ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 143 :แผนรับสมัครนักลงทุน
ตอนที่ 143 :แผนรับสมัครนักลงทุน
ถนนที่เชื่อมจากถนนลูกรังไปยังบ้านหลังใหม่มีขนาดกว้าง 12 เมตร อีกทั้งตอนนี้ไม่มีรถคนอื่นวิ่งผ่าน จึงเหมาะแก่การเรียนขับรถมาก
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากเที่ยงวันของทุกวัน เจียงเสี่ยวไป๋ก็จะพาหลินเจียอินและเจียงชานกลับไปที่เจียงวาน และสอนหลินเจียอินขับรถบนถนนใหม่
หลินเจียอินเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็ว
ตอนนี้ เธอขับรถคนเดียวได้แล้ว
แม้ว่าทุกครั้งที่เธอขับรถ เจียงชานจะหัวเราะและบอกว่าท่าขับรถของหม่าม๊าตลกมาก เหมือนมนุษย์ท่อนไม้
ทำให้หลินเจียอินรู้สึกหงุดหงิดอยู่พักหนึ่ง
เจียงเสี่ยวไป๋จึงปลอบเธอ “เวลาที่คุณขับรถเป็นแรก ๆ มักจะเป็นแบบนี้เสมอ อย่ากังวลไปเลย เมื่อคุณคุ้นเคยกับมันแล้วก็จะชำนาญมากขึ้นเอง”
“ตอนฝึกขับรถ คุณประหม่าหรือเปล่า ? ” หลินเจียอินถาม
“เป็นสิ เหมือนคุณนั่นแหละ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขัดกับความเป็นจริงของเขา
“ชิ ! ”
หลินเจียอินมุ่ยปากของเธอ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย คุณที่เป็นคนกล้าหาญเพียงนี้ จะประหม่าตอนฝึกขับรถกับเขาด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋คลี่ยิ้ม มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกความจริงแก่เธอ
เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ดูสิ ถนนกว้างมาก ขับยังไงก็ได้ แค่ทำใจให้สบาย”
“เฮอะ นับว่าคุณทำดีที่สร้างถนนหน้ากว้างขนาดนี้ออกมา มันจึงสะดวกสำหรับการฝึกขับรถ” หลินเจียหยินพูดแซว
“ผมมองการณ์ไกลไว้ต่างหาก”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างไร้ยางอาย “ผมรู้ว่าเมียจ๋าจะต้องฝึกขับรถที่นี่ ผมก็เลยทำให้ถนนกว้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อคุณยังไงล่ะ”
“ขี้โม้ ! ”
หลินเจียอินพึมพำและมุ่งความสนใจไปที่การฝึกขับรถ
เมื่อเจียงเสี่ยวเหลยกลับจากโรงเรียนทุกวัน เขาเห็นพี่สะใภ้ฝึกขับรถบนถนนสายใหม่ ซึ่งเด็กหนุ่มรู้สึกอิจฉามาก
“ฉันต้องสอบเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายให้ได้ ฉันจะได้ฝึกขับรถในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน”
เขากำหมัดแน่นแล้วรีบกลับบ้านเพื่อไปอ่านหนังสือ
ตอนนี้ เขาบ้าเรียนจนถึงขั้นไม่ยอมออกไปตัดไม้ไผ่มาเหลาทำไม้จิ้มผัดมันฝรั่งแล้ว
เมื่อเทียบกับการฝึกขับรถแล้ว การตัดไม้ไผ่นั้นย่อมไม่สำคัญอีกต่อไป
ต้องบอกว่าความสนใจคือแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
การเปลี่ยนแปลงของเจียงเสี่ยวเหลยทำให้เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขมาก และในที่สุดเขาก็ค้นพบวิธีรับมือกับไอ้น้องชายตัวดีคนนี้แล้ว
กว่าจะรู้ตัวอีกที เวลาได้ล่วงเลยมาถึงปลายเดือนพฤษภาคม
วันนี้คือวันที่ 31 พฤษภาคม
ถึงเวลาจ่ายค่าจ้างและเงินโบนัสให้กับพนักงานอีกครั้ง
ในเดือนพฤษภาคมนี้ เนื่องจากกุ้งอบน้ำมันมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อรวมกับเงินที่สมาชิกร้านเติมเงินล่วงหน้าแล้ว ยอดขายรวมในเดือนพฤษภาคมพุ่งสูงถึง 207,680 หยวน
ในบรรดารายได้รวมนี้ เป็นเงินที่สมาชิกของร้านเติมเงินไว้ 24,320 หยวน และยอดขายกุ้งอบน้ำมันอีก 84,160 หยวน
ส่วนพะโล้และผัดมันฝรั่งมีรายได้รวมที่ 99,200 หยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตัวจากเดือนเมษายน
สาเหตุหลักมาจากช่วงต้นเดือนเมษายนเพิ่มเริ่มขายผัดมันฝรั่ง ต่อมาถึงได้มีเมนูตุ๋นฟักเขียวทั้งสองแบบเพิ่มเข้ามา กระทั่งมาขายกุ้งอบน้ำมันในช่วงท้าย
และที่ยอดขายในเดือนพฤษภาคมอยู่ในระดับสูง ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากเมนูกุ้งอบน้ำมัน
แต่ค่าใช้จ่ายในเดือนพฤษภาคมก็มีมากขึ้นเช่นกัน
ก่อนอื่น พวกใช้เงินไป 8,600 หยวนไปกับการปรับปรุงและตกแต่งร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง รวมถึงค่าโต๊ะและเก้าอี้ด้านใน และการปรับปรุงห้องครัว
ส่วนต้นทุนของพะโล้ก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน โดยปกติจะได้กำไรแค่ประมาณ 33 % ลำพังต้นทุนวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสรวมกันก็ 49,848 หยวนแล้ว
แต่ต้นทุนของกุ้งอบน้ำมันนั้นถูกกว่ามาก แม้ว่าพวกเขาจะรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชที่ราคาชั่งละ 3 เหมา แต่เมนูนี้สามารถทำกำไรได้มากถึง 80% เพราะต้นทุนวัตถุดิบรวมเครื่องปรุงอยู่ที่ 15,990 หยวนเท่านั้น
ส่วนผัดมันฝรั่งยิ่งมีต้นทุนต่ำกว่า เดือนนี้ทำยอดขายได้กว่า 20,000 หยวน แต่ต้นทุนต่ำกว่า 1,000 หยวนเสียอีก
รายจ่ายเงินเดือนและโบนัสของพนักงานรวมกันอยู่ที่ 2,630 หยวน ถานเสี่ยวฟางและพนักงานเก่าคนอื่นต่างได้รับเงินมากกว่า 120 หยวน พนักงานใหม่ 30 คนที่เพิ่งเข้ามาทำงานเพียง 10 วันได้รับคนละ 20 หยวนเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีต้นทุนค่าเช่าอีกจำนวนหนึ่ง คือค่าเช่าร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสาขา 5 บนถนนถู่เฉียวทางตะวันออกของเมือง ค่าเช่าเดือนละ 10 หยวน พวกเขาจ่ายรวบยอดไป 600 หยวนสำหรับสัญญาเช่าระยะยาว 5 ปี
สำหรับร้านใหม่อีกสามร้านที่เหลือ เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อบ้านมาจากเจ้าของเก่า จึงไม่มีค่าเช่า
นอกจากนี้ รถบรรทุก130 ที่ขับเคลื่อนโดยหวังผิงก็รวมอยู่ในต้นทุนของร้านด้วย ซึ่งเขาซื้อรถคันนี้มาในราคา 36,500 หยวน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า รถบรรทุกขนาดเล็กอีกคันจะเอาไว้เป็นรถขนส่งของโรงงานเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสำเร็จรูป ดังนั้นจึงไม่นับรวมเป็นต้นทุนของร้านนี้
สำหรับรถจี๊ปที่ขับโดยเจียงเสี่ยวไป๋ เขาถือว่าเป็นรถที่เขาซื้อส่วนตัว
หลังจากการคำนวณต้นทุนทั้งหมด และหักยอดเงินเติมของสมาชิกแล้ว เงินคงเหลือในบัญชีร้านอร่อยสามมื้อและร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงอยู่ที่ 73,192 หยวน
นอกจากนี้ ยังรวมถึงกองทุนสำรอง 5,000 หยวนที่จัดสรรไว้เมื่อเดือนที่แล้วด้วย
ในเดือนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ได้หักไว้เป็นกองทุนสำรองอีก 5,000 หยวนเช่นกัน ดังนั้นยอดผลกำไรที่จะแบ่งกันได้จริงจึงเหลือ 63,192 หยวน
หวังผิงมีสัดส่วนหุ้นอยู่ 40 เปอร์เซ็นต์ เขาได้รับเงินส่วนแบ่ง 25,276.8 หยวน
เจียงเสี่ยวไป๋มีสัดส่วนหุ้นอยู่ 60 เปอร์เซ็นต์ ได้รับเงินส่วนแบ่ง 37,915.2 หยวน
สำหรับบัญชีของหลินเจียอินมีเงินสำรองอยู่ในนั้น 10,000 หยวน รวมกับเงินที่สมาชิกที่เติมเงินล่วงหน้าอีก 24,320 หยวน รวมแล้วมีทั้งหมด 34,320 หยวน
ดูเหมือนว่าจะมีอีกไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม หลังจากการปรับปรุงร้านค้าทั้ง 4 แห่ง พวกเขาต้องมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงร้านอีกมากกว่า 30,000 หยวน และยังต้องมีต้นทุนการซื้อวัตถุดิบสำหรับพะโล้และรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชในแต่ละวันอีกด้วย
ดังนั้นจึงสมควรที่จะเก็บเงินจำนวนมากไว้ในบัญชี
ทั้งหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงไม่มีการคัดค้านใด ๆ
ซึ่งพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเงินสำรองจะไม่พอ เพราะยอดขายรายวันของทั้งสองร้านมีมากกว่า 7,000 หยวนแล้ว
“พี่เสี่ยวไป๋ ขอบคุณนะ ! ”
หลังจากได้รับเงินส่วนแบ่งมากกว่า 20,000 หยวน เฝิงเยี่ยนหงก็ยืนขึ้นและขอบคุณเจียงเสี่ยวไป๋จากใจจริง
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปัดแล้วพูดว่า “เธอมีเงินในมือมากกว่า 30,000 หยวนแล้ว เก็บเงินไว้ในธนาคารก็ไร้ประโยชน์ ที่จริงเธอสามารถซื้อบ้านในเมืองชิงโจวเพิ่มสักหลังสองหลัง เพราะในอนาคตมันจะช่วยทำเงินให้เธอได้มากมายเลยล่ะ”
หืม ?
เฝิงเยี่ยนหงชะงักไปครู่หนึ่ง
เดิมทีเธอวางแผนที่จะฝากเงินปันผลทั้งหมดไว้ในธนาคาร แต่เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋พูดสิ่งนี้ เธอก็พูดทันที “พี่เสี่ยวไป๋ ฉันจะทำตามที่พี่แนะนำ”
แต่สิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ก็คือ เพราะคำพูดนี้ของเขาเอง ทำให้นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีคู่สามีภรรยาอีกคู่ที่เริ่มกว้านซื้อบ้านในเมืองชิงโจว
กระทั่งต่อมาในภายหลัง ผู้คนเริ่มตั้งฉายาให้หวังผิงว่า “เฮียหวังครึ่งเมือง ! ”
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ต่อมาหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงได้ซื้ออสังหาฯ ไปมากน้อยแค่ไหน
แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “ตอนนี้ขั้นตอนเปิดกิจการร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอเสร็จสมบูรณ์แล้ว และเราสามารถหานักลงทุนมาร่วมทุนกับเราได้แล้ว”
“หานักลงทุน ? ”
หวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงต่างก็ประหลาดใจ
หลินเจียอินอธิบายรูปแบบการตลาดร้านค้าแฟรนไชส์ทั้งสองแบบให้ทั้งสองฟัง ทั้งหวังผิง และเฝิงเยี่ยนหงต่างก็สนใจมาก
หลังจากหารือกันแล้ว แผนการหานักลงทุนก็ได้ข้อสรุปดังนี้
ครั้งแรก พวกเขาจะเปิดรับสมัครนักลงทุนมาซื้อสาขาแฟรนไชส์ 10 แห่ง จัดฝึกอบรมทางเทคนิคเกี่ยวกับการทำกุ้งอบน้ำมันและอบรมด้านการจัดการร้านและจัดเตรียมเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปให้กับร้านแฟรนไชส์
ในแง่ของค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แบบจ่ายครั้งเดียวอยู่ที่ร้านละ 500 หยวน ค่าเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปชุดขนาดกลางราคาชุดละ 1 หยวน
เฝิงเยี่ยนหงถอนหายใจ “แบบนี้หมายความว่าร้านแฟรนไชส์ก็ช่วยสร้างรายได้ให้เราด้วยน่ะสิ ยิ่งพวกเขาขายดีเท่าไร พวกเราก็จะยิ่งขายเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสูตรสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น!”
หลินเจียอินพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอเสียใจไหมที่ขอลดส่วนแบ่งของโรงงานเครื่องปรุงรสสำเร็จรูปลง ? ”
เฝิงเยี่ยนหงส่ายหน้า แล้วพูดว่า “แค่นี้ฉันก็พอใจมากแล้ว”
ตามแผนของเจียงเสี่ยวไป๋ เครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงและชิงเหอต่างก็ทำโดยเจียงเสี่ยวไป๋ แต่รอให้โรงงานผลิตเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปสร้างเสร็จก่อน เครื่องปรุงรสสำเร็จรูปทั้งหมดจะถูกผลิตและจัดส่งโดยโรงงาน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นร้านของตัวเองก็ต้องซื้อเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงงานเช่นกัน
เดือนพฤษภาคมเป็นจุดสิ้นสุดของการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่
เดือนมิถุนายนที่กำลังจะมาถึงนี้จะนำไปสู่การก้าวกระโดดครั้งใหม่
“ฉันตั้งตารอจริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเราหานักลงทุนได้สำเร็จ ! ” หวังผิงพูดด้วยความตั้งตารอ
เจียงเสี่ยวไป๋ยังพูดกับหลินเจียอินด้วยว่า “เรามีแผนการลงทุนอยู่แล้ว และงานการจัดหานักลงทุนที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของคุณนะเมียจ๋า ! ”
ห๊ะ ?
หลินเจียอินรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที “ปล่อยให้ฉันทำทั้งหมดเลยหรือ ? แล้วฉันจะทำได้ไหม ? ”
“เมียจ๋า คุณทำได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างหนักแน่น
เขาเชื่อในเสน่ห์ของกุ้งอบน้ำมัน ตราบใดที่เขาปล่อยข่าวเกี่ยวกับการรับสมัครแฟรนไชส์ เขาเชื่อว่าจะมีคนนับไม่ถ้วนแห่กันเข้ามาสมัครอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน เขายังเชื่อว่าหลินเจียอินสามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้อย่างราบรื่นและสวยงาม
เขาไม่เพียงต้องการทำให้ภรรยาของเขากลายเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเท่านั้น แต่เขายังอยากให้เธอเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกอีกด้วย
สำหรับการปรนเปรอและคอยให้ความรักภรรยาของเขา เขาไม่เพียงแค่ให้ทรัพย์สมบัติแก่เธอเท่านั้น แต่เขายังเติมเต็มความสามารถให้เธอและปล่อยให้เธอเติบโตด้วยตัวเธอเอง แม้ไม่มีตัวเขา เธอก็ยังเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและมีความสามารถใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้
บางที ความรักที่แท้จริงก็เป็นแบบนี้ !
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่หลินเจียอินด้วยรอยยิ้มในดวงตาของเขา
หลินเจียอินก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ เธอรู้สึกถึงกำลังใจ ซึ่งเป็นพลังที่สามารถทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นได้
“ฉันจะพยายาม ! ”
หลินเจียอินมั่นใจขึ้นมาในทันทีและพูดอย่างหนักแน่น