ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 147 :วิธีแก้ปัญหาของหลินเจียอิน
ตอนที่ 147 :วิธีแก้ปัญหาของหลินเจียอิน
วิธีแก้ปัญหาของหลินเจียอินนั้นตรงไปตรงมา
เนื่องจากจำนวนร้านแฟรนไชส์ในเขตเมืองชิงโจวยังคงที่ 10 แห่งไม่เปลี่ยนแปลง เธอจึงตัดสินใจเพิ่มร้านแฟรนไชส์นอกเขตตัวเมือง โดยขยายร้านขายกุ้งอบน้ำมันไปยังอำเภอต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองชิงโจว
ชิงโจวเป็นเมืองระดับจังหวัด ซึ่งมีเขตอำเภอภายใต้การปกครองอีก 7 แห่ง
แบ่งเป็น: อำเภอเจี้ยนหยาง อำเภอเป่ยเหลียง อำเภอไคไหล อำเภอต้าเฟิง อำเภอฉางเหอ อำเภออวิ๋นตูและอำเภอปาวั่ง
หลินเจียอินกล่าวว่า “แม้ว่าประชากรในอำเภออื่นนอกเขตเมืองชิงโจวจะมีไม่มากเท่าในเขตเมือง แต่การเปิดร้านกุ้งอบน้ำมัน 3-4 แห่งในแต่ละอำเภอก็สามารถมีรายได้ไม่ต่างจากเปิดในเมืองชิงโจว”
ความเงียบปกคลุมไปชั่วขณะหนึ่ง
“บ้านเกิดของฉันอยู่ที่เป่ยเหลียง ไปเปิดที่นั่นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“ใช่ ถ้าเราเลือกเปิดร้านที่เมืองชิงโจว เราจะมีร้านกุ้งอบน้ำมันอีก 10 กว่าร้าน แต่ถ้าฉันเปิดร้านในเจี้ยนหยาง มันก็จะกลายเป็นร้านกุ้งอบน้ำมันร้านแรกที่นั่น”
“แต่การใช้จ่ายในอำเภออาจไม่สูงนัก ดูเหมือนว่า……”
“ในอำเภอขนาดใหญ่เช่นนี้ ยังมีคนไม่กี่คนที่สามารถซื้อกุ้งอบน้ำมันได้”
“ใช่แล้ว นี่มันปี 1983 แล้วนะ ผู้คนในเมืองมีใครบ้างที่ไม่มีเงินเก็บกันน่ะ ? ”
“ถ้าพวกคุณคิดว่าการไปเปิดในเขตอำเภอเป็นเรื่องดีก็ทำไป แต่ฉันยังต้องการเปิดร้านในเขตเมืองชิงโจวอยู่”
“ดูสถานการณ์ก่อนเถอะ หากไม่สามารถเปิดแฟรนไชส์ในชิงโจวได้จริง ๆ ค่อยพิจารณาเปิดนอกเขตตัวเมืองชิงโจวอีกที”
“……”
ข้อเสนอของหลินเจียอินทำให้หลายคนมีความหวังขึ้นมา หลายคนที่ตอนแรกคิดว่าตนเองคงคว้าโควต้าแฟรนไชส์มาไม่ได้ก็เริ่มมองเห็นโอกาสบ้างแล้ว
บางคนคิดว่าการเปิดแฟรนไชส์นอกชิงโจวเป็นความคิดที่ดี
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากพวกเขาตั้งรกรากอยู่ในชิงโจวแล้ว
หลินเจียอินกล่าวเสริมได้อย่างถูกจังหวะว่า “ใครก็ตามที่ยินดีเปิดร้านในอำเภออื่นจะได้รับสิทธิพิเศษภายใต้เงื่อนไขเดียวกันเมื่อมีการคัดเลือกแฟรนไชส์ชุดที่สองในเมืองชิงโจว”
โอ้ ?
หลายคนที่เคยลังเลก่อนหน้านี้ ตอนนี้เริ่มเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแล้ว
จากคำพูดของหลินเจียอิน นั่นหมายความว่าพวกเขาอาจสามารถเปิดแฟรนไชส์ในเมืองชิงโจว และในอำเภอได้ใช่หรือไม่ ?
แผนนี้ฟังดูคุ้มค่า
“ผู้จัดการหลิน แล้วจะเปิดรับนักลงทุนชุดที่สองเมื่อไร ? ”
“ผู้จัดการหลิน จะมีการรับสมัครเพิ่มจริงหรือ ? ”
“ใช่แล้ว มีร้านกุ้งอบน้ำมันมากกว่าสิบร้านในชิงโจวแล้ว แบบนี้ยังจะเปิดแฟรนไชส์เพิ่มได้หรือ ? ”
“……”
หลายคนถามอย่างกระตือรือร้นทันที
หลินเจียอินยืนยันว่า “เมื่อการดำเนินงานของแฟรนไชส์รอบแรกมีเสถียรภาพ เราจะเริ่มรับสมัครนักลงทุนรอบที่สอง ทุกท่านวางใจได้ เมืองชิงโจวมีขนาดใหญ่มากจนสามารถรองรับร้านอาหารกุ้งได้หลายสิบร้าน”
หลังจากนั้น ก็มีการพูดคุยกันอีกรอบ หลายคนเห็นพ้องต้องกันทันทีว่าหากพวกเขาไม่สามารถจองพื้นที่ในเขตเมืองของชิงโจวได้ พวกเขาจะเลือกเปิดร้านในอำเภอนอกเขตเมืองชิงโจว
ขั้นตอนต่อไป คือการคัดเลือกนักลงทุนเจ้าของแฟรนไชส์ในเมืองชิงโจว
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ หลินเจียอินไม่ได้เจรจาโดยตรงกับทุกคน แต่เธอกลับแจกแบบฟอร์มที่เตรียมไว้จำนวนหนึ่งและมอบให้แต่ละคนคนละหนึ่งชุด โดยขอให้พวกเขากรอกแบบฟอร์มใบสมัครแฟรนไชส์
เธอจะประกาศว่าใครมีสิทธิ์ได้โควต้าไปหลังจากตรวจสอบแบบฟอร์มการสมัครแล้ว
หลินเจียอินกล่าวเสริมว่า “หลังจากที่ทุกคนกรอกแบบฟอร์มใบสมัครแล้ว พวกคุณสามารถระบุที่ด้านหลังได้ว่า หากไม่ได้รับโควตาเปิดร้านในเมืองตัวชิงโจว ยินดีเปิดร้านในอำเภออื่น”
ทุกคนไม่มีทางเลือก นอกจากกรอกแบบฟอร์มตามที่กำหนด
หลายคนเริ่มตื่นตัว ต่อให้พวกเขาไม่ได้โควตาเปิดสาขาในตัวเมือง พวกเขาก็ยังพอโยกย้ายไปเปิดที่อำเภออื่นได้
บางคนคิดที่จะไปหาเจียงเสี่ยวไป๋ เพื่อให้ได้แฟรนไชส์พื้นที่เมืองชิงโจว
นอกจากนี้ ยังมีคนที่แอบสังเกตผู้แข่งขันที่อยู่รอบตัวและประเมินความน่าจะเป็นของตนเองในการชนะ
ทุกคนรีบกรอกแบบฟอร์มและแยกย้ายกันออกไป
หลินเจียอินมองไปที่ร้านค้าที่ว่างเปล่า และรู้สึกว่าหลังของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายเพียงลำพัง หากบอกว่าเธอไม่มีความกังวลเลยคงไม่ใช่
แต่โชคดีที่เธอสามารถอดทนจนผ่านมาได้
“ฮู่ว…..”
หลินเจียอินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เธอสั่งให้พนักงานจัดสถานที่ให้เรียบร้อย และเตรียมพร้อมที่จะเปิดให้บริการในไม่ช้า จากนั้นเธอก็ถือแบบฟอร์มที่รวบรวมไว้แล้วเดินไปที่สวนหลังร้านข้าง ๆ
สำหรับเรื่องเหล่านี้ เธอจำเป็นต้องปรึกษากับเจียงเสี่ยวไป๋
เพราะเขามีกลอุบายมากมาย
“เมียจ๋า คุณจบการสนทนาเร็วขนาดนี้เลยหรือ ? ”
เมื่อเห็นหลินเจียอินเดินเข้ามา เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยืนขึ้นและทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม
หลินเจียอินพยักหน้าและส่งแบบฟอร์มใบสมัครแฟรนไชส์ให้เจียงเสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “มีคนสนใจค่อนข้างเยอะ คุณลองดูสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือแล้วพูดว่า “เรื่องนี้เป็นหน้าที่คุณรับผิดชอบ ผมเชื่อใจเมียของผมว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้”
หลินเจียอินมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาขุ่นเคือง และอธิบายความคิดของเธอในการเพิ่มจำนวนร้านแฟรนไชส์ไปยังเขตอำเภอภายใต้การปกครองของชิงโจว เจียงเสี่ยวไป๋ยกนิ้วให้เธอแล้วพูดว่า “เมียจ๋าของผมสุดยอดมาก ผมรู้ว่าคุณรับมือได้ กลยุทธ์ขยายช่องทางนี้ยอดเยี่ยมมาก ! ”
“กลยุทธ์ขยายช่องทาง” เป็นคำศัพท์ใหม่สำหรับหลินเจียอินอีกแล้ว
หลินเจียอินขอคำอธิบายทันที และเจียงเสี่ยวไป๋ก็อธิบายให้เธอฟังอย่างอดทน โดยถือโอกาสหารือเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกแฟรนไชส์เพื่อให้มีมาตรฐานที่ดีที่สุดอีกด้วย
“เยี่ยมมาก ตอนนี้ฉันรู้วิธีจัดการกับเรื่องนี้แล้ว”
หลินเจียอินถือแบบฟอร์มใบสมัครแฟรนไชส์จากไปอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋เฝ้าดูร่างระหงส์ที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกมีความสุข ความรักที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิงไม่ใช่แค่การมอบความมั่งคั่งทางวัตถุให้เธอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เธอเติบโต ช่วยให้เธอมีอาชีพเป็นของตัวเอง และมีชีวิตที่สมหวังตามที่เธอต้องการด้วย
สิ่งที่เขาทำได้คือสร้างสภาพแวดล้อมที่จะช่วยให้หลินเจียอินเติบโต
นี่เรียกว่า การทำทุกอย่างเพื่อให้เธอสมความปรารถนา
เพื่อเติมเต็มชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเธอ
“หลังจากนี้ น่าจะมีหลายคนมาขอพบฉันแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋พึมพำกับตัวเอง
ในฐานะคนมีชีวิตอยู่มาสองชาติ เขาเข้าใจวิธีที่คนจีนจัดการกับเรื่องต่าง ๆ และคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงมัน
ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของสำนักงานโทรคมนาคมก็มาติดตั้งโทรศัพท์ และเจียงเสี่ยวไป๋ก็จำสิ่งที่ติงจวิ้นเจี๋ยพูดได้ เขาโทรศัพท์ไปหารองนายกเทศมนตรีจางก่อนเป็นสายแรก
“เลขาติงแจ้งให้ฉันทราบเกี่ยวกับแนวคิดของคุณเรื่องเปิดร้านแฟรนไชส์แล้ว และฉันคิดว่ามันเยี่ยมมาก”
“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อจะขยายสาขาแล้ว แต่ทำไมคุณถึงรับสมัครเพียง 10 แห่งเท่านั้นล่ะ ? ”
“ด้วยจำนวนประชากรเจ็ดถึงแปดแสนคนในเมืองชิงโจว การเปิดแฟรนไชส์หลายสิบแห่งไปจนถึงมากกว่าร้อยสาขาไม่น่าจะเป็นปัญหา”
“คุณควรรับสมัครแฟรนไชส์เพิ่มเพื่อให้เกษตรกรจับกุ้งเครย์ฟิชมาขายได้มากขึ้น เพิ่มรายได้ให้เหล่าเกษตรกร อีกทั้งประชาชนทั่วไปก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับกุ้งเครย์ฟิชแสนอร่อยได้อย่างง่ายขึ้น”
เมื่อรับสายจากเจียง เสี่ยวไป๋ รองนายกเทศมนตรีจางก็ดูพอใจมากและเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ อย่างกระตือรือร้น
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วย แต่ไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้มากเกินไป
หลังจากใช้ชีวิตมาสองชาติแล้ว เขาตระหนักดีถึงแนวคิดของผู้นำ
เขารู้ว่าบางครั้งคุณต้องโดดเด่นยิ่งขึ้นและเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
นั่นคือรูปแบบการทำงานในปัจจุบันของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เจียงเสี่ยวไปมีการพิจารณาของเขา การก้าวใหญ่เกินไป ก้าวเร็วเกินไป นอกเหนือจากความท้าทายในการจัดหาเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปแล้ว มันยังอาจนำไปสู่ปัญหาด้านการจัดการ และความวุ่นวายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เล่นหมากรุกกับลูกสาวของเขาต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียนฟางอี้ก็มาหาเขา
“สหายเจียง โครงการของคุณดีขนาดนี้และโฆษณาใหญ่โต แต่คุณกลับไม่บอกผมสักคำ”
เฉียนฟางอี้คว้ามือของเจียงเสี่ยวไป๋และทักทายอย่างเป็นกันเอง
เจียงเสี่ยวไป๋พบกับเฉียนฟางอี้ไม่กี่ครั้ง และไม่ถือว่าสนิทสนมขนาดนั้น
ทว่าในขณะนี้ เฉียนฟางอี้กำลังแสดงราวกับว่าเขาและเจียงเสี่ยวไป๋เป็นเพื่อนกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่ให้เฉียนฟางอี้และเชิญเขาไปนั่งในครัวหลังร้าน เขายิ้มและถามว่า “ผู้อำนวยการเฉียนสนใจเปิดแฟรนไชน์กุ้งอบน้ำมันด้วยหรือครับ ? ”
เฉียนฟางอี้หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพูดว่า “น้องชายของภรรยาผมว่างทั้งวัน ผมอยากจะหาอะไรให้เขาทำ”