ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 179 :แผนการรับมือไฟป่า ‘ดับไฟด้วยไฟ’
ตอนที่ 179 :แผนการรับมือไฟป่า ‘ดับไฟด้วยไฟ’
“นายอำเภอหลิน ทำไมคุณถึงมาเร็วขนาดนี้ ! ”
เมื่อเห็นหลินต้าเหว่ย เสี่ยวปิงทั้งประหลาดใจและยินดี และในขณะที่โบกพลั่วในมือเพื่อดับไฟไปด้วย เขาก็พูดว่า “ท่านรีบถอยออกไปก่อนครับ ที่นี่มันอันตราย”
“ขนาดชาวบ้านธรรมดายังไม่กลัวอันตราย ฉันที่เป็นถึงนายอำเภอต้องกลัวด้วยหรือ ? ” หลินต้าเหว่ยพูดขึ้นมา “บอกสถานการณ์ให้ฉันฟังหน่อย”
“ได้ครับ ! ”
ในขณะที่ยังคงดับไฟ เสี่ยวปิงก็บอกสถานการณ์ทุกอย่างที่เขารู้ให้หลินต้าเหว่ยฟัง
ที่แท้เป็นเพราะไม่มีฝนตกมาเป็นเวลานาน ระยะนี้พื้นที่โดยรอบกำลังประสบกับปัญหาภัยแล้ง และเมื่อเร็ว ๆ นี้ อุณหภูมิได้เพิ่มสูงขึ้นมา จึงเกิดไฟป่าขึ้นเองตามธรรมชาติ
ไฟป่าเริ่มลุกลามมาจากไหล่เขาของภูเขาชิ่งหยุน ทันทีที่ชาวบ้านรู้ก็มีคนเข้าไปช่วยกันดับไฟ และรายงานเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที
จนถึงขณะนี้ ไฟป่าได้ลุกลามมานานกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว มันได้ครอบคลุมพื้นที่ป่าหลายร้อยไร่ ไฟเริ่มลุกลามไปยังจุดที่มีผู้อยู่อาศัยในรัศมีหนึ่งถึงสองลี้
สถานการณ์ตอนนี้ถือได้ว่าวิกฤตอย่างยิ่ง
แต่โชคยังดีที่ยังไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
หลังจากที่หลินต้าเหว่ยทราบสถานการณ์เบื้องต้นแล้ว หน่วยดับเพลิงประจำอำเภอและผู้นำคนอื่นก็ได้มาถึงที่เกิดเหตุ อย่างเช่นรองนายอำเภอหลี่กัง จางต้าเปียวที่เป็นหัวหน้าหน่วยดับเพลิงและคนอื่นต่างเข้ามาตามหาพวกเขา ผู้นำหลายคนได้มาพบปะและหารือกันอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับแผนการดับเพลิงไฟป่าในครั้งนี้
หลินต้าเหว่ยทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุด ณ ที่เกิดเหตุ จางต้าเปียวนำทีมดับเพลิงเข้าไปดับไฟที่แนวหน้า ส่วนหลี่กังรับผิดชอบอพยพชาวบ้านและคอยเป็นทีมเสริม
เมื่อมีนักดับเพลิงและหน่วยงานเข้ามาให้การช่วยเหลือ ตอนนี้พวกเขาจึงควบคุมไฟป่าในบางพื้นที่ได้แล้ว แต่เนื่องจากเป็นไฟป่าและไม่มีแหล่งน้ำในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ อีกทั้งลมภูเขาในยามค่ำคืนก็พัดแรง หลังจากผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง สถานการณ์เพลิงไหม้โดยรวมยังคงรุนแรงมาก และเริ่มลุกลามเข้าไปใกล้บริเวณที่อยู่อาศัยของชาวบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
หลินต้าเหว่ยมาที่แนวหน้าหลายครั้งเพื่อหารือกับจางต้าเปียว แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว พวกเขายังคงไม่สามารถดับไฟได้ในเวลาอันสั้น
ซึ่งอาจทำให้ทรัพย์สินและความปลอดภัยของชาวบ้านถูกคุกคาม
หลินต้าเหว่ยจึงกล่าวกับหลี่กังว่า “คุณจัดการเรื่องอพยพชาวบ้านที ช่วยรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของชีวิตของผู้คนด้วย”
หลี่กังได้ยินแบบนั้นก็กล่าวว่า “นายอำเภอหลิน ผมได้ลองคุยกับชาวบ้านบางคนแล้ว ไม่มีใครเต็มใจที่จะย้ายออก และยังให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับไฟป่าเพื่อปกป้องบ้านเรือนของพวกเขา”
หลินต้าเหว่ยจึงกล่าวว่า “สหายหลี่ คุณช่วยพูดคุยกับพวกเขาต่อไป บอกชาวบ้านว่าถ้าเนินเขาเขียวขจียังคงอยู่ อย่ากลัวไม่มีฟืนเผา ตราบใดที่ผู้คนยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบ้านจะไหม้ไปแล้ว แต่เรายังสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ ถ้าพืชผลถูกไฟเผา เรายังปลูกมันขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้าคนตายไป สุดท้ายจะทำอะไรไม่ได้เลย”
หลี่กังกล่าวว่า “นายอำเภอหลิน ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาให้ยอมอพยพออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาทุกคน”
หลินต้าเหว่ยพยักหน้าและพูดกับหลี่ซิ่งฮวา “ส่วนคุณ ฉันอยากให้จับตาดูจุดดับเพลิงตลอดเวลา นักดับเพลิง ตำรวจและชาวบ้านหลายคนที่กำลังช่วยกันดับเพลิง ดังนั้นเราต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยให้มาก หากมีเหตุฉุกเฉินใดรีบรายงานให้ฉันทราบทันที จะได้จัดการกับมันได้ทันเวลา”
หลี่ซิ่งฮวากล่าวว่า “ตอนนี้มีคนเข้าร่วมดับเพลิงตามจุดต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่งรู้เรื่องไฟป่าจึงรีบมาช่วยกัน เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านของแต่ละหมู่บ้านได้เข้ามากำกับและประสานงาน พวกเขาต่างช่วยกันต่อสู้เพื่อดับไฟครับท่าน”
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ติดตามหลินต้าเหว่ย โดยคอยจับตาดูไฟอยู่เสมอ
เมื่อเห็นว่าไฟป่าเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงกล่าวว่า “พ่อครับ แม้ว่าจะมีผู้คนมาดับไฟเป็นจำนวนมาก แต่เราก็ขาดเครื่องมือในการดับเพลิง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คงไม่มีทางดับมันลงได้ ! ”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “พ่อรู้ว่าลูกหมายถึงอะไร แต่พ่อเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพยายามดับไฟเท่าที่จะทำไหว”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดว่า “บางทีผมอาจมีวิธี ! ”
หลินต้าเหว่ยผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จ้องไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ตาไม่กะพริบ แล้วพูดว่า “วิธีอะไรล่ะ ? ”
เสี่ยวปิงที่กำลังดับไฟอยู่ตรงหน้าอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋ แม้แต่เขาซึ่งเป็นทหารผ่านศึกได้เคยผจญเพลิงมานักต่อนัก เขาก็ยังไม่รู้วิธีที่จะดับไฟป่าบนเขาลูกใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับพูดว่าเขาทำได้งั้นหรือ ?
“วิธีที่ว่าคืออะไรล่ะ ? ”
“พูดออกมา ผมเองก็อยากฟังเหมือนกัน ! ”
เสี่ยวปิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
หลังจากที่หลี่ซิ่งฮวามาถึงที่เกิดเหตุ เขาก็เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ติดตามหลินต้าเหว่ยตลอดเวลา จึงสงสัยถึงตัวตนของชายคนนี้ว่าเป็นใคร แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามเลย เมื่อได้โอกาส เขาจึงถามไปว่า “นายอำเภอหลิน นี่ใครกัน ? ”
หลินต้าเหว่ยได้ยินแบบนั้นจึงพูดออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ “เขาชื่อเจียงเสี่ยวไป๋ เป็นลูกเขยของฉันเอง ฉันรอคนขับรถไม่ไหว จึงให้เขาขับรถพาฉันมาส่งที่นี่”
ทั้งเสี่ยวปิงและหลี่ซิ่งฮวาต่างก็ตกใจเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะเป็นลูกเขยของนายอำเภอหลิน
หลี่ซิ่งฮวาจึงพูดอย่างสุภาพว่า “ที่แท้ก็สหายเจียงนี่เอง หากคุณมีความคิดดี ๆ ก็รีบบอกพวกเราเถอะ”
หลินต้าเหว่ยและเสี่ยวปิงต่างก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋เช่นกัน
“ดับไฟด้วยไฟ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋คายคำพูดออกมาสี่คำ
ดับไฟด้วยไฟ ?
นี่มันวิธีแก้ปัญหาอะไร ?
โดยทั่วไป ผู้คนจะรู้ดีว่าต้องดับไฟด้วยน้ำหรือถมด้วยทราย หรือแม้แต่ใช้เครื่องมือดับเพลิง แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนดับไฟด้วยไฟ
ทั้งหลินต้าเหว่ยและหลี่ซิ่งฮวาต่างก็ตกตะลึงหลังจากที่ได้ยิน เสี่ยวปิงเองยังขมวดคิ้ว ก่อนจะถามออกไปว่า “คุณช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจกว่านี้จะได้ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “การที่ไฟจะลุกได้ มันต้องมีเชื้อไฟ ตัวอย่างเช่น กิ่งไม้ ใบไม้ ใบหญ้า วัชพืชที่แห้งและติดไฟได้ง่าย แต่ถ้าเรากำจัดวัตถุที่เป็นเชื้อไฟเหล่านี้ออกไปล่วงหน้า ทำเป็นแนวกันไฟ ไฟก็จะไม่ลุกลามเพิ่ม พอมันเผาไหม้เชื้อไฟที่มีอยู่อย่างจำกัดหมดไป มันก็จะดับไปเองไม่ใช่หรือ ? ”
ดวงตาของหลินต้าเหว่ย เสี่ยวปิงและหลี่ซิ่งฮวาต่างก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที
นี่เป็นวิธีที่ดีมาก !
หลินต้าเหว่ยจึงพูดขึ้นมาทันที “ได้ เราจะทำแนวกันไฟตามวิธีที่เสี่ยวเจียงบอก เดี๋ยวฉันจะสั่งให้ระดมคนไปทำทันที”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบหยุดเขาไว้ก่อน และพูดเตือนไปว่า “เดี๋ยวก่อนครับ แม้ว่าวิธีใช้ไฟดับไฟจะใช้หลักการทำแนวกันไฟเป็นช่องว่างแนวยาวและจุดไฟ ให้ไฟที่จุดไปดับไฟที่กำลังไหม้ป่า แต่อย่างไรก็ตาม การดับไฟด้วยวิธีนี้ไม่ใช่ทำได้ง่าย ๆ เพราะเราต้องทราบตำแหน่งและช่วงเวลาในการจุดไฟ มิฉะนั้นจะไม่เพียงแต่ดับไฟไม่ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ไฟลุกลามมากขึ้นอีกด้วย”
เสี่ยวปิงมีประสบการณ์โชกโชนในการดับเพลิง เมื่อได้ยินแบบนั้น เขาก็พยักหน้าและพูดว่า “สหายเจียง คุณพูดถูก แล้วเราควรทำอย่างไรล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดอ้อมค้อม เขาพูดออกมาตามตรงว่า “วิธีการดับไฟด้วยไฟ ระยะเวลาในการจุดไฟมีความสำคัญมาก โดยต้องจุดให้ใกล้ขอบของไฟป่ามากที่สุด เมื่อเห็นว่าไฟกำลังไหม้มาให้จุดทันที เพราะถ้าจุดไฟในเวลานี้ ไฟจะไม่ลุกลามออกไปข้างนอก แต่จะลุกไหม้เฉพาะทิศทางของไฟที่เราได้จำกัดไว้เท่านั้น”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “เพราะอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เพราะเมื่อเกิดไฟป่า อากาศบริเวณที่เกิดการลุกไหม้จะร้อนขึ้น อากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นสูง ในเวลานี้อากาศที่เย็นกว่าจะไหลเข้ามาแทนที่ พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ช่วงนี้อากาศรอบกองไฟจะเหมือนกับพัดลมดูดอากาศที่หันทางออกขึ้นไปด้านบน”
“เวลานี้ ถ้าเราจุดไฟเข้าไปกระตุ้น ไฟจะไปตามลม คือเผาไหม้ไปในทิศทางของอากาศตามหลักการที่ผมเพิ่งบอกไป แทนที่จะลามออกไปรอบ ๆ ”
“ขณะเดียวกันเมื่อไฟทั้ง 2 เข้าปะทะกัน จุดเชื่อมต่อของไฟจะขาดออกซิเจนกะทันหัน จึงทำให้ปฏิกิริยาการเผาไหม้ยุติลง”
“ด้วยวิธีนี้ เป้าหมายในการดับไฟด้วยไฟของเราก็จะบรรลุผลสำเร็จ ! ”
หลินต้าเหว่ยมองไปที่เสี่ยวปิง เสี่ยวปิงพยักหน้าและกล่าวว่า “นายอำเภอหลิน ผมคิดว่าวิธีการของสหายเจียงนั้นพอจะเป็นไปได้”
หลินต้าเหว่ยจึงกล่าวว่า “ในเมื่อคุณซึ่งเป็นหัวหน้าทีมดับเพลิงคิดว่ามันเป็นไปได้ งั้นก็มาวางแผนและดำเนินการกันเถอะ”
ทว่าเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้หยุดพวกเขาไว้อีกครั้ง “เดี๋ยวก่อนครับ”
ทั้งหลินต้าเหว่ยและเสี่ยวปิงต่างก็มองมาที่เขาด้วยความสงสัย ก่อนที่เสี่ยวปิงจะกล่าวออกมาว่า “สหายเจียง คุณยังมีอะไรแนะนำอีก ? ”