ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 163 :ถึงเวลาที่ลูกสาวต้องนอนแยกห้อง
ตอนที่ 163 :ถึงเวลาที่ลูกสาวต้องนอนแยกห้อง
ตกดึก เวลา 22.00 น.
สถานีโทรทัศน์หยุดออกอากาศตรงเวลา หน้าจอโทรทัศน์ได้กลายเป็นภาพคลื่นสัญญาณอีกครั้ง
“ทำไมหน้าจอโทรทัศน์ดับไปแล้วล่ะ ? ”
“ใช่ กำลังดูเพลิน ๆ เลย ! ”
“ละครสนุกมากเลย ฉันอยากดูทุกวันแล้วสิ”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาที่นี่ทุกวันดีไหม เจียงเสี่ยวไป๋จะได้เปิดละครให้เราดูทุกวันเลย ! ”
“เสี่ยวไป๋ ฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะมาดูละครอีก”
“พี่เสี่ยวไป๋ พรุ่งนี้ฉันจะมาด้วย”
“……”
เมื่อละครจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปท่ามกลางเสียงทักทายของชาวบ้าน
ในที่สุด ชาวบ้านก็กลับไปกันเสียที
เจียงเสี่ยวไป๋สูดลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
วันแรกของการย้ายเข้าบ้านหลังใหม่อย่างกับเป็นวันเปิดโรงภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น ทำให้เขาถึงกับยิ้มอย่างขมขื่น
“ป่าป๊า เรายังไม่กลับบ้านหรือคะ ? ”
เมื่อเห็นว่าทุกคนกลับไปแล้ว หนูน้อยจึงถาม
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขาลูบแก้มของเธอแล้วพูดว่า “เด็กน้อย ที่นี่ก็บ้านของเราเหมือนกัน”
“ใช่แล้ว ที่นี่คือบ้านใหม่ของเรา ! ”
ดูเหมือนว่าหนูน้อยจะจำได้ เธอจึงพูดอย่างมีความสุขทันที
“ป่าป๊าคะ คืนนี้เราจะนอนที่บ้านหลังใหม่กันใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “หนูอยากนอนที่นี่ไหม ? ”
“อยากค่ะ ! ”
หนูน้อยพูดอย่างไม่ลังเล
“งั้นคืนนี้เราจะค้างที่นี่ ! ”
“ว้าว เยี่ยมเลย ได้นอนที่บ้านหลังใหม่แล้ว ! ” หนูน้อยกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้นและโห่ร้องอย่างมีความสุข
บ้านหลังใหม่ที่เจียงเสี่ยวไป๋สร้างขึ้นนั้นมีรูปแบบของเรือนสี่ประสานที่มีทางเข้าสามทาง มีห้องเล็กห้องใหญ่รวมกันกว่า 64 ห้อง
มีห้องเยอะขนาดนี้ แต่เวลาเขาร่างแปลนบ้านออกมา แม้ว่าเขาจะวางแปลนบ้านตามแปลนของเรือนสี่ประสาน แต่ตัวห้องต่าง ๆ และการใช้งานกลับออกแบบตามแนวคิดบ้านสมัยใหม่และผสมผสานความต้องการที่แท้จริงของที่อยู่อาศัยในชนบท มีทั้งห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องพักแขก ห้องเพื่อความบันเทิง ห้องอ่านหนังสือ ห้องปิ้งย่าง ห้องวางถังดับเพลิง เป็นต้น
ในบ้านหลังใหม่ของเขามีห้องครัวสองประเภท
ประเภทหนึ่งคือห้องครัวทันสมัย เขาวางแผนที่จะใช้เตาแก๊สเป็นหลัก และอีกห้องคือครัวแบบดั้งเดิมในชนบทที่ใช้ไม้ฟืน
สำหรับวิธีจัดการกับแก๊สได้อยู่ในแผนของเขาแล้ว
ในระหว่างช่วงสร้างบ้าน เขาสร้างถังบำบัดน้ำเสียและถังก๊าซชีวภาพ รอให้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่แล้วก็จะมีมูลสำหรับนำมาหมักเป็นก๊าซธรรมชาติ และเขาก็จะบรรจุก๊าซใส่ถังแล้วนำไปใช้ในครัว
สำหรับห้องน้ำนั้น ไม่ใช่มีแค่ห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำแยกเป็นแบบส่วนตัว แต่ยังมีห้องน้ำสาธารณะและอ่างล้างหน้าหลายห้องแยกเป็นสัดส่วน อย่างไรก็ตาม สิ่งปฏิกูลจะถูกระบายไปยังถังบำบัดน้ำเสียผ่านท่อ ซึ่งไม่เหม็นเท่ากับห้องส้วมหลุมในชนบทปัจจุบัน
แน่นอนว่าเมื่อคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้ส้วมของชาวบ้านในชนบทแล้ว เขายังคงใช้ส้วมนั่งยองแทนโถส้วม
ยกเว้นในห้องนอนของเขาเอง
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในปี 1983 ห้องน้ำจะไม่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเหมือนคนในยุคสมัยใหม่ แต่เขาก็ยังรู้สึกสบายกว่านั่งยอง
“ชานชาน ให้หม่าม๊าพาไปอาบน้ำ ! ”
ในห้องนอนใหญ่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัว หลังจากสอนหลินเจียอินถึงวิธีการใช้แล้ว เขาก็เรียกลูกสาวของเขาให้ไปอาบน้ำ
“ค่ะ ไปอาบน้ำดีกว่า ! ”
หนูน้อยเดินตามหม่าม๊าของเธอเข้าห้องน้ำอย่างมีความสุข
ทันทีที่เธอเข้าไป ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ว้าว… ฟองเยอะมาก ! ”
หลินเจียอินเองก็ไม่ได้พูดอะไร ที่จริงแล้วเจียงเสี่ยวไป๋ได้บอกเธอก่อนแล้วว่านี่คืออ่างอาบน้ำฟองสบู่
น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยฟองสบู่และมีกลิ่นหอมคล้ายน้ำนม
การอาบน้ำแบบนี้เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่เธอไม่เคยมีมาก่อน
แม่และลูกสาวสนุกสนานกันมากในอ่างอาบน้ำ
เจียงเสี่ยวไป๋เดินเล่นคนเดียวในลานบ้าน เขาไม่รู้ว่าควรมีความสุขหรือผิดหวังดี
เขาอยากลงอ่างกับหลินเจียอินด้วย !
อย่างไรก็ตาม ครั้งแรกที่เขาย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ เขาก็อยากให้ภรรยาและลูกสาวของเขาสนุกสนานไปกับมัน
เขายังไม่รีบ เพราะโอกาสหน้ายังมีเสมอ
ตอนนี้ลูกสาวของเขาโตขึ้นและการย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ก็มีห้องที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับเธอ ถึงเวลาที่เธอต้องนอนแยกห้องกับพ่อแม่แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังคิดว่าจะบอกเจียงชานอย่างไรดี
เขาจะต้องคุยเรื่องการแยกห้องกับลูกสาวของเขา และคืนนี้จะเป็นค่ำคืนที่วิเศษสำหรับเขาและภรรยา เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอมัน
“ป่าป๊า อาบน้ำฟองสบู่สนุกมาก แถมอาบเสร็จแล้วยังตัวหอมอีกด้วย”
เจียงชานออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วพูดอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม ลูกสาวของเขามักจะมีความสุขกับทุกสิ่งที่เขาทำ แค่นี้ก็คุ้มค่าสำหรับเขาแล้ว
“ชานชาน ป่าป๊าจะพาหนูไปดูห้อง ! ”
หนูน้อยผงะไปเล็กน้อย “ตกลง ! ”
การมีห้องเป็นของตัวเองเป็นเรื่องน่ายินดีเสมอ
แต่หนูน้อยยังไร้เดียงสาเกินไปจนไม่รู้ว่าป่าป๊าอยากแยกเธอไปนอนคนเดียวอีกห้องหนึ่ง
ห้องของเจียงชานอยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายและอบอุ่น มีเตียงขนาด 1.2 เมตรคลุมด้วยมุ้งสีขาว ผ้านวมใยไหมเนื้อนุ่มถูกเลือกมาเป็นพิเศษโดยเจียงเสี่ยวไป๋
เพียงแต่ว่ารูปแบบของทุกสิ่งทุกอย่างในยุคนี้ค่อนข้างล้าสมัยและไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ
ถัดจากหมอนบนเตียง เจียงเสี่ยวไป๋ยังวางตุ๊กตาตัวใหญ่และตัวเล็กสีชมพูน่ารักที่ข้างหมอนอีกด้วย
“ว้าว ! ”
“นี่คือห้องของหนูหรือ ? ”
“สวยมาก ! ” หนูน้อยพูดอย่างตื่นเต้น
เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเขาชอบมัน เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและพูดว่า “ชานชาน หนูชอบที่นี่ ดังนั้นตั้งแต่นี้ไป หนูจะได้นอนในห้องของหนูเอง โอเคไหม ? ”
“ค่ะ ! ”
หนูน้อยตอบตกลงด้วยความยินดี
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ เดิมทีเขาคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าวลูกสาวของเขาให้นอนคนเดียว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายขนาดนี้
“ชานชานเก่งมาก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชื่นชมหนูน้อยอย่างดีอกดีใจ
โดยไม่คาดคิดว่า ประโยคถัดไปของหนูน้อยจะทำลายความดีใจก่อนหน้าของเขาไปทั้งหมด
“ถ้าอย่างนั้น ป่าป๊ากับหม่าม๊าก็นอนกับหนูด้วย”
“แต่เตียงของหนูเล็กไปหน่อย นอนทั้งสามคนไม่ได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กุมขมับ
ลูกสาวพ่อ ที่แท้ที่เธอบอกว่าจะนอนห้องของตัวเองก็เพราะต้องการให้เขากับภรรยามานอนด้วย
คำโน้มน้าวของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้ผลเลย !
เธอไม่เข้าใจความพยายามอันอุตสาหะของป่าป๊าเลย !
“ชานชาน ตอนนี้หนูอายุ 5 ขวบแล้ว หนูโตขึ้นแล้ว หนูต้องเรียนรู้ที่จะนอนคนเดียว”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสอนหนูน้อยอย่างตรงไปตรงมา
“แต่หนูยังนอนคนเดียวไม่เป็น”
หนูน้อยพูดอย่างมั่นใจ รูปร่างหน้าตาที่น่ารักของเธอทำให้เจียงเสี่ยวไป๋หมดหนทางที่จะพูดต่อ เขาเกิดความเอ็นดูเธอขึ้นมาทันที
เฮ้อหยา เขาไม่สามารถทำอะไรกับลูกสาวของเขาได้จริง ๆ
ให้แม่ของเธอโน้มน้าวเธอแล้วกัน
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปที่ห้องนอนใหญ่อย่างไม่สบอารมณ์ ในเวลานี้หลินเจียอินกำลังเป่าผมอยู่หน้ากระจก ชุดนอนที่เพิ่งซื้อมานั้นนุ่มและโปร่ง อีกทั้งท่าทางของเธอก็แสดงให้เห็นรูปร่างที่สง่างามของเธออย่างสมบูรณ์แบบ รูปร่างที่งดงามนั้นทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ร้อนรุ่มไปทั้งตัว
เรื่องนี้ใครจะทนได้ ?
ร้อนแรงยิ่งกว่าฉากสาวอาบน้ำซะอีก !
อย่างไรก็ตาม จนกว่าลูกสาวของเขาจะตกลงไปนอนคนเดียว แม้ว่าเขาจะมีอารมณ์ร่วมรักกับภรรยาของเขามากแค่ไหน ก็ได้แต่ฝันถึงมันเท่านั้น
เฮ้อ……
เจียงเสี่ยวไป๋สูดอากาศร้อนเหมือนหินหนืด สงบอารมณ์ที่ปั่นป่วนของเขาให้สงบลง แล้วรีบเดินปรี่เข้าไปพูดกับเธอว่า “เมียจ๋า ให้ผมเป่าผมให้คุณดีกว่า”
ขณะที่เขาพูด เขาก็หยิบเครื่องเป่าผมและหวีในมือของหลินเจียอินมา หวียาวไปตามเส้นผมสลวยของหลินเจียอิน เขาสะบัดมันเบา ๆ เพื่อให้ผมฟู จากนั้นจึงหมุนเครื่องเป่าผมไปมาและใช้หวีสางผมให้เธอเบา ๆ
“หลังจากสระผมแล้ว อย่าเพิ่งรีบเป่าให้ผมแห้ง ไม่งั้นผมของคุณจะหลุดร่วงได้ง่าย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขณะเป่าไดร์
การเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนแต่มีทักษะของเขาทำให้หลินเจียอินเขินจนต้องค่อย ๆ เบือนหน้ามองไปทางอื่น
เขาเป่าผมและหวีผมได้เชี่ยวชาญมาก !
เธอคิดอยู่ในใจและสับสนเล็กน้อยว่าผู้ชายจะเป่าผมได้อย่างเชี่ยวชาญขนาดนี้ได้อย่างไร ?
หลินเจียอินอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา
“เมื่อก่อนฉันสระผมเสร็จแล้วเอาผ้าเช็ดตัวคลุมไว้บนศีรษะ มันก็ไม่เสียไม่ใช่หรือ ? ”
จากนั้น เธอก็พูดต่อ “ผมร่วงแค่ไม่กี่เส้น ไม่ถือว่าผมเสียหรอก ! ”
ก่อนที่จะแต่งงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ เธอเคยใช้เครื่องเป่าผมที่บ้าน แต่หลังจากแต่งงาน เธอก็ไม่ได้ใช้เครื่องเป่าผมอีกเลย ตอนนี้เธอกลับมาใช้เครื่องเป่าผมครั้งแรกในรอบ 5 ปี
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงพอใจมาก
“คุณไม่เมื่อยแขนหรือ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมของคุณจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี ! ”
ใบหน้าของหลินเจียอินแดงก่ำด้วยความสุข ตอนนี้สามีเธอให้ความสำคัญกับตัวเธอมาก
เธอชอบที่เจียงเสี่ยวไป๋ใส่ใจเธอแบบนี้ !