ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 140 :ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมาก
ตอนที่ 140 :ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมาก
ฝนยังคงตกต่อไปอีกสามวัน ก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด
หลังจากอากาศแจ่มใส สถานที่ก่อสร้างก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง เพียงแต่มีคนงานน้อยลง
จวงปี้เฉิงให้คนงานบางส่วนทำงานในเมืองต่อไป เพราะยังต้องปรับปรุงและตกแต่งร้านใหม่ทั้ง 4 แห่งให้เสร็จ
…….
ในวันนี้ เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ในห้องครัวเพื่อเล่นหมากรุกกับเจียงชานและหวังกัง แต่จู่ ๆ หลินเจียอินก็เดินเข้ามา
“ชานชาน เดาสิว่าใครมา ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หันไปมองก็เห็นหญิงสาวอายุประมาณ 18-19 ปี ถักเปียยาวสองข้าง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเดินหัวเราะพูดคุยมากับหลินเจียอิน
“เสี่ยวชิง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางตัวหมากรุกและอุทานด้วยความดีใจ
เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วนับตั้งแต่เขาเกิดใหม่ เขาได้พบกับพ่อแม่ น้องสาม น้องห้าและน้องสาวคนเล็กทุกวัน แต่เขายังไม่เคยได้พบพี่สาวคนโตของเขา เจียงเสี่ยวเยว่และน้องสี่ของเขา เจียงเสี่ยวชิงเลย
เจียงเสี่ยวชิงเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งของเมืองชิงโจว ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านค้าของพวกเขา โดยปกติเธอพักอยู่ในหอพักของโรงเรียนและกลับบ้านเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น
ครั้งสุดท้ายที่เธอหยุดพักคือปลายเดือนเมษายน แต่เธอกลับมาอยู่บ้านเพียงครึ่งวันเท่านั้น ซึ่งเจียงเสี่ยวไป๋และหลินเจียอินอยู่ในเมืองในเวลานั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พบกัน
อย่างไรก็ตาม เธอได้ยินจากพ่อแม่ว่าพี่รองและพี่สะใภ้ของเธอเปิดร้านอาหารใกล้โรงเรียนของเธอ ดังนั้นครั้งนี้เธอจึงมาหาพวกเขาที่นี่
“พี่รอง ! ”
เจียงเสี่ยวชิงทักทายเขาเสียงเบา สีหน้าของเธอไร้ความรู้สึก แต่ในตอนที่มองไปยังเจียงชาน เธอก็ยิ้มและถามว่า “ชานชาน หนูคิดถึงอาสี่หรือเปล่า ? ”
พูดแล้ว เธอก็เข้ามากอดเจียงชานอย่างรวดเร็ว
เธอชอบหลานสาวตัวน้อยของเธอมาก
แต่เธอมีจุดที่ต่างจากเจียงเสี่ยวเหลยและเจียงเสี่ยวอวี่ตรงที่เธอไม่ได้ใส่ใจพี่รองของเธอมากนัก
ส่วนใหญ่เธอจะคอยเข้าข้างพี่สะใภ้ของเธอ
เธออายุ 18 ปีแล้ว อยู่ในวัยของการมีจินตนาการที่สวยงามเกี่ยวกับความรัก อย่างไรก็ตามแม้เธอจะกลับบ้านไม่บ่อยนัก แต่เมื่อเธอกลับบ้านก็มักจะเห็นพี่รองของเธอทำไม่ดีต่อพี่สะใภ้อยู่เสมอ
นอกจากนี้ พี่รองของเธอจากที่เคยเป็นครูสอนเด็กอยู่ดี ๆ กลับผันตัวไปเป็นคนไม่เอาไหน ยิ่งทำให้เธอไม่ชอบเขามากขึ้นไปอีก
แต่ครั้งล่าสุดที่เธอกลับบ้าน เธอได้ยินพ่อแม่ของเธอพูดว่าเจียงเสี่ยวไป๋เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ตอนนั้นเธอยังไม่เชื่อ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นห่วงพี่สะใภ้และหลานสาว เธอก็คงไม่มาที่นี่หรอก
“อาสี่ หนูกำลังเล่นหมากรุกอยู่ ! ”
เจียงชานดีใจมากที่ได้เห็นเจียงเสี่ยวชิงมาหา หนูน้อยยอมให้เธอกอด ทั้งยังพูดอวดอย่างภาคภูมิใจอีกด้วย
เจียงเสี่ยวชิงยิ้มและพูดว่า “ชานชานน้อยสามารถเล่นหมากรุกได้แล้ว เก่งจัง ! ”
เจียงชานหันมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ป่าป๊าเป็นคนสอนหนู ! ”
เจียงเสี่ยวชิงชะงักไปเล็กน้อย ตอนนี้หลานสาวตัวน้อยดูรักพ่อของตัวเองมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มักจะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเวลาเห็นพ่อของตัวเอง
เป็นไปได้ไหมที่พี่รองของเธอเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจริง ๆ ?
เธอเริ่มรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เมื่อเจียงเสี่ยวชิงไม่ได้สนใจเขา เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก สิ่งนี้คล้ายกับตอนที่เขาเพิ่งเกิดใหม่ ตอนนั้นพ่อแม่ของเขาก็ไม่สนใจเขาเช่นนี้เหมือนกัน
เขาจึงพูดกับหลินเจียอินว่า “คุณพาเสี่ยวชิงไปกินอะไรก่อน”
หลินเจียอินพยักหน้ารับและเรียกเจียงเสี่ยวชิงให้ไปที่ร้าน เจียงเสี่ยวชิงจับมือเจียงชานและพูดว่า “ชานชาน เราไปกินข้าวกันเถอะ”
เจียงชานตอบว่า “อาสี่ หนูไม่หิว หนูกินข้าวเช้าแล้ว อาสี่ต้องลองไปชิมกุ้งอบน้ำมันของป่าป๊านะ มันอร่อยมาก ! ”
หลังจากพูดจบ เธอก็เสริมว่า “อาสี่ วางหนูลงเร็ว ๆ หนูอยากจะเล่นหมากรุกกับน้องเสี่ยวกังแล้ว”
เจียงเสี่ยวชิงรู้สึกผิดหวังและปล่อยหลานสาวของเธออย่างไม่เต็มใจ นับตั้งแต่ที่พวกเธอพบกันครั้งล่าสุดก็ผ่านมาเพียงสองเดือนแล้ว และตอนนี้หลานสาวของเธอไม่ได้สนิทสนมกับเธอเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน ชานชานไม่ยอมปล่อยแขนของเธอเลย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป ชานชานไม่อยากกินข้าวกับเธออีกต่อไป ทั้งยังยืนกรานที่จะเล่นหมากรุก
การเล่นหมากรุกสำคัญต่อเธอมากกว่าการกินข้าวกับอาสี่คนนี้ใช่ไหม ?
อืม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เพราะหลานสาวตัวน้อยของเธอยังชมว่ากุ้งอบน้ำมันของป่าป๊าตัวเองอร่อยมากอีกด้วย
แต่เธอจะไม่รู้จักพี่รองของเธอดีได้อย่างไร ? เขาทำอะไรเองไม่เป็นเลย ดังนั้นธุรกิจเหล่านี้คงมาจากน้ำพักน้ำแรงของพี่สะใภ้แน่นอน
หลังจากนั้น เจียงเสี่ยวชิงได้เดินตามหลินเจียอินออกจากหลังร้านด้วยสีหน้าหดหู่ แล้วทั้งสองก็ได้มาถึงร้านอร่อยสามมื้อและนั่งลงบนโต๊ะ
“พี่สะใภ้ ในที่สุดพี่ก็เปิดร้านอาหารใหญ่ขนาดนี้ได้ ไม่ต้องลำบากอีกแล้ว”
เจียงเสี่ยวชิงมองไปรอบ ๆ ร้านแล้วพูดอย่างมีความสุข
เธอมองไปรอบ ๆ และยังมีผู้คนจำนวนมากกำลังรับประทานอาหารอยู่ในร้านอาหาร กลิ่นหอมเย้ายวนของอาหารที่อบอวลอยู่ในอากาศทำให้เธอไม่สามารถต้านทานได้จนต้องกลืนน้ำลายดังอึก
หลินเจียอินหัวเราะเบา ๆ และตอบว่า “พี่จะไปมีความสามารถเปิดร้านอาหารที่ใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร พี่รองของเธอต่างหาก”
“คนอย่างเขาเนี่ยนะ ? ”
เจียงเสี่ยวชิงส่ายหน้าเหมือนกลอง เธอไม่เชื่อ เธอรู้ว่าพี่สะใภ้ของเธอเป็นคนที่มีความรู้และขยัน และเธอก็เชื่อมั่นว่าร้านอาหารนี้เปิดโดยหลินเจียอิน
หลินเจียอินกล่าวว่า “เสี่ยวชิง พี่รองของเธอแตกต่างไปจากเดิมแล้ว ตอนนี้เขาเป็นคนดีมาก”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ถานเสี่ยวฟางก็นำพะโล้มาเสิร์ฟหลายจาน
“เสี่ยวชิง ลองชิมดูสิ นี่เป็นพะโล้ที่พี่รองของเธอคิดสูตรเอง มันอร่อยมากเลยนะ”
เจียงเสี่ยวชิงขอบคุณเธอ และถามว่า “เสี่ยวฟาง เธอก็ทำงานที่นี่ด้วยหรือ ? ทำงานที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ? ”
ถานเสี่ยวฟางยิ้ม และตอบว่า “ฉันสบายดี พี่รองของเธอและผู้จัดการหลินต่างก็ใจดีกับฉันมาก”
เจียงเสี่ยวชิงหัวเราะเบา ๆ “เธอยังเรียกพี่สะใภ้ของฉันว่าผู้จัดการหลินด้วยหรือ ! ”
ในร้านอาหาร นอกเหนือจากเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว ทุกคนจะเรียกหลินเจียอินว่าผู้จัดการ
ตอนนี้พนักงานในร้านอาหารต่างเรียกเธอแบบนี้จนชินแล้ว
ถานเสี่ยวฟางกล่าวว่า “กินข้าวเถอะ ฉันต้องไปดูแลลูกค้าก่อน ฉันยุ่งมาก”
“ได้สิ ทำงานของเธอต่อเถอะ ไว้ว่าง ๆ เราค่อยมาคุยกันทีหลัง”
ทั้งสองคนมีอายุไล่เลี่ยกันและเคยเล่นด้วยกันบ่อยครั้งในวัยเด็ก พวกเธอยังเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นในช่วงสมัยเรียนมัธยมด้วยซ้ำ
ในเวลาต่อมา ครอบครัวของถานเสี่ยวฟางต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงิน ไม่มีเงินพอให้ลูกทั้งสองคนได้เรียนหนังสือต่อ ทำให้ถานเสี่ยวฟางต้องออกจากโรงเรียนมาทำไร่กับครอบครัว
ต้องบอกว่าชะตากรรมของคนเราต่างกันมากจริง ๆ
สภาพแวดล้อมของครอบครัวที่แตกต่างกันทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสเติบโตที่แตกต่างกัน
เช่นเดียวกับเจียงเสี่ยวชิงและถานเสี่ยวฟาง แม้ว่าชีวิตในวัยเด็กของพวกเธอจะค่อนข้างคล้ายกัน แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อแม่ของถานเสี่ยวฟางล้มป่วยลง ทำให้สถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวย่ำแย่และส่งผลกระทบต่อเส้นทางชีวิตของเธอ
คนหนึ่งสามารถสอบเข้าเรียนต่อได้ตามปกติ และมีโอกาสโดดเด่นในอนาคต
ส่วนอีกคนต้องทิ้งการเรียน และหันมาทำไร่ทำนาของครอบครัวหรือหางานทำที่อื่น
ตอนถานเสี่ยวฟางปลีกตัวออกไปทำงาน เจียงเสี่ยวชิงก็มองตามหลังเธอด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
“รีบกินเถอะ ! พี่เอาน่องไก่พะโล้ไว้ให้เธอด้วยนะ” หลินเจียอินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้ ! ”
เธอใช้ชีวิตลำบากมาตั้งแต่เด็ก เธอไม่เคยกินน่องไก่ตุ๋นมาก่อน
หลังจากเข้าเรียนมัธยมปลายในฐานะนักเรียนกินนอน แม้ว่าอาหารจะอร่อยกว่าที่บ้านเล็กน้อย แต่อาหารส่วนใหญ่ประกอบด้วยผัก อาหารที่พวกเธอมักจะได้กินก็เป็นพวกผัดมันฝรั่ง ฟักทองบด บางครั้งก็จะเป็นกะหล่ำปลีตุ๋นใส่บะหมี่
น่องไก่ตุ๋นอร่อยมาก ทั้งเผ็ดร้อนและมีรสชาติดี
เจียงเสี่ยวชิงชอบมาก เธอกล่าวชมว่า “พี่สะใภ้ หนูไม่คิดเลยว่าฝีมือการทำอาหารของพี่จะดีขนาดนี้ ! ”
หลินเจียอินตอบว่า “พี่รองของเธอเป็นคนทำ พี่ทำพะโล้พวกนี้ไม่เป็นหรอก”
อ่า ?
เจียงเสี่ยวชิงมองไปที่หลินเจียอินอย่างเหลือเชื่อ สีหน้าของพี่สะใภ้ไม่ได้ดูเหมือนคนกำลังโกหก หรือพี่รองของเธอจะทำอาหารเป็นจริง ๆ ?
“เสี่ยวชิง มา ๆ ฉันเตรียมกุ้งอบน้ำมันไว้ให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ ! ”
ในขณะนั้น หูฉางอิงก็พูดขึ้นพร้อมกับนำกุ้งอบน้ำมันจากร้านใหม่ที่อยู่ติดกันมาให้จางเสี่ยวชิง
กุ้งอบน้ำมันที่ว่านี้ เจียงเสี่ยวชิงเห็นลูกค้าที่โต๊ะกินอย่างเอร็ดอร่อยตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้ว
กลิ่นหอมนี้เย้ายวนอย่างมาก และเธอก็อยากกินมันตั้งแต่มาถึงแล้ว
ตอนนี้ เมื่อวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเธอแล้ว กลิ่นหอมเข้มข้นก็ยิ่งหอมมากขึ้นไปอีก
เธอไม่สามารถต้านทานความอยากนี้ได้อีกและเริ่มกินในทันที พร้อมกับทักทายหูฉางอิง “พี่ฉางอิง พี่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกันหรือ”
หูฉางอิงยิ้มและตอบว่า “ไม่ใช่แค่ฉันนะ เสี่ยวเฟิ่ง เสี่ยวเฟิน และเสี่ยวหย่งก็ทำงานอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่ตอนนี้พวกเขาย้ายไปเป็นผู้จัดการสาขาอื่นแล้ว มีแค่ฉันคนเดียวที่ยังอยู่ที่ร้านหลัก”
ในคำพูดมีความอิจฉาอยู่ในนั้น
หลินเจียอินกล่าวว่า “ฉางอิง เธอทำงานได้ดีมาก อีกไม่นานเราจะเปิดสาขาใหม่ ซึ่งเธอก็จะได้เป็นผู้จัดการร้านเช่นกัน”
“ผู้จัดการหลินพูดจริงหรือ ? ”
หลินเจียอินตอบว่า “เรามีแผนที่จะเปิดร้านสาขาเพิ่มอีกหลายแห่ง ทุกคนที่ร่วมงานกับเราในปัจจุบันมีโอกาสเป็นผู้จัดการร้านได้ทุกคน”
“ผู้จัดการหลิน ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน ! ”
หูฉางอิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ความมั่นใจของเธอเพิ่มสูงขึ้น เธอพูดว่า “เสี่ยวชิงกินให้อร่อยนะ ที่ร้านยุ่งมาก ฉันต้องขอตัวก่อน”
เจียงเสี่ยวชิงมองดูหลินเจียอินด้วยความประหลาดใจ และถามว่า “พี่สะใภ้ นี่พี่ยังเปิดร้านอีกหลายร้านหรือ ? ”
แค่ร้านนี้ก็ทำให้เธอตกตะลึงแล้ว
เธอไม่คาดคิดว่าพี่สะใภ้จะเปิดร้านอีกหลายแห่ง
แค่ไม่ได้กลับบ้านมา 2 เดือน ที่บ้านมีการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้เลยหรือ ?
เจียงเสี่ยวชิงตกตะลึง