ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 156 :เกิดเรื่องแล้ว
ตอนที่ 156 :เกิดเรื่องแล้ว
ในไม่ช้า เรื่องที่จูเยี่ยนผิงและหลิวซือกั๋วหลอกใช้หลิวซือหมิงให้ขายกุ้งให้พวกเขาได้แพร่กระจายไปทั่วเจียงวาน
“พวกเธอรู้ไหมว่าหลิวซือกั๋วถึงขั้นขังหลิวซือหมิงไว้ในบ้านอยู่นานเพื่อหลอกหลิวซือหมิงให้ช่วยเขาขายกุ้ง”
“เขาทำอย่างนั้นได้ลงคอด้วยหรือ ! ”
“แม้แต่น้องชายคนในครอบครัวยังหลอกได้ มีอะไรอีกที่พวกเขาทำไม่ได้ ? ”
“สามีภรรยาคู่นี้มีเลห์เหลี่ยมจัดเกินไปแล้ว ! ”
“เจียงเสี่ยวเฟิงพูดถูกที่ไม่ยอมรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชของพวกเขา”
“พวกเขาขี้โกง พวกเขาสมควรโดน ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวเฟิงได้ยินคำวิจารณ์เหล่านี้จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ในใจเริ่มดูแคลนหลิวซือกั๋วและภรรยามากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นเกินความคาดหมายของทุกคน
เมื่อหลิวซือหมิงแบกกุ้งมาขายในเช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้เขาชั่งน้ำหนักกุ้งได้ 166 ชั่ง
“ซือหมิง เมื่อคืนนายจับกุ้งพวกนี้คนเดียวงั้นหรือ ? ” เจียงเสี่ยวเฟิงถามอย่างไม่เชื่อ
หลิวซือหมิงเกาหัวและพูดหน้าตาใสซื่อว่า “พี่ชายกับพี่สะใภ้ของฉันไปจับมา ฉันไปจับกุ้งตอนกลางคืนไม่ทัน พี่ชายเลยให้กุ้งฉันมาขาย เขาบอกว่าจะแบ่งเงินที่ขายกุ้งเครย์ฟิชทั้งหมดให้ทั้งสามคนเท่า ๆ กัน ให้ฉัน …….”
เจียงเสี่ยวเฟิงเข้าใจทันทีว่านี่เป็นแผนการชั่วร้ายที่หลิวซือกั๋ววางแผนไว้
ต้องเป็นเพราะหลิวซือกั๋วเห็นว่าเขาไม่ยอมรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชของเขา และเห็นว่าหลิวซือหมิงจับกุ้งได้เร็ว เขาจึงหลอกให้หลิวซือหมิงไปจับกุ้งพร้อมกับเขาและจูเยี่ยนผิง แล้วจึงขอให้หลิวซือหมิงเอากุ้งพวกนี้มาขาย หลังจากขายไปแล้ว พวกเขาสองคนก็จะได้เงินไปโดยไม่เสียงแรงอะไร
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ หลิวซือหมิงโกหกใครไม่เป็น
เจียงเสี่ยวเฟิงไม่ได้พูดอ้อมค้อม และพูดว่า “ซือหมิง นายกับพี่ชายของนายจับด้วยกัน ดังนั้นฉันจะไม่รับซื้อกุ้งนี้”
หลิวซือหมิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกหดหู่ใจ แต่เขารู้ว่าที่เจียงเสี่ยวเฟิงไม่ยอมรับซื้อกุ้งของเขาในครั้งนี้เพราะพี่ชายของเขา ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างเขินอายว่า “ถ้าอย่างนั้น……ครั้งหน้าฉันจะไปจับคนเดียว ! ”
เมื่อเห็นความใสซื่อของหลิวซือหมิง เจียงเสี่ยวเฟิงก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้
แต่เขาคิดได้ว่าถ้าเขายอมรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชของหลิวซือหมิงในครั้งนี้ มันคงเข้าทางแผนการของหลิวซือกั๋ว ดังนั้นเขาจึงต้องใจแข็งและพยักหน้า
ชาวบ้านที่อยู่ข้างเขาก็โน้มน้าวเช่นกัน “ซือหมิง อย่าไปฟังพี่ชายและพี่สะใภ้ของนาย พวกเขาเป็นคนไม่ดี นับจากนี้ไปนายต้องจับกุ้งเครย์ฟิชด้วยตัวเองแล้วค่อยเอามันมาขาย”
หลิวซือหมิงเกาหัว “ฉันรู้ ! ”
ขณะที่พูด เขาก็ยกกุ้งถังใหญ่สองถังแล้วเตรียมออกไปจากแถว
ในขณะนี้เอง จูเยี่ยนผิงก็รีบวิ่งมาและตะโกนเสียงดัง “เจียงเสี่ยวเฟิง ทำไมนายไม่ยอมรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชของหลิวซือหมิง ? ”
เจียงเสี่ยวเฟิงหัวเราะเยาะ “เธอก็รู้ว่าทำไมฉันไม่ยอมรับซื้อกุ้งของเขา”
จูเยี่ยนผิงพูดด้วยความโกรธว่า “เจียงเสี่ยวเฟิง นายกำลังรังแกหลิวซือหมิงเพราะเห็นเขาเป็นคนโง่ ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงที่ได้ยินแบบนั้นโมโหมาก
ใครกันแน่ที่รังแกหลิวซือหมิง ?
ผู้คนรอบข้างต่างมองจูเยี่ยนผิงด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนี้มันอะไรกัน ทั้งไร้เหตุผล ทั้งหน้าไม่อาย
จูเยี่ยนผิงเพิกเฉยต่อสายตาของผู้คนรอบตัวเธอและพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจียงเสี่ยวเฟิง นายจะรังแกซือกั๋วของฉันก็ได้ แต่การที่นายรังแกซือหมิงมันไม่ยุติธรรมเลย”
“วันนี้นายต้องรับซื้อกุ้งของหลิวซือหมิง หากไม่ยอมรับก็ต้องรับ”
“อย่าคิดว่าเพราะเขาเป็นคนโง่แล้วจะไม่มีใครสนใจเขา”
“เพราะตระกูลหลิวของพวกเรายังมีญาติพี่น้องอยู่นะ ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงไม่ใช่คนที่หวาดกลัวกับอะไรง่าย ๆ เขาตะคอกกลับอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่ยอมรับซื้อเสียอย่าง เธอจะทำไม ? ”
จูเยี่ยนผิงตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่คิดว่าเจียงเสี่ยวเฟิงจะแข็งกร้าวขนาดนี้
เธอเงียบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเธอก็นั่งลงกับพื้นแล้วทำเป็นร้องไห้เสียงดัง “ดูสิ เจียงเสี่ยวเฟิงรังแกหลิวซือหมิง ตระกูลเจียงของพวกเขาทำเงินได้มากมาย แต่กลับกลั่นแกล้งแม้แต่คนโง่อย่างหลิวซือหมิง แบบนี้มันยุติธรรมแล้วหรือ ? ”
เธอยังลงแรงบีบน้ำตาร้องไห้ ทำให้ทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลออกมา เธอทำเหมือนกำลังกล่าวหาเขาว่าทำสิ่งที่อุกอาจต่อเธอ
“ดูทำเข้า ! ”
“อะไรไม่ได้ดั่งใจก็บีบน้ำตา น่าเบื่อจริง ๆ ! ”
“หลิวซือกั๋วนี่ก็ใช้ไม่ได้เลย ไม่รู้จักมาห้ามปรามเมีย ! ”
“มาสร้างปัญหาอยู่ได้ แบบนี้มันกระทบการขายกุ้งของพวกฉันนะ ! ”
“ถ้าถามความเห็นฉันนะ ผู้หญิงคนนี้มันช่างวอนโดนเสียจริง ! ”
“……”
ทุกคนรอบตัวส่ายหัวและถอนหายใจ แต่ไม่มีใครกล้าสนใจเธอ
ทุกคนรู้ดีว่าเธอเป็นเหมือนสุนัขบ้าตัวหนึ่ง เธอจะจับและกัดใครก็ตามที่พยายามจะขัดขวางเธอในตอนนี้
เจียงเสี่ยวเฟิงถอนหายใจ และพูดกับคนที่ด้านหลังว่า “อย่าไปสนใจเธอเลย รีบต่อแถวเอากุ้งมาชั่งน้ำหนักเถอะ อีกเดี๋ยวหวังผิงก็มาแล้ว”
จากนั้น ก็ถึงคิวการชั่งน้ำหนักกุ้งของหลี่เหวินตง เขาเป็นช่างก่ออิฐในเจียงวาน เขายกถังกุ้งเดินไปตรงหน้าเจียงเสี่ยวเฟิง
แต่ไม่มีใครคาดคิด จู่ ๆ จูเยี่ยนผิงก็ลุกพรวดและเดินปรี่เข้ามาคว่ำถังของหลี่เหวินตงลงกับพื้นอย่างอุกอาจ ทำให้กุ้งเครย์ฟิชในถังเทกระจาดอยู่เต็มพื้น
“จูเยี่ยนผิง เธอบ้าไปแล้วหรือไง ! ”
หลี่เหวินตงมองดูกุ้งที่เขาอดหลับอดนอนออกไปจับมาเกือบทั้งคืนกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ในใจของเขาทั้งรู้สึกเป็นทุกข์และโกรธในเวลาเดียวกัน เขาตะโกนด่าจูเยี่ยนผิงเสียงดัง
“นายไม่ยอมรับซื้อกุ้งจากฉัน ฉะนั้นฉันก็ไม่ให้นายรับซื้อกุ้งจากคนอื่นเช่นกัน ! ”
จูเยี่ยนผิงตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นรีบวิ่งไปหาเฉินหยวนเซิ่งที่อยู่ด้านหลังหลี่เหวินตง และตั้งใจจะคว่ำถังของเขาด้วย
กุ้งของหลี่เหวินตงกระจัดกระจายทั่วพื้นแบบนั้น เฉินหยวนเซิ่งย่อมมีการป้องกันไว้แต่แรกแล้ว เขาจะยอมให้จูเยี่ยนผิงคว่ำถังของเขาได้อย่างไร
“อย่ามายุ่งกับฉัน ! ”
เฉินหยวนเซิ่งยืนเหยียดแขนบังอยู่หน้าถังกุ้ง แล้วผลักจูเยี่ยนผิงออกไป ส่งผลให้เธอล้มศีรษะกระแทกกับพื้นอย่างแรง
“อ๊า……”
จูเยี่ยนผิงส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาจากผมของเธอ
ถนนลูกรังที่สร้างขึ้นใหม่นี้เต็มไปด้วยกรวดแหลม
บังเอิญกับที่ด้านหลังศีรษะของจูเยี่ยนผิงกระแทกเข้ากับกรวดก้อนใหญ่เต็มแรง ทำให้เธอหัวแตกเลือดไหลออกมาทันที
ในตอนแรก คนที่อยู่รอบตัวต่างไม่ได้สนใจเธอมากนัก บางคนถึงขั้นแอบสะใจแบบเงียบ ๆ ด้วยซ้ำ
ไม่จำเป็นต้องเห็นใจคนประเภทนี้
แต่ในไม่ช้า หลี่เหวินตงก็เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติ หลังจากที่เขาเห็นจูเยี่ยนผิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและนอนนิ่งไป ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยเดิมของเธอเลย
หลี่เหวินตงมองอย่างสงสัย ทันใดนั้นเขาก็พบว่าถนนลูกรังใต้ศีรษะของเธอถูกย้อมไปด้วยสีแดง !
“แย่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ! ”
หลี่เหวินตงตะโกนออกมาและรีบเข้าไปดูจูเยี่ยนผิง
“อะไรนะ ? ”
“เกิดอะไรขึ้น ? ”
“อ๊า……เลือด ! ”
“เร็วเข้า ช่วยชีวิตคนก่อน ! ”
“……”
ทุกคนตะโกนและเข้าไปล้อมจูเยี่ยนผิง ทำให้เหตุการณ์ชุลมุนขึ้น
เจียงเสี่ยวเฟิงตกใจ เขารีบแหวกฝูงชนเพื่อไปอยู่ข้าง ๆ หลี่เหวินตง และเมื่อเห็นว่าด้านหลังศีรษะของจูเยี่ยนผิงยังมีเลือดออกอยู่ เขาก็ฉีกชายเสื้อของตนเองออกทันทีและรีบพันผ้าปิดบริเวณที่มีเลือดออก
แต่ไม่นาน เลือดก็ไหลซึมผ่านผ้าออกมา
“รีบไปเรียกพรานจางมาเร็วเข้า”
เจียงเสี่ยวเฟิงตะโกนเสียงดัง
พรานจางไม่เพียงแต่รู้วิธีการล่าสัตว์เท่านั้น แต่ยังเป็นหมอชาวบ้านที่รู้จักสมุนไพรบางชนิดด้วย เนื่องจากเขามักจะไปล่าสัตว์บนภูเขา เขาจึงมียารักษาบาดแผลอยู่บ้าง
“อ้อ ได้ ! ”
เฉินหยวนเซิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาพูดอย่างตื่นตระหนกว่า “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น หวังผิงขับรถบรรทุกเข้ามาพอดี
เขาลงจากรถแล้วก็ต้องผงะเล็กน้อย
สถานการณ์วันนี้แตกต่างไปจากเดิม คนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันเป็นกระจุกดูชุลมุน
“ทำอะไรกันน่ะ ? ”
หวังผิงถามอย่างสงสัยและเดินเข้าไป
“เถ้าแก่หวัง เกิดเรื่องขึ้นแล้ว มีคนได้รับบาดเจ็บ”
เมื่อเห็นว่าเป็นหวังผิง ทุกคนก็แยกย้ายออกไป ขณะเดียวกันก็มีคนพูดขึ้น
หวังผิงตกใจรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เขาเคยเป็นทหารและรู้จักการปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน เมื่อเห็นว่าผ้าพันแผลก่อนหน้านี้ไม่ได้ผล จูเยี่ยนผิงยังคงเสียเลือดมาก เขาจึงถอดเสื้อของตนเองออกและฉีกออกเป็นหลายแถบ ในขณะที่พันผ้าพันแผลใหม่ให้จูเยี่ยนผิงอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า “รีบไปเอาผ้าห่มมา ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล ! ”
จูเยี่ยนผิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและเสียเลือดมาก เธออยู่ในภาวะวิกฤต
“ฉันจะรีบไปเอามา ! ”
หลิวซือหมิงหันหลังวิ่งกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว