ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 152 :ระหว่างทางกลับบ้าน พาลูกสาวไปดูบ้านใหม่
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 152 :ระหว่างทางกลับบ้าน พาลูกสาวไปดูบ้านใหม่
ตอนที่ 152 :ระหว่างทางกลับบ้าน พาลูกสาวไปดูบ้านใหม่
บ้านของหลิวซือกั๋วอยู่ไม่ไกลจากถนนลูกรัง
จูเยี่ยนผิงยืนอยู่ที่ลานบ้าน เธอเห็นตั้งแต่ตอนที่หลิวซือหมิงขายกุ้งเครย์ฟิชแล้ว
“ซือหมิง ขายได้ราคาเท่าไหร่ ? ” จูเยี่ยนผิงถามอย่างกระตือรือร้นทันทีที่หลิวซือหมิงกลับมาถึงบ้าน
หลิวซือหมิงยิ้มอย่างซื่อ ๆ “12.9 หยวน”
ดวงตาของจูเยี่ยนผิงเป็นประกาย การขายกุ้งเครย์ฟิชทำเงินได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ และคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องให้หลิวซือกั๋วไปจับกุ้งในคืนนี้ให้ได้
ในขณะเดียวกัน เธอโลภอยากได้เงิน 12.9 หยวนของหลิวซือหมิงมาก เธอจึงยิ้มอย่างที่เห็นได้ยากและพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ซือหมิง เอาเงินมาเก็บไว้ที่ฉันเถอะ นายจะได้ไม่นำเงินไปใช้อย่างฟุ่มเฟือย ใช้อย่างไม่เลือกหน้า ! พี่สะใภ้จะเก็บไว้ให้นายเอง เอาไว้ให้นายเป็นสินสอดไปแต่งเมีย”
หลิวซือหมิงส่ายหัวและพูดว่า “ฉันประหยัดอยู่แล้ว ฉันจะเก็บไว้เอง”
จูเยี่ยนผิงแสดงความไม่พอใจบนสีหน้าอย่างชัดเจน และพูดว่า “ทำไมนายถึงไม่เชื่อฟังพี่สะใภ้ ? หากเพื่อนบ้านเอาเงินของนายไป ถ้าอยากกินปาท่องโก๋ที่ตลาด นายจะทำอย่างไร ? ”
หลิวซือหมิงยังคงส่ายหัว “ตอนนี้ฉันไม่กินปาท่องโก๋แล้ว”
เมื่อเฉินหยวนชางกลับมาถึงบ้านและได้ยินการสนทนาระหว่างจูเยี่ยนผิงและหลิวซือหมิงนั้น เฉินหยวนชางมองไปที่จูเยี่ยนผิงอย่างดูถูกเหยียดหยาม และอดไม่ได้ที่จะพูดแซะว่า “เยี่ยนผิง เธอโลภเอาเงินของซือหมิงขนาดนั้น ยังมีหน้ามาเป็นพี่สะใภ้ของเขาอีกนะ ! ”
หลิวซือหมิงใช้โอกาสนี้วิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
เมื่อเห็นเช่นนี้ จูเยี่ยนผิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนิ่งเงียบ เธอปั้นหน้าบึ้งตึงใส่เฉินหยวนชางและบ่นว่า “เฉินหยวนชาง อย่ามาสอดเรื่องครอบครัวของฉัน”
เฉินหยวนชางกลับพูดอย่างเย้ยหยันว่า “พวกเธอแยกบ้านกับเขาแล้ว ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันอีกหรือ ? หน้าไม่อาย ! ”
พูดจบ ก็ส่ายหน้าถอนหายใจแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป
จูเยี่ยนผิงไม่ได้เงินของหลิวซือหมิง ซ้ำยังถูกเฉินหยวนชางต่อว่าอีก เธอรู้สึกหงุดหงิดมาก และเมื่อเธอกลับไปที่บ้านและเห็นหลิวซือกั๋วนอนหลับสบายใจเฉิบอยู่ เธอโกรธมากจนวิ่งไปที่ห้องครัวแล้วหยิบไม้ฟืนออกมาตีหลิวซือกั๋ว
“โอ๊ย……”
หลิวซือกั๋วกำลังนอนหลับสนิท จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บที่ไหล่ เขากระเด้งตัวขึ้นพร้อมกับร้องด้วยความเจ็บปวด เขาถึงเห็นว่าจูเยี่ยนผิงกำลังทุบเขาด้วยไม้ฟืน
“นังเมียบ้า เธอกำลังทำอะไร ! ”
หลิวซือกั๋วตะโกนในขณะที่หลบการทุบตีของจูเยี่ยนผิง
“ทำอะไรงั้นหรือ ? ”
จูเยี่ยนผิงด่าว่า “ฉันบอกให้คุณจับกุ้งเครย์ฟิชไปขายก็ไม่ไป ดีแต่นอนสบายอยู่บ้าน วัน ๆ ไม่คิดจะทำมาหากินเลยหรือไง ? ”
หลิวซือกั๋วพูดด้วยความโกรธว่า “จับกุ้งอะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ความสัมพันธ์ของฉันกับเจียงเสี่ยวไป๋เสียหน่อย เจียงเสี่ยวเฟิงน้องชายของเขาคงจะยอมรับซื้อกุ้งจากฉันหรอกนะ ! ”
จูเยี่ยนผิงเงยหน้าหัวเราะ “นั่นคือสิ่งที่คุณคิดไปเอง ขนาดกุ้งที่หลิวซือหมิงจับได้ในวันนี้ เจียงเสี่ยวเฟิงยังรับซื้อมันในราคา 12.9 หยวนเลย ! ”
“ว่าอย่างไรนะ ? ”
หลิวซือกั๋วตื่นตัวทันที เดิมทีเขาไม่ค่อยมีสติเพราะดื่มเหล้าเข้าไป แต่ตอนนี้เขาสร่างเมาแล้ว “เธอบอกว่าเจียงเสี่ยวเฟิงรับซื้อกุ้งที่ซือหมิงจับได้ ? ”
จูเยี่ยนผิงกล่าวว่า “ฉันเห็นกับตา”
จู่ ๆ ใบหน้าที่หดหู่ของหลิวซือกั๋วก็แสดงความดีใจออกมา เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “งั้นถ้าเราไปจับกุ้งมา เจียงเสี่ยวเฟิงก็อาจรับซื้อมันด้วยใช่ไหม ? ”
จูเยี่ยนผิงกล่าวว่า “ฉันคิดว่าคนแซ่หวังต่างหากคือคนที่รับซื้อกุ้งตัวจริง เจียงเสี่ยวเฟิงคงเป็นแค่นายหน้าเท่านั้น คนแซ่หวังรับกุ้งไปขายเพื่อทำกำไร เขาไม่สนใจหรอกว่ากุ้งจะมาจากใครบ้าง”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เธอได้พูดอีกครั้งว่า “อีกอย่างเรากำลังมีความขัดแย้งกับเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่เจียงเสี่ยวเฟิง เขาจะไม่ยอมรับซื้อกุ้งได้อย่างไร ? ”
หลิวซือกั๋วพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกว่าภรรยาของเขาพูดถูก
“งั้นเธอรีบทำอาหารไป คืนนี้ฉันจะไปจับกุ้ง”
“ต้องแบบนี้สิ”
สีหน้าของจูเยี่ยนผิงดีขึ้นเล็กน้อย เธอวางฟืนลงแล้วเดินไปที่ห้องครัว
“คืนนี้เราต้องจับกุ้งให้ได้เยอะ ๆ ! ”
“ต้องขายได้เงินเยอะ ๆ ! ”
จูเยี่ยนผิงมีความสุขมาก ในขณะที่เธอกำลังเดินเข้าห้องครัวไปทำอาหารเย็น
เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่เจียงวาน เขาให้หลินเจียอินฝึกขับรถบนถนนหลัก ส่วนเขาจูงมือเล็ก ๆ ของเจียงชานพาเธอเดินไปที่บ้านใหม่
“ป่าป๊า ถนนนี้กว้างและเรียบมาก ! ”
เจียงชานก้าวขึ้นไปบนทางเท้าคอนกรีตที่เพิ่งเทใหม่ แล้วกระโดดโลดเต้นไปตามทาง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “นี่คือทางกลับบ้านของเรา ทางกลับบ้านควรเรียบและกว้าง”
เจียงชานเอียงคอถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคะ ? ”
“เพราะบ้านเป็นสถานที่ที่อบอุ่นที่สุด จึงมีคนรอให้เรากลับบ้านยังไงล่ะ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
“ก็หนูนี่แหละที่รอป๊ากลับบ้านทุกวัน ! ”
เจียงชานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หัวใจของเจียงเสี่ยวไป๋ละลายเมื่อได้ยินสิ่งนี้
พ่อและลูกสาวเดินไปจนสุดทางถึงเนินดิน ขณะนี้การก่อสร้างทั้งหมดใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ตัวบ้าน ถนนและแท่นระเบียงริมน้ำล้วนสร้างเสร็จแล้ว
เมื่อมองขึ้นไป ทั้งเนินเขาเหมือนกับวิลล่าที่อยู่บนภูเขา พอเดินขึ้นไปตามทางของระเบียงริมน้ำแล้ว ก็จะเห็นตัวบ้านอันวิจิตรงดงามที่ก่อด้วยอิฐสีน้ำเงินและปูหลังคาด้วยกระเบื้องสีดำ ต้นหนานมู่สูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวน ผาหินหัวขาดที่ด้านหลังคล้ายกับเป็นฉากหลังของบ้านหลังนี้ ทำให้ตัวบ้านดูเหมือนมีที่พึ่งพิงอันมั่นคง
“ป่าป๊าคะ นั่นคือบ้านใหม่ของเราหรือคะ ? ”
ทุกครั้งที่มาที่นี่ เจียงชานจะถามแบบนี้เสมอ
“อืม ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นี่คือบ้านหลังใหม่ของเราในอนาคต”
“สวยมาก ! ”
“หนูชอบมากเลยค่ะ ! ”
เจียงชานยิ้มอย่างมีความสุข
“เอาล่ะ เข้าไปดูข้างในกันเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋จับมือลูกสาวของเขาและเดินขึ้นบันไดจากด้านล่าง
จากถนนสายหลักไปจนถึงด้านบน ไม่เพียงแต่มีถนนรูปตัว“之” ขนาดหน้ากว้าง 4 เมตรเท่านั้น เจียงเสี่ยวไป๋ยังออกแบบให้มีขั้นบันไดหินเป็นสามชั้น ชั้นละเจ็ดขั้นอีกด้วย
เมื่อทั้งสองขึ้นไป ด้านบนจะเป็นเขื่อนราบขนาดเล็ก
ด้านล่างเขื่อนราบเป็นโรงจอดรถ ด้านบนทำราวจับไว้ทั้งสามด้าน ส่วนอีกด้านหนึ่งติดกับผนังบ้านฝั่งหนึ่ง
นี่คือรูปแบบของเรือนสี่ประสานสามประตู แบ่งเป็นอาคารส่วนหน้า อาคารส่วนกลางและอาคารหลัง
อาคารส่วนหน้าประกอบไปด้วยประตูหลักและเรือนตรงข้าม ถัดมาคือประตูชั้นในที่เชื่อมอาคารส่วนหน้าและส่วนหลัง อาคารส่วนกลางประกอบด้วยห้องปีกตะวันออกและตะวันตก ห้องหลัก และทางเดิน ส่วนอาคารหลังคล้ายกับบริเวณอาคารส่วนกลาง
รูปแบบของประตูใหญ่เป็นแบบประตูกว่างเหลียน มันคือการย้ายเอาประตูใหญ่ของบ้านตระกูลเฉินมา รูปปั้นสิงโตหิน เท้าสิงโตและลูกบอลซิ่วจิวใต้เท้าสิงโตที่อยู่สองฝั่งหน้าประตูถูกขัดไว้เป็นมันเงา
“สิงโตตัวใหญ่ ! ”
ทุกครั้งที่หนูน้อยมา เธอมักจะแตะเท้าสิงโตและลูบคลำอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋ยังเล่นกับลูกสาวของเขาที่ประตูทุกครั้ง และพวกเขาจะไม่เข้าประตูจนกว่าเธอจะหมดสนุก
กำแพงหินสลักลวดลายที่เห็นก็ถูกรื้อมาจากบ้านตระกูลเฉินเพื่อนำมาสร้างใหม่ที่นี่เช่นกัน และเมื่อเขาเข้าไปข้างใน เขาก็เห็นจวงปี้เฉิงกำลังยุ่งอยู่กับคนงานหลายคน
“พี่เจียงมาแล้วหรือ ! ”
จวงปี้เฉิงทักทาย
ทั้งสองร่วมมือกันได้ดี ทั้งยังสนิทกันแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลิกเรียกเจียงเสี่ยวไป๋ว่าเถ้าแก่เจียง และเปลี่ยนมาเรียกพี่เจียงแทน
“สวัสดีค่ะอาจวง ! ”
เจียงชานทักทายอย่างสุภาพ
จวงปี้เฉิงหยอกล้อเธอสองสามคำ แล้วพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “เรื่องน้ำไฟจัดการตามความต้องการของพี่แล้ว รอให้ปูกระเบื้องในห้องน้ำ ติดตั้งหลอดไฟและทำความสะอาดขยะให้เรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็ถือว่าการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ลำบากพวกคุณแล้ว”
พูดแล้ว เขาก็ยื่นบุหรี่จงฮว๋าให้จวงปี้เฉิงหนึ่งมวน
จวงปี้เฉิงรับมันด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า “นี่เป็นบ้านที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา พองานเสร็จ ก็รู้สึกว่าไม่อยากจากไปเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “คุณรีบทำให้เสร็จแล้วจะได้เข้าเมืองต่อ ตอนนี้ทางโรงงานมีชิงซานคอยคุมงานอยู่คนเดียว ไม่มีคุณไปประจำการไม่ได้”
“อย่างช้าสุดก็สองวัน ฉันจะไปที่นั่น”
จวงปี้เฉิงรู้สึกละอายใจอยู่พักหนึ่ง
เจียงเสี่ยวไป๋มอบหมายงานให้เขามากเหลือเกิน แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าคุมงานก่อสร้างโรงงาน แต่นี่คือบ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาไม่กล้าประมาทงานในขั้นตอนสุดท้าย ฉะนั้นเขาถึงได้อยู่คุมงานที่นี่เป็นการส่วนตัว