำอาหารให้กิน”
เขารับปากลูกสาวไว้แล้วว่าจะทำเมนูเนื้อให้เธอกินในมื้อเย็น
เขาจะผิดสัญญาไม่ได้