ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 155 :แผนการของหลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิง
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 155 :แผนการของหลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิง
ตอนที่ 155 :แผนการของหลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิง
หวังผิงรีบขับรถบรรทุกออกไป
กุ้งเครย์ฟิชที่จับได้โดยคนอื่นในเจียงวานก็ถูกลากออกไป ยกเว้นกุ้งที่จับได้โดยหลิวซือกั๋วและภรรยาของเขา
เจียงเสี่ยวเฟิงเก็บเครื่องชั่งกลับบ้าน ทุกคนพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุขขณะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน
“เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว กลับไปนอนพักผ่อนดีกว่า ! ”
หลิวซือกั๋วจับกุ้งตลอดทั้งคืน เขาง่วงนอนตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว เปลือกตาของเขาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ เขามองดูกุ้งในถังแล้วยกขาขึ้นเตะมัน
จูเยี่ยนผิงรีบห้ามเขา แล้วพูดว่า “เก็บกุ้งทั้งหมดขึ้นมา ตอนบ่ายเราจะแบกไปขายที่ถังซาน”
หลิวซือกั๋วตกตะลึงและพูดว่า “เธอจะแบกไปขายจริง ๆ หรือ ? ”
ต้องแบกกุ้งไม่พอ แต่ยังต้องใส่น้ำลงในถังด้วย ไม่อย่างนั้นหากมันตายแล้วใครจะเขาจะรับซื้อ
จูเยี่ยนผิงพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่ได้เป็นคนแบก แต่เป็นคุณต่างหาก ! คุณเป็นผู้ชายร่างใหญ่ กล้าดียังไงให้ผู้หญิงแบกไป ? ”
หลิวซือกั๋วจะยอมได้อย่างไร สุดท้ายทั้งสองจึงทะเลาะกันอยู่นาน
ในที่สุด หลิวซือกั๋วก็กลอกตาและหัวเราะอย่างตื่นเต้น “ไปเถอะ กลับบ้านดีกว่า ฉันมีวิธีแล้ว ! ”
จูเยี่ยนผิงรู้อยู่เสมอว่าถึงแม้หลิวซือกั๋วจะขี้เกียจ แต่บางครั้งเขามีความคิดที่พลิกผันได้อย่างรวดเร็ว เขาบอกว่ามีวิธี นั่นหมายความว่าอาจจะมี เธอจึงพูดทันทีว่า “คุณมีวิธีอะไรดี ๆ งั้นหรือ ? ”
หลิวซือกั๋วกระซิบข้างหูเธอไม่กี่ประโยค
“เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ คุณไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ? ”
จูเยี่ยนผิงยิ้มหน้าบาน เธอชมเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเดินกลับบ้านโดยมีหลิวซือกั๋วถือถังกุ้งเครย์ฟิชเหมือนเด็กเดินตามแม่
เมื่อหลิวซือกั๋วกลับบ้าน หลิวซือหมิงก็กลับมาด้วย
เมื่อหลิวซือหมิงปิดประตูบ้านเข้าไปหลับพักผ่อน จูเยี่ยนผิงก็เอากุญแจมาล็อคประตูบ้านของหลิวซือหมิงทันที ทั้งคู่มองหน้ากันและยิ้ม แล้วกลับไปที่บ้านเพื่อหลับพักผ่อนเช่นกัน
หลิวซือหมิงนอนหลับไปหลายชั่วโมง ในใจมุ่งมั่นว่าจะไปจับกุ้งหลังตื่นขึ้นมา และเขาก็ตื่นนอนตั้งแต่ยังไม่ 11.00 น.
เมื่อเขาเปิดประตู เขาก็ไม่สามารถเปิดมันได้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตาม
“สุนัขตัวไหนกล้าดี ขังฉันไว้ในบ้าน ! ”
แม้ว่าหลิวซือหมิงจะเป็นคนโง่ซื่อ แต่เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงตะโกนด่าอย่างหยาบคาย
หลังจากสาปแช่งอยู่พักหนึ่ง เขาก็เปล่งเสียงขึ้นและตะโกนอีกครั้ง “พี่ใหญ่ เปิดประตูให้ฉันหน่อย พี่ใหญ่ เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ……”
โดยปกติแล้วเมื่อเขาเรียก หลิวซือกั๋วจะออกมาถามไถ่เสมอเมื่อเขาอยู่บ้าน
แต่วันนี้เขาตะโกนสุดเสียงเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
หลิวซือหมิงเกาหัว และคิดว่าเมื่อคืนพี่ชายและพี่สะใภ้ก็ไปจับกุ้งด้วย ดังนั้นพวกเขาต้องหลับสนิท คงยังไม่ตื่นอย่างแน่นอน
พอตื่นก็ค่อยเรียกให้เปิดประตูก็แล้วกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ หลิวซือหมิงก็กลับเข้าไปในห้องและผล็อยหลับไป
เมื่อเวลาประมาณบ่ายสามโมง ในที่สุดหลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิงก็ตื่นนอน
“ไปดูสิว่าน้องชายของคุณตื่นหรือยัง ! ”
จูเยี่ยนผิงเร่งเร้า
หลิวซือกั๋วหยิบกุญแจเดินไปเปิดประตูบ้านของหลิวซือหมิง เขาเปิดประตูและเห็นหลิวซือหมิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างประตู นอนกรน น้ำลายไหลไปที่แขนเสื้อ
“น้องชาย ลุกขึ้น ! ”
หลิวซือกั๋วยื่นมือออกไปดันตัวหลิวซือหมิงสองสามครั้ง
หลิวซือหมิงตื่นขึ้นมาและเห็นว่าเป็นพี่ชาย จึงปาดน้ำลายจากมุมปากแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ ฉันไม่รู้ว่าใครขังฉันไว้ในบ้าน ขอบคุณที่เปิดประตูให้ฉัน”
พูดจบ เขาก็หยิบถังที่วางไว้และกำลังจะออกไป
หลิวซือกั๋วรีบหยุดเขาแล้วพูดว่า “นี่มันเวลาไหนแล้ว ถ้านายออกไปจับกุ้งเครย์ฟิช นายจะจับได้กี่ตัว ? ”
หลิวซือหมิงมองดูท้องฟ้าและเห็นว่ามันบ่ายแก่แล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสบถด้วยความโกรธ “หมาตัวไหนขังฉันไว้ในบ้านจนออกไปจับกุ้งไม่ได้”
“ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นใคร ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่”
มุมปากของหลิวซือกั๋วกระตุกอย่างแรง เมื่อถูกหลิวซือหมิงดุด่าต่อหน้าเขา มันยากที่จะพูด เขาจะยอมรับไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาเป็นคนล็อคประตู !
“ไอ้หยา ช่างมันเถอะ ! ”
หลิวซือกั๋วโน้มน้าวครั้งแล้วครั้งเล่า “อย่างไรฉันก็มาเปิดประตูให้นายแล้ว อย่าโมโหไปเลย ! ”
หลิวซือหมิงยังคงโกรธ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งคนที่มาล็อคประตูอีกครั้ง
หลิวซือกั๋วหยุดหลิวซือหมิงอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเขาจะสาปแช่งไปยิ่งกว่านั้น “น้องชาย วันนี้นายไม่สามารถจับกุ้งเครย์ฟิชได้ ดังนั้นฉันจะให้กุ้งของฉันไป คิดเสียว่านายเป็นคนจับพวกมันไปขายเอง”
หลิวซือหมิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ของพี่ ฉันไม่เอาหรอก”
หลิวซือกั๋วแสร้งทำเป็นโกรธและพูดว่า “เจียงเสี่ยวเฟิงไม่ยอมรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชของฉัน ถ้านายไม่ขาย ฉันก็แค่โยนมันทิ้งไป”
“นอกจากนี้ ฉันเป็นพี่ชายนาย ทำไมถึงไม่รับมันไว้ล่ะ ? ”
เขาใช้ความสัมพันธ์ของพี่น้องมาต่อรองเช่นนี้ หลิวซือหมิงจึงโบกมือรับ “ตกลง”
หลิวซือหมิงเกาหัว ดูเหมือนว่าหลิวซือกั๋วจะพูดถูกและพูดอย่างตรงไปตรงมา “เอาล่ะ ฉันจะขายมันและให้เงินพี่ ! ”
หลิวซือกั๋วกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องคิดว่ากุ้งนี่เป็นของฉัน ไม่เช่นนั้นเจียงเสี่ยวเฟิงจะรู้และอาจจะไม่ยอมรับซื้อ”
“อืม จำไว้ว่านายเป็นคนจับกุ้งได้”
หลิวซือหมิงพยักหน้า “ฉันรู้”
เมื่อเห็นว่าน้องชายโง่เขลาของเขาตอบตกลงในที่สุด หลิวซือกั๋วก็ยิ้มและบอกลา จากนั้นเขาก็เข้าไปในบ้านของเขา และทั้งสองก็หยิบกุ้งเครย์ฟิชที่ตายแล้วในถังแยกออกมา
เดิมทีมีกุ้งเครย์ฟิชมากกว่า 70 ชั่ง แต่หลังจากแยกกุ้งที่ตายแล้วออกไป เหลือกุ้งเครย์ฟิชอีกประมาณ 40-50 ชั่ง
หลิวซือกั๋วเสียดายมาก
หายไปสิบยี่สิบชั่งก็ถือว่ารายได้ลดไปหลายหยวนแล้ว !
เมื่อเจียงเสี่ยวเฟิงมาถึงริมถนนลูกรังและเริ่มรับซื้อกุ้งเครย์ฟิช หลิวซือกั๋วพูดย้ำกับหลิวซือหมิงหลายครั้ง จากนั้นเขาก็ปล่อยหลิวซือหมิงไป
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด จูเยี่ยนผิงไม่โผล่หน้าออกมาเลย
การขายกุ้งของหลิวซือหมิงก็ราบรื่นเช่นกัน และเขาก็กลับมาในไม่ช้า
“น้องชาย ได้มาเท่าไหร่ ? ”
หลิวซือกั๋วถามอย่างใจจดใจจ่อ
หลิวซือหมิงไม่ได้ปิดบังอะไร และพูดว่า “น้ำหนัก 53 ชั่ง ขายได้ 15.9 หยวน”
“อะไรนะ 15.9 หยวนหรือ ? ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากในห้อง จูเยี่ยนผิงหาวและเดินออกมาจากห้องนอน ราวกับว่าเธอเพิ่งตื่น
“ไม่มีอะไร”
หลิวซือกั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาขยิบตาให้หลิวซือหมิงและโบกมือให้เขากลับไป
หลิวซือหมิงยิ้มอย่างไร้เดียงสาแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่เอากุ้งเครย์ฟิชให้ฉันไปขายได้เงินมา 15.9 หยวน”
เมื่อจูเยี่ยนผิงได้ยินสิ่งนี้ เธอก็โกรธทันทีและตะโกนว่า “หลิวซือกั๋ว คุณเอากุ้งเครย์ฟิชของเราให้เขาไปขายจริงหรือ ฉันตั้งใจจะแบกไปขายที่ถังซานในตอนบ่ายนะ”
จากนั้นเธอก็หันไปหาหลิวซือหมิง แล้วพูดว่า “ในเมื่อขายกุ้งของฉันแล้ว ก็เอาเงินที่ขายมาให้ฉันด้วย”
อ่า ?
หลิวซือหมิงจ้องมองไปที่พี่ชายของเขาอย่างว่างเปล่า แต่หลิวซือกั๋วก็เบือนหน้าไปทางอื่น
ดวงตาของจูเยี่ยนผิงเบิกกว้างด้วยความโกรธ เธอจ้องมองไปที่หลิวซือหมิงแล้วพูดว่า “น่าไม่อายจริง ๆ ยังคิดจะโลภเอาเงินของฉันอีกหรือ ? ”
ปกติหลิวซือหมิงกลัวจูเยี่ยนผิงอยู่แล้ว คราวนี้เขาเอากุ้งเครย์ฟิชของเธอไปขายจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดและมอบเงินให้จูเยี่ยนผิงอย่างไม่เต็มใจ
“ทำดีมาก ! ”
เมื่อจูเยี่ยนผิงได้รับเงินไป เธอก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทันทีราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ในขณะนั้นเอง เลี่ยวจวี๋จือที่เพิ่งขายกุ้งกลับมาถึงบ้าน เธอเพิ่งได้ยินการสนทนาของพวกเขาก็สาปแช่งทันที “จูเยี่ยนผิง ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ขายให้คนในหมู่บ้านไม่ได้ เลยหลอกซือหมิงให้ขายมันแทน”