ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 146 :โควต้ามีจำกัด
ตอนที่ 146 :โควต้ามีจำกัด
เทศบาลเมืองชิงโจว ที่สำนักงานรองนายกเทศมนตรีจาง
ติงจวิ้นเจี๋ยมอบหนังสือพิมพ์รายวันชิงโจวของวันนี้ให้กับรองนายกเทศมนตรีจาง แล้วพูดว่า “ท่านลองอ่านดูครับ มีข่าวเกี่ยวกับเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยนะครับ”
“อ้อ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางหยิบหนังสือพิมพ์และเปิดอ่านไปที่หัวข้อเกี่ยวกับการรับนักลงทุน
“กุ้งอบน้ำมันชิงเหอ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางขมวดคิ้วแล้วหันไปหาติงจวิ้นเจี๋ย ก่อนจะถามว่า “ร้านของเขาไม่ได้ชื่อร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงหรือ ? ทำไมถึงมีกุ้งอบน้ำมันชิงเหอเพิ่มมาอีกล่ะ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ ? ”
ผู้นำให้ความสำคัญกับรายละเอียดมากกว่าคนทั่วไป ต่างจากโจวฉางซงและหลี่กวงหรงที่มักจะด่วนสรุปเมื่อเห็นคำว่า ‘กุ้งอบน้ำมัน’ ส่วนรองนายกเทศมนตรีจางได้ตั้งใจอ่านเนื้อหาข่าวอย่างละเอียด จึงสังเกตเห็นความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทันที
ติงจวิ้นเจี๋ยอธิบายว่า “ตอนนี้เขามีสาขาร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงอยู่สี่ร้านที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง ซึ่งจะเปิดให้บริการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนเรื่องกุ้งอบน้ำมันชิงเหอนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ผมก็เพิ่งอ่านเรื่องนี้ในหนังสือพิมพ์ เนื่องจากเขาไม่มีโทรศัพท์ ผมจึงไม่มีโอกาสถามเขาเลยครับ”
“ฉันต้องการรู้ความชัดเจนของเรื่องนี้” รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าและกล่าวว่า “เช้านี้คุณคงไม่มีงานอะไรมากนัก ดังนั้นไปหาคำตอบให้ฉันหน่อย”
“ครับท่าน ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยเห็นด้วย และหันหลังเดินออกจากห้องไป
“รอเดี๋ยว ! ”
เมื่อเขาไปถึงประตู จู่ ๆ เขาก็ถูกเรียกกลับมา
ติงจวิ้นเจี๋ยหันหลังกลับแล้วรีบเดินกลับไปถามด้วยความเคารพว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง มีอะไรจะกำชับเพิ่มอีกไหมครับ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “เมื่อคุณไปถึงที่นั่น ช่วยแวะไปสำนักงานโทรคมนาคมหน่อย และแจ้งให้พวกเขาไปติดตั้งโทรศัพท์บ้านที่ร้านของเจียงเสี่ยวไป๋ ผู้ชายคนนั้นจะไม่ติดต่อมาหรอก เว้นแต่คุณจะตามหาเขา ดังนั้นการติดตั้งโทรศัพท์บ้านที่บ้านของเขา จะได้ง่ายต่อการติดต่อเขาในอนาคต”
ติงจวิ้นเจี๋ยตอบทันทีว่า “ความคิดนี่ยอดเยี่ยมมากเลยครับท่าน การติดตั้งโทรศัพท์บ้านให้เขาก็เหมือนกับการผูกเชือกไว้ เมื่อไหร่ที่ต้องการติดต่อเขา ก็แค่ดึงเชือกแล้วให้เขาวิ่งมารายงาน”
รองนายกเทศมนตรีจางหัวเราะเบา ๆ “คุณอยู่กับเจียงเสี่ยวไป่มาระยะหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะเรียนรู้ทักษะความเจ้าเล่ห์จากเขามาไม่น้อยเลย”
ติงจวิ้นเจี๋ยไม่กล้าพูดอะไรต่อ
รองนายกเทศมนตรีจางโบกมือแล้วพูดว่า “รีบไปจัดการให้เสร็จโดยเร็ว ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยมาถึงด้านนอกร้านของเจียงเสี่ยวไป๋ และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
วันนี้ดูเหมือนว่ามีรถยนต์จอดอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมากผิดปกติ
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นรถของหน่วยงาน
ในหมู่พวกเขา มีรถที่คุ้นเคยอยู่บ้าง เช่น รถจากสำนักส่งเสริมอุตสาหกรรม สำนักงานคลัง บริษัทรับเหมาก่อสร้างและโรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรในเมือง
“เลขาติง คุณมาที่นี่เพื่อพบผู้จัดการหลินด้วยหรือเปล่า ! ”
เจี่ยงชุ่ยหยูเมื่อเห็นติงจวิ้นเจี๋ยก็ยิ้มและทักทายเขา
ระยะนี้ติงจวิ้นเจี๋ยมักจะมาเป็นลูกค้าประจำของร้าน พนักงานส่วนใหญ่จึงรู้จักตัวตนของเขา
“ผมมาที่นี่เพื่อพบคุณเจียงครับ” ติงจวิ้นเจี๋ยพูดพร้อมโบกมือ
“ถ้าอย่างนั้น เชิญเข้าไปข้างในได้เลยค่ะ เขาอยู่ในสวนหลังร้านค่ะ”
“ขอบคุณครับ ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยเหลือบมองทางเข้าร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในร้านอร่อยสามมื้อ
โดยปกติแล้ว หากต้องการพบเจียงเสี่ยวไป๋ คุณจะพบเขาที่สวนหลังร้านหรือในห้องครัวของร้านอร่อยสามมื้อ
สำหรับร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงนั้น เจียงเสี่ยวไป๋แทบไม่ได้ใช้เวลาที่นั่นเลย ยกเว้นในตอนเช้าที่เขาเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมพะโล้
ติงจวิ้นเจี๋ยเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน และเห็นเจียงเสี่ยวไป๋กำลังเล่นหมากรุกกับลูกสาว เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะลุงติง ! ”
เจียงชานเอ่ยทักทายขึ้น เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองและเห็นติงจวิ้นเจี๋ยเดินเข้ามา เสียงของเธอทั้งอ่อนหวานและไร้เดียงสา
เมื่อได้ยินเสียงของลูกสาว เจียงเสี่ยวไป๋จึงหันหลังกลับด้วยรอยยิ้ม พร้อมกล่าวว่า “ยังเช้าอยู่ อะไรทำให้คุณมาที่นี่ ? ”
ติงจวิ้นเจี๋ยตอบว่า “ทั้งหมดเป็นเพราะโฆษณาที่คุณลงไว้ในหนังสือพิมพ์ รองนายกเทศมนตรีจางส่งผมมาถามว่าทำไมถึงมีกุ้งอบน้ำมันชิงเหอเพิ่มมาอีกแล้ว ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อผู้นำต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิช จึงไม่ใช่แค่ผมที่เปิดร้านได้ ร้านของผมคือร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงไปแล้ว ก็ปล่อยให้คนอื่นเปิดในนามร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอไปเถอะ”
จากนั้น เขาก็อธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับแนวคิดเรื่องธุรกิจแฟรนไชส์
ติงจวิ้นเจี๋ยหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “คุณอยากใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนี่เอง แต่แนวคิดเรื่องแฟรนไชส์นั้นค่อนข้างสร้างสรรค์เลยทีเดียว”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบว่า “ผมต้องสอนวิธีทำกุ้งอบน้ำมันให้พวกเขาฟรี ดังนั้นผมควรได้รับผลประโยชน์ตอบแทนบ้างไม่ใช่หรือไง ? ”
พวกเขาทั้งสองคุยกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นติงจวิ้นเจี๋ยก็แจ้งเจียงเสี่ยวไป๋เกี่ยวกับการติดตั้งโทรศัพท์บ้าน
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และดีใจที่ได้ยินข่าวดีนี้ ซึ่งเขาไม่คาดคิดเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาเคยไปที่สำนักงานโทรคมนาคมเพื่อสอบถามเรื่องนี้ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะติดตั้งให้
เขายังคิดที่จะเชิญผู้อำนวยการสำนักงานโทรคมนาคมมากินกุ้งอบน้ำมัน และเสนอของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อหวังว่าจะสร้างความสัมพันธ์ แล้วค่อยพูดคุยเรื่องการติดตั้งโทรศัพท์บ้าน
ตอนนี้ด้วยคำพูดของรองนายกเทศมนตรีจาง เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นอีกต่อไป
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ในประเทศจีน อำนาจของภาครัฐมีอำนาจเหนือเงินทองอยู่เสมอ
บางครั้ง สิ่งที่ไม่สามารถทำได้โดยการใช้จ่ายเงิน แต่ก็สามารถบรรลุผลสำเร็จได้ด้วยคำสั่งเดียวจากผู้นำ
“ฝากขอขอบคุณรองนายกเทศมนตรีจางด้วยนะครับ” เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและเอ่ยขอบคุณ
ติงจวิ้นเจี๋ยโบกมือ “เอาล่ะ ผมจะกลับไปรายงานเรื่องการเปิดแฟรนไชส์ของคุณให้ท่านทราบก่อน เมื่อติดตั้งโทรศัพท์บ้านเสร็จแล้ว อย่าลืมโทรหาท่านบ้างล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ
หลังจากติงจวิ้นเจี๋ยออกไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็หันกลับมาเล่นหมากรุกกับเจียงชานและหวังกังต่อ
อีกด้านหนึ่ง ที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง แม้ร้านยังไม่เปิด แต่กลับมีคนประมาณ 40-50 คนมาที่ร้าน และดูเหมือนว่าพวกเขาแต่ละคนจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
พวกเขาทั้งหมดมาเพราะเห็นโฆษณาการลงทุนในหนังสือพิมพ์ จึงรีบมาที่นี่โดยเร็ว
หลินเจียอินไม่คาดคิดว่าการโฆษณาเมื่อไม่นานมานี้จะดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาที่นี่พร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาอยู่ที่นั่นแล้ว เธอจึงจัดระเบียบและเริ่มอธิบายข้อตกลงของร้านแฟรนไชส์
หลังจากที่หลินเจียอินพูดจบ ในบรรดาคน 40-50 คนที่มามีเพียงไม่กี่คนที่รู้สึกว่าค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 500 หยวนแพงเกินไป และดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย พวกเขายังกระตือรือร้นที่อยากจะได้แฟรนไชส์ของเจียงเสี่ยวไป๋
เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันจะมีเพียงแค่ 10 แห่งเท่านั้น
ผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายของหลินเจียอิน ในตอนแรกเธอคิดว่าแม้ว่าผู้คนจะมาเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ แต่ก็ต้องมีการเจรจาต่อรองบ้าง
เธอไม่คิดว่าจะมีคนกระตือรือร้นและสนใจมากมายขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าบางคนมีภูมิหลังที่โดดเด่น รวมถึงบางคนที่เป็นลูกค้ารายใหญ่มีสัญญาซื้อพะโล้กับเธอด้วย ในตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายอย่างไร
ผู้ที่ได้รับโควต้าย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา
ส่วนผู้ที่ไม่ได้โควต้าอาจรู้สึกไม่พอใจ
ในขณะนี้ เธอเริ่มตระหนักได้ว่าการดำเนินธุรกิจไม่ง่ายอย่างที่คิด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจางเจียงเสี่ยวไป๋มอบหมายงานให้เธอ เธอจึงมุ่งมั่นที่จะจัดการกับมันให้สำเร็จ
หลินเจียอินรวบรวมสมาธิของเธอ และกล่าวว่า “ฉันรู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นของทุกคนที่มีต่อการเปิดแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมัน และขอขอบคุณที่ทุกท่านให้การยอมรับและไว้วางใจในร้านอาหารของเรา”
“สำหรับโควตาแฟรนไชส์ชุดแรกมีจำกัดเพียง 10 แห่งเท่านั้น และจะไม่มีการเปิดรับเพิ่มเติมใด ๆ ในตอนนี้”
“เพราะเราต้องรับผิดชอบต่อคู่ค้าแฟรนไชส์ของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถทำเงินได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แล้ว”
“ดังนั้นการเปิดตัวร้านค้าจำนวนมากเกินไปในคราวเดียว อาจทำให้ธุรกิจเติบโตได้ยาก”
“ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เรามอบให้นั้นนอกเหนือไปจากแบรนด์และอุปกรณ์ ยังรวมถึงประสบการณ์ด้านการจัดการและการปฏิบัติงาน เราจึงต้องดำเนินการทีละขั้นตอน”
ทันทีที่เธอพูดจบ คนข้างล่างก็พูดทันที
“ผู้จัดการหลิน ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ฉันก็อยากได้แฟรนไชส์นี้”
“ผู้จัดการหลิน ฉันด้วย”
“ผู้จัดการหลิน เราเป็นคู่ค้ารับพะโล้จากร้านคุณไปประจำ และโรงอาหารของบริษัทเราก็มีเมนูพะโล้ของคุณด้วย”
“ผู้จัดการหลิน เมื่อพูดถึงเมนูพะโล้ โรงงานเครื่องจักรกลการเกษตรของเราเป็นเจ้าแรกที่สั่งซื้อ ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร คุณก็ต้องให้โควต้าแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันแก่เรา”
“ผู้จัดการหลิน ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ผมจะไปหาเจียงเสี่ยวไป๋โดยตรง”
“……”
หลินเจียอินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอก่อนหน้านี้ไม่มีผลเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงตระหนักว่าเธอจำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางของเธอ
หลินเจียอินยกมือขึ้นเพื่อสงบความวุ่นวาย และพูดว่า “หากพวกคุณต้องการเปิดแฟรนไชส์ร้านกุ้งอบน้ำมัน ที่จริงยังมีวิธีแก้ปัญหาอยู่อีกวิธีหนึ่ง”
ทุกคนเริ่มตื่นเต้นทันที
“ผู้จัดการหลินมีวิธีอะไร ? ”
“ผู้จัดการหลิน มีวิธีไหนอีก โปรดบอกเราด้วย ! ”