ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 153 :มีการแสดงดี ๆ ให้ดูอีกแล้ว
ตอนที่ 153 :มีการแสดงดี ๆ ให้ดูอีกแล้ว
หลังจากเดินไปรอบ ๆ บ้านหลังใหม่แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็พาเจียงชานออกไป
“ป่าป๊า หนูอยากย้ายไปอยู่บ้านใหม่เร็ว ๆ นี้ ! ”
ระหว่างทาง หนูน้อยมองย้อนกลับไปที่บ้านหลังใหม่หลายครั้ง และในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “อีกไม่กี่วันเราก็จะย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้ว”
“ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ ! ”
เจียงชานพูดอย่างมีความสุข “ครอบครัวของเรามีรถใหม่ บ้านใหม่และร้านขายกุ้งอบน้ำมันอีกมากมาย หนูคิดว่าหนูเป็นคนที่มีความสุขที่สุดเหมือนอย่างที่ป่าป๊าเคยพูดไว้”
เจียงเสี่ยวไป๋ลูบหัวน้อย ๆ ของเธอด้วยความรัก “แน่นอนว่าหนูคือคนที่มีความสุขที่สุด ! ”
ทั้งสองเดินลงบันไดหิน และบังเอิญว่าหลินเจียอินกำลังฝึกขับรถมาถึงตรงนี้พอดี
“ชานชาน ขึ้นมาสิ หม่าม๊าจะพาหนูกับพ่อไปที่นั่น”
หลินเจียอินเอี้ยวตัวยื่นหน้าออกมานอกกระจกรถแล้วเรียกลูกสาว
“หนูไม่นั่งรถที่หม่าม๊าขับ มันเวียนหัว ! ”
หนูน้อยส่ายหน้าไปมา “ป่าป๊ากับหนูจะเดินไปทางนั้น”
หลินเจียอินรู้สึกเศร้าใจ ทักษะการขับรถที่เธอฝึกฝนมาอย่างหนักถูกลูกสาวของเธอปฏิเสธเสียแล้ว
ดวงตาคู่สวยของเธอปราดมองเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้ง เขาถูกบังคับด้วยสายตาของภรรยาจึงรีบอุ้มลูกสาวขึ้นแล้วพูดว่า “หม่าม๊าขับรถได้ดีขึ้นมากแล้ว เราไปกับหม่าม๊ากันเถอะ”
จากนั้น หลินเจียอินถึงได้แย้มยิ้มออกมา
ฮึ่ม ถ้าพูดกับลูกสาวไม่ได้ อย่างนั้นก็ต้องบังคับเขาน่ะถูกแล้ว ?
ในครอบครัว สถานะของเธอนั้นไม่ได้ต่ำเลย
หนูน้อยเข้าไปในรถอย่างไม่เต็มใจ เธอนั่งบนเบาะหลังและใช้มือเล็ก ๆ จับที่จับประตูแน่นด้วยท่าทางหวาดกลัว ซึ่งทำให้หลินเจียอินรู้สึกปวดใจมาก
โธ่……
ผู้หญิงขับรถได้แย่กว่าผู้ชายมาก
เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋อีกครั้ง ทำไมเขาต้องขับรถดีขนาดนั้นด้วย ? ดูสิ ลูกสาวมาตรฐานสูงไปแล้ว
หลังจากขับรถไปที่ถนนลูกรังอย่างหดหู่ใจ หลินเจียอินก็หมดอารมณ์ที่จะฝึกต่อ เธอจอดรถเพื่อจะกลับบ้าน
สองวันก่อน ชายชราหลินได้กลับไปที่เมือง ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงทำอาหารกินแบบง่าย ๆ หลังจากที่ทั้งครอบครัวกินข้าวเสร็จแล้ว เขาก็คุยกับหลินเจียอินเรื่องงานแล้วถึงไปพักผ่อน
ตอนนี้ปริมาณการใช้เครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้นอย่างทวีคูณ
หากให้เขาผสมเครื่องปรุงสำเร็จรูปที่บ้านแล้วยกขึ้นรถเข้าเมืองไปคงไม่สะดวก ดังนั้นเขาจึงใช้ห้องครัวของร้านอร่อยสามมื้อเป็นสถานที่สำหรับทำเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันโดยเฉพาะ
ตอนนี้เขาอยู่บ้านแล้ว เขาไม่ยุ่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงเสี่ยวเฟิงกำลังรับซื้อกุ้งที่ข้างถนนลูกรัง
“ลุงไห่เฉิง กุ้งของลุงหนัก 74 ชั่ง ได้ทั้งหมด 22.2 หยวน”
“ลุงไห่โจว กุ้งของลุงหนัก 41 ชั่ง ได้ทั้งหมด 12.3 หยวน”
“เสี่ยวหมิง กุ้งของนายหนัก 116 ชั่ง ได้ทั้งหมด 34.8 หยวน”
“ฉางปิง ของนายหนัก 82 ชั่ง ได้เงิน 24.6 หยวน”
“ป้าหู กุ้งของป้าหนัก 46 ชั่ง ได้ทั้งหมด 13.8 หยวน”
“……”
หลังจากตรวจสอบและชั่งน้ำหนักกุ้งเครย์ฟิชที่ทุกคนนำมาขายให้แล้ว เจียงเสี่ยวเฟิงจะจัดการบัญชีและชำระเงินทันที
ทุกคนมีความสุขมากที่ได้รับเงิน บางคนรับเงินแล้วจะรีบกลับบ้านทันทีเพื่อไปหลับพักผ่อน และบางคนจะยืนห่าง ๆ ดูสักพัก เพื่อดูว่าครอบครัวนี้มีรายได้เท่าไร ครอบครัวนั้นมีรายได้เท่าไร
เมื่อเห็นครอบครัวอื่นมีรายได้มากกว่าก็ย่อมอิจฉา
พอเห็นครอบครัวไหนมีรายได้น้อยกว่าก็รู้สึกดีไปอีกแบบ
ทุกคนเพลิดเพลินกับการเปรียบเทียบรายได้ของแต่ละคนในชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน หลิวซือหมิงก็นำกุ้งขนาดใหญ่สองถังมาต่อแถว เจียงเสี่ยวหมิงบังเอิญอยู่ตรงหน้าเขา จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ซือหมิง อย่าบอกนะว่านายไปจับกุ้งมาทั้งคืนเลยน่ะ”
หลิวซือหมิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ไม่……ไม่ ฉันได้นอนหลับอยู่บ้าง”
หูฉางปินหัวเราะและพูดว่า “นายตัวคนเดียว จะมัวเอาเวลาไปนอนทำไม ทำไมไม่ไปจับกุ้งให้มันทั้งวันทั้งคืนไปเลย”
“แล้วทำไมคนที่อยู่ตัวคนเดียวถึงไม่สามารถนอนหลับได้ล่ะ ? ”
หลิวซือหมิงยิ้มหน้าซื่อ เขาเกาหัวของเขาและแย้งกลับไปอย่างไม่ยอม
ชาวบ้านที่เข้าแถวรอชั่งน้ำหนักกุ้งและคนที่กำลังยืนดูคนอื่นได้ยินแบบนั้นต่างก็หัวเราะออกมา
ป้าหูทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว จึงพูดว่า “ดูแต่ละคนสิ ทำไมถึงชอบรังแกเขานักนะ ? ”
จากนั้น เธอก็หันกลับมาหาหลิวซือหมิง แล้วพูดว่า “พวกเขาหัวเราะเยาะที่นายไม่มีภรรยา อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของพวกเขา ตั้งใจจับกุ้งเครย์ฟิชมาขายให้เยอะ ๆ จะได้เก็บเงินไว้แต่งภรรยา”
“ขอบคุณ… ขอบคุณ ป้าหู ฉันเข้าใจแล้ว ! ”
หลิวซือหมิงถูกทุกคนหัวเราะ แต่เขาไม่ได้โกรธ กลับพูดตอบอย่างซื่อ ๆ แทน
หลายคนส่ายหน้า อันที่จริงหลิวซือหมิงเป็นคนขยันทำงาน แต่สมองไม่ฉลาด อีกทั้งเขายังมีพี่ชายที่ขี้โกง อันธพาลและเจ้าเล่ห์ และพี่สะใภ้ที่คอยรีดไถเงินของเขาอยู่เสมอ เขาจึงเก็บเงินไม่เคยอยู่
“ไอ้หยา นั่นไม่ใช่หลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิงหรอกหรือ ? ”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยและหัวเราะ จางไห่เยี่ยนลูกสะใภ้ตระกูลหลิวก็อุทานออกมา
ทุกคนต่างมองตามไปทันที พวกเขาเห็นหลิวซือกั๋วและภรรยาเดินถือถังมาคนละใบ กระทั่งสุดท้ายมาต่อที่ท้ายแถว
“ทำไมหลิวซือกั๋วและภรรยาถึงยังกล้ามาที่นี่นะ ? ”
“ใช่ เขาทำเรื่องชั่วช้าขนาดนั้น ยังหน้าไม่อายมาขายกุ้งอีก”
“ฮ่า ๆ ตอนนี้พวกเขาคงเสียดายแล้วล่ะ”
“ดูท่าทางของพวกเขาสิ เหมือนคนที่รู้สึกเสียดายตรงไหน ? ”
“หน้าหนากว่ากำแพงเมืองเสียอีก”
“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนแล้ว”
“เฮ้ นายคิดว่าเสี่ยวเฟิงจะยอมรับซื้อกุ้งของเขาหรือเปล่า ? ”
“เอ่อ……ไม่มีทาง ! ”
“ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่ยอมรับซื้อแน่นอน”
“ดูต่อไปเถอะ มันก็ไม่แน่เสมอไป……”
“……”
หลายคนมองไปที่หลิวซือกั๋วและภรรยาของเขาด้วยสายตาแปลก ๆ พลางเริ่มพูดคุยกันด้วยความรังเกียจ
ในไม่ช้า คนก่อนหน้าชั่งน้ำหนักเสร็จแล้วก็ถึงคิวของหลิวซือหมิง
“ซือหมิง ของนายชั่งได้ 89 ชั่งกับ 7 เหลียง ฉันตีเป็น 90 ชั่งให้แล้วกัน รวมแล้วได้เงิน 27 หยวน”
เจียงเสี่ยวเฟิงพูดจบก็นับเงินจ่ายให้
เขาถอนหายใจ หลิวซือหมิงช่างเก่งจริง ๆ คนเพียงคนเดียวจับกุ้งเครย์ฟิชได้มากมายในคืนเดียว แถบนี้มีไม่กี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้
“ขอบคุณ ! ”
หลิวซือหมิงรับเงินอย่างมีความสุข เขาเอามือป้ายน้ำลายแล้วนับเงินอย่างระมัดระวัง พอนับได้ว่าจำนวนเงินถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงเอาเงินเก็บไว้ในถุงแล้วพกติดตัวไว้ไม่ห่าง
ต่อมา เมื่อหลิวซือกั๋วและภรรยาเห็นว่าหลิวซือหมิงได้เงิน 27 หยวน ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายขึ้น
รอกลับบ้านแล้ว จะต้องเอาเงินก้อนนั้นมาให้ได้
เขาตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน
หลิวซือกั๋วคิดแผนอยู่ในใจเงียบ ๆ
“ซือกั๋ว ซือหมิงไม่มีที่นามากนัก เขาไปจับกุ้งเครย์ฟิชมาจากไหนตั้งมากมายขนาดนั้น ? ” จูเยี่ยนผิงถาม
หลิวซือกั๋วส่ายหัว “ฉันจะไปรู้ได้ไง”
จูเยี่ยนผิงพูดด้วยความโกรธ “ก็ไปถามเขาสิ แล้วก็ให้เขาพาคุณไปด้วย คุณช่วยกันจับกับเขา แล้วค่อยแบ่งกุ้งคนละครึ่ง”
“รู้แล้ว ! ”
หลิวซือกั๋วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว คิดว่าความคิดของภรรยาของเขายอดเยี่ยมจริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงเสี่ยวซินซึ่งอยู่ข้างหน้าทั้งสองคนก็ชั่งน้ำหนักเสร็จและจากไปอย่างมีความสุขด้วยเงิน 15.3 หยวน
“เสี่ยวเฟิง ชั่งน้ำหนักกุ้งให้ฉันหน่อย ! ”
หลิวซือกั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวเฟิงมองเขาอย่างเย็นชา ขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันไม่รับซื้อกุ้งของนาย”
ห๊ะ !
หลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิงตกตะลึงในเวลาเดียวกัน
“เสี่ยวเฟิงอ่า นายยอมรับซื้อของทุกคน แต่ทำไมไม่ยอมรับซื้อของฉันล่ะ ? ”
หลังจากนั้นไม่นาน หลิวซือกั๋วก็ถามด้วยรอยยิ้มประจบบนใบหน้าของเขา
เจียงเสี่ยวเฟิงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ที่ฉันรับซื้อกุ้งจากชาวบ้านทั้งหมด ยกเว้นของนายกับเมีย แค่นี้นายยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ? ”
“ฉันจะบอกนายให้นะ ฉันจะรับซื้อกุ้งของทุกคนในเจียงวาน ยกเว้นของนาย”
ใบหน้าของหลิวซือกั๋วขมขื่นและพูดไม่ออก
จูเยี่ยนผิงอดไม่ได้ เธอวางถังลงแล้วเอามือเท้าเอวถามอย่างฉุนเฉียวว่า “เจียงเสี่ยวเฟิง นี่นายหมายความว่าอย่างไร ? ”
“เราไม่ได้ทำให้นายขุ่นเคือง ทำไมนายถึงไม่รับซื้อกุ้งของเรา ? ”