ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 180 :แม้ไฟป่าโหดร้าย แต่ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 180 :แม้ไฟป่าโหดร้าย แต่ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว
ตอนที่ 180 :แม้ไฟป่าโหดร้าย แต่ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แม้ว่าหลักการดับไฟด้วยไฟจะพอเป็นไปได้ แต่เราก็ยังจำเป็นต้องเพิ่มการป้องกันอีกชั้น”
หลินต้าเหว่ยเร่งเร้าให้เขาตอบอย่างร้อนใจ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบพูดมาสิ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แบ่งนักดับเพลิงที่เรามีในตอนนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกตัดต้นไม้ กำจัดวัชพืชที่จะเป็นเชื้อไฟ ห่างจากจุดที่มีไฟป่าลุกไหม้ไปประมาณ 300 เมตรซึ่งเป็นบริเวณที่คาดว่าไฟจะลามไป ทำเป็นแนวกันไฟยาวออกไปให้มีความกว้างอย่างน้อย 10 เมตร”
“ส่วนทีมที่สอง จะเป็นทีมที่คอยจุดไฟ ฉะนั้นทีมที่สองนี้ต้องสังเกตทิศทางของลม และต้องพร้อมจุดไฟตลอดเวลา”
หลินต้าเหว่ยพยักหน้าและตอบไปว่า “ได้ พ่อจะทำตามที่บอก”
จางต้าเปียวกล่าวว่า “นายอำเภอหลิน สหายเจียงมีความรู้และประสบการณ์ในการดับไฟป่า ผมว่าคุณให้เขาเป็นผู้สั่งการในปฏิบัติการดับเพลิงครั้งนี้เถอะครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋ผงะ เขาไม่มีประสบการณ์ในการดับไฟป่าเลย แต่การใช้ไฟดับไฟทำแนวป้องกันไฟเป็นวิธีการดับไฟป่าที่คนรุ่นหลังใช้กัน
เขาเพียงแค่เคยอ่านวิธีดับไฟป่าในหนังสือดับเพลิงจากชาติที่แล้ว จึงพอรู้วิธีการเหล่านี้ แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการดับไฟป่าเป็นการส่วนตัวมาก่อน
คิดได้แบบนั้น เขาจึงพูดขึ้นมาทันที “หัวหน้าจาง ผมรู้เพียงทฤษฎีเท่านั้น ไม่กล้ารับหน้าที่สั่งการภารกิจสำคัญแบบนี้หรอก”
หลินต้าเหว่ยพยักหน้า สถานะของเจียงเสี่ยวไป๋ไม่เหมาะกับการต้องมาสั่งการภารกิจใหญ่ ๆแบบนี้จริง ๆ ดังนั้นเขาจึงพูดกับจางต้าเปียวไปว่า “คุณรับผิดชอบในการควบคุมนักดับเพลิง แต่เดี๋ยวฉันจะให้เสี่ยวไป๋จะคอยแนะนำคุณอยู่ข้าง ๆ ”
“ใช่ ! ถ้าเป็นแบบนี้ โอกาสที่ภารกิจจะสำเร็จย่อมมีมากขึ้น ! ”
จางต้าเปียวทำความเคารพต่อหลินต้าเหว่ย และพาเจียงเสี่ยวไป๋ไปหาจุดที่เหมาะสมจะจุดไฟทันที
หลังจากนั้น หลินต้าเหว่ยก็ได้แจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานที่เหลือทราบทีละคนอย่างรวดเร็ว เพื่อนำกำลังชาวบ้านไปช่วยกันดำเนินการตามแผนดับเพลิงใหม่
และฉากต่อไปนี้จะเป็นการต่อสู้ของประชาชนทั้งมวล
ที่ตีนเขาชิ่งหยุน ชาวบ้านหลายพันคน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ทหารและตำรวจได้ระดมกำลังทำตามแผนการควบคุมไฟป่าโดยไม่คำนึงถึงอุณหภูมิที่สูงของไฟป่าและอันตรายภายใต้ไฟที่โหมกระหน่ำ กลุ่มหนึ่งเตรียมตัวจุดไฟ อีกกลุ่มไปตัดต้นไม้และถางหญ้าบริเวณตีนเขา เพื่อทำเป็นแนวกันไฟที่มีความกว้างประมาณ 15 เมตร
เวลาดำเนินไปจนถึงแปดโมงเช้า ผู้คนที่ร่วมผจญเพลิงต่างยืนหยัดต่อสู้กันตลอดทั้งคืน ทุกคนต่างเหนื่อยหน่าย หลายคนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครก้าวออกจากแนวไฟ พวกเขาได้แต่กัดฟันและยืนหยัดที่จะต่อสู้กับภัยธรรมชาตินี้
เมื่อฝั่งหนึ่งเดือดร้อน เป็นธรรมดาที่เพื่อนร่วมชาติที่เหลือจะยื่นมือเข้ามาช่วยกัน !
ที่หมู่บ้านหวังเจียที่อยู่ติดกัน
อดีตผู้ใหญ่บ้านคนเก่าอย่างหวังซื่อเฉียงก็ได้ประกาศผ่านลำโพงหมู่บ้านไปว่า “ประกาศถึงพี่น้องทุกคนในหมู่บ้านหวังเจีย ตอนนี้เกิดไฟป่าที่ภูเขาชิ่งหยุน ไฟได้ลุกลามใกล้จะถึงหมู่บ้านต้าชิ่งแล้ว เมื่อคืนนี้ผู้ใหญ่บ้านหวังหย่งได้ระดมชาวบ้านบางส่วนไปช่วยดับไฟป่าบ้างแล้ว”
“แต่เรายังคงเห็นเปลวไฟและควันหนาทึบตรงนั้นอยู่ แสดงว่าไฟป่ายังไม่ดับ”
“ตอนนี้ ฉันอยากขอกำลังคนหนุ่มและวัยกลางคนทุกคนที่ยังอยู่บ้านให้ไปที่หมู่บ้านต้าชิ่ง เพื่อช่วยกันดับไฟป่า”
“ส่วนผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เด็กและสตรีก็ให้อยู่ที่บ้านรอฟังข่าว ส่วนคนอื่น ๆ ช่วยกันไปเรียกเพื่อนเรียกฝูงแล้วตามฉันไปที่ภูเขาชิ่งหยุน ! ”
เสียงดังขึ้น ไม่นานก็มีการรวมตัวกันที่หน้าหมู่บ้าน ทั้งหญิงและชายหลายชีวิต
“เมื่อครู่นี้อดีตผู้ใหญ่บ้านได้บอกให้พวกผู้หญิงอยู่บ้านรอฟังข่าว ทำไมผู้หญิงถึงมาที่นี่อีก ? ”
“ต่อให้พวกเขาไม่อนุญาตให้ผู้หญิงไปช่วย ฉันก็จะไป ! ”
“ผู้หญิงควรอยู่ที่บ้านดูและเด็ก การรับมือกับไฟป่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ปล่อยให้ผู้ชายอย่างเราจัดการเถอะ ! ”
“ผู้ชายไปผจญเพลิงอยู่แนวหน้า ส่วนผู้หญิงอย่างพวกเราก็เตรียมอาหารส่งให้คนที่อยู่แนวหน้า แบบนี้น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรือ ! ”
“ถูกต้อง ว่ากันว่าผู้หญิงสามารถปฏิบัติได้ครึ่งหนึ่งของผู้ชาย แต่พวกคุณ เป็นพวกชาตินิยมและเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง ! ”
“โอ้ เอาเถอะ ๆ เถียงไปก็ไม่สามารถเอาชนะพวกคุณได้ แต่ก็มีหลายชีวิตที่ช่วยกันต่อสู้กับไฟป่ามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คาดว่าคงยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เอาผู้หญิงไปช่วยทำกับข้าวให้พวกเขาก็ไม่เสียหายอะไร”
“……”
ที่หมู่บ้านหลี่เจียเหอ
เสียงตามสายยังคงดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน
“ประกาศถึงเหล่าพี่น้องหมู่บ้านหลี่เจียเหอ มีไฟป่าในหมู่บ้านต้าชิ่ง และตอนนี้ก็เกิดการขาดแคลนน้ำ หมู่บ้านหลี่เจียเหอของเราไม่มีอะไร แต่ยังมีน้ำอยู่ อยากขอให้ทุกคนช่วยกันขนน้ำไปยังหมู่บ้านต้าชิ่ง……”
การประกาศเสียงตามสายในทำนองนี้ยังคงมีขึ้นในหมู่บ้านใกล้เคียง
ที่หมู่บ้านซินอัน……
หมู่บ้านซื่อจื่อปา……
หมู่บ้านโจวเจียโข่ว……
หมู่บ้านหงเหยียน……
……
ฉากที่คล้ายกันเกิดขึ้นในแต่ละหมู่บ้าน ไม่นาน ผู้คนจากทุกทิศทุกทางก็ได้หลั่งไหลเข้ามาในหมู่บ้านต้าชิ่งเพื่อช่วยกันดับไฟป่า
“พวกคุณช่วยดับไฟมาทั้งคืน ลงไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตอนนี้ถึงตาเราแล้ว ! ”
“อย่าพูดว่าคืนหนึ่งเลย ต่อให้อยู่ต่ออีกสองคืน แต่ไฟป่ายังไม่ดับ ฉันก็ไม่ยอมถอยไปไหน ! ”
“ปล่อยให้ฉันได้ทำให้เต็มที่เถอะ ! ”
“พี่ชาย เท้าของคุณได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น ออกไปทำแผลก่อนเถอะ”
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ? ก็แค่บาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ฉันยังไม่อยากถอยตอนนี้ ! ”
“……”
ไม่มีคำพูดที่สวยหรู ทุกคำล้วนเป็นบทสนทนาที่เรียบง่าย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ไฟป่าตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต และชายคนนี้ก็แค่แสดงความรักใคร่ต่อบ้านเกิดของเขา
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและทหารหลายสิบคนจากหน่วยดับเพลิงเมืองชิงโจวก็มาสนับสนุนภายใต้การนำของหัวหน้าทีมโจวเต๋อฝู เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทีมดับเพลิง
นอกจากโจวเต๋อฝูแล้ว ก็ยังมีรองนายกเทศมนตรีจางด้วย
รองนายกเทศมนตรีจาง หลินต้าเหว่ย, โจวเต๋อฝู หลี่กัง, จางต้าเปียว และคนอื่นได้มาพบกัน แต่เมื่อรองนายกเทศมนตรีจางเห็นเจียงเสี่ยวไป๋อยู่กับจางต้าเปียว เขาก็รู้สึกแปลกใจ
“ไม่คิดเลยว่าฉันจะเจอเจ้าหนุ่มคนนี้ได้ทุกที่ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางพึมพำอะไรบางอย่างคนเดียว เขาพยักหน้าให้เจียงเสี่ยวไป๋ และเข้าไปถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อรู้ว่าขณะนี้พวกเขากำลังเตรียมที่จะดำเนินการตามแผนที่วางไว้ รองนายกเทศมนตรีจางและโจวเต๋อฝูก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมหลินต้าเหว่ยที่คิดแผนการดับไฟป่านี้ขึ้นมาได้
แต่เมื่อเขารู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนเสนอแผนการนี้ขึ้นมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ก็ถึงว่าทำไมเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้เดินไปทางนู้นทีมาทางนี้ที กลายเป็นว่าเขาคือคนให้คำแนะนำนี่เอง”
คำพูดตลกเบา ๆ นี้แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองมีความคุ้นเคยกันมากแค่ไหน
หลินต้าเหว่ยรู้ว่าลูกเขยของเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับรองนายกเทศมนตรีจาง แต่หลี่กัง จางต้าเปียว และหลี่ซิ่งฮวาต่างก็ประหลาดใจ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เพียงแต่เป็นลูกเขยของนายอำเภอหลินเท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับรองนายกเทศมนตรีของเมืองชิงโจวอีกด้วย ทำให้พวกเขามองเจียงเสี่ยวไป๋สูงขึ้นไปอีก
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็กล่าวว่า “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้คำแนะนำอะไรหรอกครับ ที่จริงแล้วผมมาส่งพ่อตาเท่านั้น”
รองนายกเทศมนตรีจางผงะไปทันที เขาไม่รู้ว่าหลินต้าเหว่ยเป็นพ่อตาของเจียงเสี่ยวไป๋
หลินต้าเหว่ยจึงกล่าวว่า “ท่านรอง เจียงเสี่ยวไป๋เป็นลูกเขยของผมเอง”
รองนายกเทศมนตรีจางมองไปที่หลินต้าเหว่ย จากนั้นก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ ก่อนจะจำได้ว่าคนรักของเจียงเสี่ยวไป๋คือหลินเจียอิน คิดได้แบบนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและพูดว่า “เหล่าหลิน คุณได้ลูกเขยที่ดีจริง ๆ ! ”
หลินต้าเหว่ยก้มหน้ารับอย่างสุภาพ จากนั้น บรรยากาศที่ตึงเครียดในที่เกิดเหตุก็ผ่อนคลายมากขึ้น
เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงวัน ไฟป่าได้ลุกลามมาจนเกือบจะถึงจุดที่ทำแนวกันไฟไว้ล่วงหน้าแล้ว
จางต้าเปียวออกคำสั่งทันที จากนั้นทีมดับเพลิงกลุ่มที่สองก็ได้จุดไฟเตรียมไว้แล้ว
เปรี๊ยะ ๆ…….
คบไฟถูกจุดขึ้น ไฟจากคบเพลิงลุกโชน
ไฟป่าเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ โดยที่รอบนอกเป็นคบไฟขนาดเล็กราวกับดาวเคราะห์จำนวนนับไม่ถ้วน แต่เมื่อไฟขนาดเล็กมารวมกัน มันได้กลายเป็นเหมือนลูกไฟขนาดใหญ่ แต่ละที่ก็ได้เริ่มส่งสัญญาณให้คนที่เหลือเริ่มจุดไฟในบริเวณใกล้เคียง
ไฟที่คนช่วยกันจุดได้ลุกลามเข้าไปสัมผัสกับไฟป่าอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น เปลวไฟก็รุนแรงมากขึ้น เปลวไฟขนาดใหญ่ลอยขึ้นไปในอากาศกลายเป็นควันเขม่าสีดำ จากนั้นไม่นาน เถ้าถ่านจำนวนนับไม่ถ้วนที่เกิดจากการเผาไหม้ได้ปลิวตกลงมา
นักดับเพลิงทุกคนจ้องมองไปที่ไฟที่โหมกระหน่ำด้วยความประหม่า เตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครเคยดับไฟด้วยไฟมาก่อนเลย
ไม่รู้ว่าจะมีผลอย่างไรบ้าง……
แม้แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังกังวลมากเช่นกัน ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เปลวไฟที่ลุกโชนนั้น
รองนายกเทศมนตรีจาง หลินต้าเหว่ย โจวเต๋อฝู หลี่กัง จางต้าเปียวและคนอื่นล้วนมีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน
หากวิธีการดับไฟด้วยไฟล้มเหลว พวกเขาก็คงทำได้แค่วางแผนรับมือกับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นและรีบอพยพชาวบ้านในหมู่บ้านต้าชิ่งออกไปให้หมด
ทว่าวิธีนี้ หมู่บ้านต้าชิงจะต้องถูกเผาเป็นจุลไปพร้อมกับไฟป่าที่ลุกลาม……