ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 154 :หวังผิงตลบหลังคนเก่งเหมือนกัน
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 154 :หวังผิงตลบหลังคนเก่งเหมือนกัน
ตอนที่ 154 :หวังผิงตลบหลังคนเก่งเหมือนกัน
เมื่อเห็นว่าจูเยี่ยนผิงกำลังจะฉุนเฉียวอีกครั้ง ผู้คนรอบตัวเธอจึงพยายามห้ามปรามเธอ
“เยี่ยนผิง เสี่ยวเฟิงไม่ยอมรับซื้อกุ้งของเธอก็ช่างเถอะ พวกเธอรีบกลับไปซะ”
“ใช่ เธอบังคับให้เสี่ยวเฟิงยอมรับซื้อกุ้งของเธอไม่ได้หรอก”
“เยี่ยนผิง อย่าสร้างปัญหาเลย ยังมีคนรอชั่งน้ำหนักกุ้งอยู่นะ”
“เขาก็บอกแล้วว่าไม่รับซื้อของเธอ เธอก็ไปเถอะ ฉันจะชั่งน้ำหนักกุ้งของฉันแล้ว”
“……”
แม้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะเป็นคนรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชที่แท้จริงแล้ว แต่เจียงเสี่ยวเฟิงก็เป็นน้องชายของ เจียงเสี่ยวไป๋ และเขายังดูแลเรื่องการรับซื้อกุ้งในเจียงวานด้วย ผู้คนในหมู่บ้านไม่อยากทำให้เขาขุ่นเคือง ดังนั้นพวกเขาจึงห้ามปรามจูเยี่ยนผิง
จูเยี่ยนผิงไม่ฟังคำห้ามปรามของใครเลย เธอเริ่มโมโห ทำท่าสบถไม่ยอมและพูดเสียงดัง “ทำไมนายยอมรับซื้อของคนอื่น แต่ไม่ยอมรับซื้อของฉัน ? ”
“วันนี้ ถ้านายไม่ยอมรับซื้อกุ้งของฉัน ฉันก็จะตามนายไปทุกที่”
“ถ้านายไม่ยอมรับซื้อของฉันก่อน นายก็ไม่สามารถยอมรับซื้อของคนอื่นได้ ! ”
คำพูดของเธอสร้างความไม่พอใจให้แก่ทุกคน
หากปล่อยให้เธอสร้างปัญหาเช่นนี้ อย่าว่าแต่วันนี้จะไม่ได้ขายกุ้งเลย หลังจากนี้ก็น่าจะลำบากแล้ว
เลี่ยวจวี๋จือและจูเยี่ยนผิงไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้ว เมื่อก่อนทั้งสองเคยทะเลาะต่อปากต่อคำกันอยู่หลายครั้ง วันนี้เลี่ยวจวี๋จือหมดความอดทนแล้วจึงด่าจูเยี่ยนผิงทันที
“จูเยี่ยนผิง ทำไมถึงยังหน้าด้านหน้าทนแบบนี้ ! ”
“ตัวเองทำเรื่องน่ารังเกียจไม่พอ ยังพาลให้คนในเจียงวานพลอยเดือดร้อนไปด้วยอีก เธอคิดว่าที่นี่เป็นของเธอคนเดียวหรือไง ? ”
“เธอไสหัวไปให้พ้นจากที่นี่เลยนะ ! ”
“เฮอะ…”
จูเยี่ยนผิงยิ้มเยาะ เธอหันไปหาเลี่ยวจวี๋จือแล้วพูดเสียงดัง “นังเหลียว มันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ ใครให้เธอมาสอดเรื่องของฉันไม่ทราบ ? ”
“ฉันมาเพื่อขายกุ้ง เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน”
“อย่าเที่ยวออกจากบ้านมาทำให้ตัวเองอับอาย”
เลี่ยวจวี๋จือตัวสั่นด้วยความโกรธ แล้วพูดสวนกลับไปว่า “ไม่รู้ว่าใครน่าอับอายกว่ากัน ? ”
“ขนาดเสี่ยวเฟิงบอกแล้วว่าไม่รับซื้อกุ้งของเธอ แต่เธอก็ยังกล้าบีบบังคับให้เขารับซื้อ”
“หรือเธออยากกินลูกปืนเป็นอาหารเหมือนนักเลงเฉิน ลูกพี่ของเธอ ! ”
พูดถึงนักเลงเฉิน ทั้งหลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิงต่างตัวสั่นเทิ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อ 20 กว่าวันก่อน นักเลงเฉินและเจิ้งต้าเป่าได้ถูกตัดสินโทษประหาร ต่างคนต่างกินลูกปืนพากันไปเฝ้ายมบาลหมดแล้ว
หลิวซือกั๋วแอบดึงแขนเสื้อของจูเยี่ยนผิงเบา “อย่าสร้างปัญหา เรากลับกันเถอะ”
แม้ว่าจูเยี่ยนผิงจะกลัวอยู่ในใจ แต่ปากของเธอก็ยังไม่ยอมหยุด “ไม่ใช่ว่าฉันอยากสร้างปัญหา แต่เป็นเพราะเจียงเสี่ยวเฟิงรังแกคนมากเกินไป ฉันมาที่นี่เพื่อขายกุ้ง ทำไมเขาไม่ยอมรับซื้อมันล่ะ ? ”
“กุ้งที่ฉันจับได้มันตายหรือไง มันไม่เหมือนของคนอื่นตรงไหน ? ”
“ฉันแค่ต้องการขายกุ้ง ทำไมต้องโยงไปเรื่องกินลูกปืนด้วย ? ”
เวลาผู้หญิงโวยวายขึ้นมา พวกเธอจะไม่สนสี่สนแปด ทำให้คนรอบข้างได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ด้านหลังหลิวซือกั๋วและภรรยาของเขาคือคนขายหมูแซ่จาง
เขามีรูปร่างสูงกำยำ คิ้วหนาตาโต ใบหน้าเหลี่ยม บางทีอาจเป็นเพราะเขาฆ่าหมูไปเยอะ เขาจึงมีท่าทางที่เคร่งขรึมดูน่ากลัว
คนขายหมูแซ่จางไม่ชอบพูดมาก จูเยี่ยนผิงก่อกวนมาเป็นเวลานาน แต่เขากลับมองด้วยสายตาเย็นชาแทน
เขาคงเหนื่อยมากกับการรอคอย เขาก็เลยพูดขึ้นทันทีว่า “หลิวซือกั๋ว นายควรพาเมียของนายออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาโซ่ตรวนมาแขวนเธอซะ”
คำพูดของเขาเป็นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางตัวทุกคน
หลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิงเสียวสันหลังวาบ
จูเยี่ยนผิงกัดฟันแล้วพูดอย่างอ่อนแรงว่า “มายุ่งทำไม ฉันทำอะไรให้ลุงไม่พอใจงั้นหรือ ? ”
คนขายเนื้อจางตะคอกอย่างเย็นชา “ฉันไม่อยากยุ่งกับเธอหรอก แต่เธอทำให้ฉันเสียเวลา”
ว่ากันว่าผู้ที่ก้าวร้าวย่อมกลัวผู้ที่ดุร้าย และผู้ที่ดุร้ายย่อมกลัวผู้ที่โหดร้าย
จูเยี่ยนผิงเป็นเพียงผู้หญิง ไม่ว่าเธอจะปากกล้าแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ไม่กล้าโต้เถียงกับคนขายเนื้อจาง ดังนั้นเธอจึงต้องย้ายถังที่เต็มไปด้วยกุ้งออกจากแถวไป
แต่เธอไม่เต็มใจที่จะจากไปแบบนี้ และเฝ้าดูผู้คนที่อยู่ข้างหลังเธอชั่งน้ำหนักทีละคน
ไม่นานก็มีเสียง ‘บื้น’ ดังขึ้น
ทุกคนเงยหน้ามองก็รู้ว่าเป็นหวังผิงที่ขับรถบรรทุกมา
จูเยี่ยนผิงเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เธอจับข้อศอกแขนของหลิวซือกั๋ว แล้วพูดเบา ๆ “ว่ากันว่าคนที่มาที่นี่แซ่หวัง ซึ่งเป็นคนรับซื้อกุ้งตัวจริง เราสองคนจะขายกุ้งให้เขาโดยตรงและฟ้องเรื่องที่เจียงเสี่ยวเฟิงทำ”
หลิวซือกั๋วแอบเหลือบมองทุกคน
ดูจากสีหน้าของชาวบ้านทุกคน เห็นได้ชัดว่าคนแซ่หวังคนนี้ได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านอย่างดี เป็นไปได้มากว่าเขาน่าจะเป็นเถ้าแก่ที่รับซื้อกุ้งตัวจริง
อย่างไรก็ตาม เขายังคงส่ายหัวและพูดว่า “เธออย่าสร้างปัญหาแล้วกัน”
จูเยี่ยนผิงโกรธมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ฉันสร้างปัญหาตอนไหน ? ”
“ฉันไม่เหมือนคุณหรอกที่มัวแต่หดหัว ไม่ทำอะไรสักอย่าง ! ”
“ตอนนี้เราถูกเอาเปรียบจากเจียงเสี่ยวเฟิงอยู่ไม่ใช่หรือ ? ”
“วันนี้ฉันจะต้องขายกุ้งให้ได้ และจะต้องฟ้องพฤติกรรมของเจียงเสี่ยวเฟิงให้คนแซ่หวังรู้ด้วย”
ไม่นานหลังจากนั้น รถของหวังผิงก็ขับมาจอดอยู่ข้าง ๆ เจียงเสี่ยวเฟิง
“เสี่ยวเฟิง วันนี้รับซื้อกุ้งได้เท่าไหร่ ? ”
หวังผิงลงจากรถแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เขาโบกมือให้ชาวบ้านเป็นการทักทาย
เจียงเสี่ยวเฟิงกล่าวว่า “น้อยกว่าเมื่อวานนิดหน่อย ระยะนี้มีการจับกุ้งอย่างแพร่หลาย กุ้งเลยโตไม่ทัน”
ในอดีต เป็นปัญหาที่ยากสำหรับทุกคนที่จะจับกุ้งเครย์ฟิชให้หมดจากนาของตนเอง
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะมีกุ้งกี่ตัวก็มีคนจับได้
จุดนี้ไม่สามารถเทียบกันได่ เมื่อก่อนตอนจับกุ้งฆ่าทิ้งในฐานะศัตรูพืช พวกเขาต้องออกแรงเยอะ แม้จะช่วยลดจำนวนศัตรูพืช แต่ประโยชน์ของมันก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น
แต่การจับกุ้งเครย์ฟิชตอนนี้แตกต่างออกไป พวกเขาสามารถจับมันไปขายได้ชั่งละ 3 เหมา ทุกคนจึงมีแรงบันดาลใจและแทบรอไม่ไหวที่จะจับกุ้งเครย์ฟิชทั้งหมดด้วยตัวเอง
ไม่ว่ากุ้งจะโตเร็วแค่ไหนก็ไม่สามารถตอบโจทย์ความกระหายเงินของมนุษย์ได้
หลังจากจับกุ้งไปสักพัก ตอนนี้กุ้งเริ่มมีปริมาณลดน้อยลงมาก
หลังจากได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวเฟิง จูเยี่ยนผิงคิดว่าโอกาสมาถึงแล้ว เธอจึงพูดแทรกเสียงดังทันที “เถ้าแก่หวัง ไม่ใช่ว่ากุ้งมีน้อย แต่เจียงเสี่ยวเฟิงเขาเล่นแง่ เห็นได้ชัดว่ามีกุ้งเครย์ฟิช แต่เขาจงใจปฏิเสธไม่รับซื้อของเรา”
หวังผิงชะงักไปเล็กน้อย เขามองจูเยี่ยนผิงและถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณเป็นใคร ? ”
จูเยี่ยนผิงกล่าวว่า “ฉันชื่อจูเยี่ยนผิง และฉันก็มาจากเจียงวานเช่นกัน เมื่อคืนฉันจับกุ้งเครย์ฟิชได้สองถังใหญ่ พวกมันตัวใหญ่และยังเป็นกุ้งเป็น เจียงเสี่ยวเฟิงรู้อยู่เต็มอกว่าคุณอยากได้กุ้งจำนวนมาก แต่เขากลับไม่รับซื้อกุ้งจากเรา”
หวังผิงมองดูจูเยี่ยนผิงด้วยสีหน้าประหลาด
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงเสี่ยวเฟิงไม่ยอมรับซื้อกุ้งของผู้หญิงคนนี้ แต่เขาเชื่อใจเจียงเสี่ยวเฟิง จึงพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “ในเมื่อเขาบอกไปแล้วว่าไม่รับซื้อ แล้วคุณจะมาบอกผมทำไม ? ”
อ่า ?
จูเยี่ยนผิงสับสนเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากที่เธอคาดไว้
“เถ้าแก่หวัง คุณกำลังต้องการกุ้งจำนวนมากไม่ใช่หรือ ? ”
“ในเมื่อเขาไม่รับซื้อ งั้นคุณก็รับซื้อเองเสียเลยสิ ! ”
หวังผิงยิ้มและพูดว่า “ฉันน่ะรับซื้ออยู่หรอก แต่ในเจียงวานนี้ ฉันจะรับซื้อเฉพาะของเจียงเสี่ยวเฟิงเท่านั้น”
ตอนแรกจูเยี่ยนผิงดีใจมากที่ได้ยินประโยคครึ่งแรกของหวังผิง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้ยินประโยคสุดท้ายที่เขาบอกว่าจะรับซื้อจากเจียงเสี่ยวเฟิงเท่านั้น เธอก็กังวลและรีบพูดว่า “กุ้งของฉันมีไม่มากนัก คุณก็ถือเสียว่าซื้อติดไปด้วยเถอะ”
หวังผิงโบกมือปฏิเสธ “ในเมื่อตกลงกันแล้ว จะผิดคำพูดไม่ได้ ถ้าคุณอยากขายก็เอาไปขายที่ถังซาน ผมจะไปรับซื้อที่ถังซานในตอนบ่าย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา แม้แต่เจียงเสี่ยวเฟิงก็ตกตะลึง
หวังผิงเป็นคนซื่อตรงมาโดยตลอด ไม่ยักคิดว่าเขาจะมีกลยุทธ์ตลบหลังคนแบบนี้ด้วย
จูเยี่ยนผิงตกตะลึง
คนอื่นเขาได้ขายกุ้งเครย์ฟิชที่หน้าบ้านตัวเอง แต่เธอต้องแบกถังกุ้งไปไกลกว่าสิบลี้เพื่อนำไปขายที่หมู่บ้านถังซาน ไม่รู้ทำไมเธอถึงต้องมาเจอเถ้าแก่ที่จิตใจแน่วแน่ขนาดนี้ด้วย
“จริงสิ ที่ถังซานรับซื้อชั่งละ 2.5 เหมานะ”
หวังผิงดูเหมือนจะเพิ่งจำได้และพูดเสริมในตอนท้าย
จูเยี่ยนผิงยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่ เธอต้องใช้แรงตั้งมากมายหากจะแบกมันไปขายที่ถังซาน แต่กลับได้ราคาถูกกว่าที่นี่ตั้ง 5 เจี่ยวอย่างนั้นหรือ
มันไม่คุ้มเลย