ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 184 :ปัญหาที่เกิดจากอั่งเปา
ตอนที่ 184 :ปัญหาที่เกิดจากอั่งเปา
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้อยู่ที่บ้านของหลินเจียเหวยนาน
แต่แน่นอนว่าไม่ขาดของขวัญ
นอกจากการมอบเหล้าเหมาไถให้พี่ชายของหลินเจียอินไปหนึ่งกล่อง บุหรี่จงฮว๋าสองแถว และซอสสูตรลับหนึ่งขวดแล้ว พวกเขายังมอบอั่งเปาซองให้หลินจื้อเสียนและหลินจือหลิน ลูกชายและลูกสาวของหลินเจียเหวยอีกคนละ 200 หยวน
ในปี 1983 นอกเหนือจากช่วงปีใหม่หรือโอกาสพิเศษต่าง ๆ การแจกอั่งเปาไม่ใช่เรื่องปกติ และส่วนใหญ่แล้ว จำนวนเงินในซองมักเป็นจำนวนเงินเล็กน้อยเช่น 2-5 เหมา มากที่สุดก็แค่ 1-2 หยวน
ท้ายที่สุดแล้ว การให้อั่งเปาถือเป็นการแสดงไมตรีจิต
มันไม่ได้เกี่ยวกับการให้เงินจำนวนมาก เพราะอาจดูเหมือนเป็นการแจกเงิน
ดังนั้น เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ให้อั่งเปาหลาน ๆ ไป 200 หยวน เขาก็กำลังเริ่มสร้างบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมาในยุคนี้
หานหยุนอิง ภรรยาของหลินเจียเหวยสังเกตเห็นว่าซองแดงที่เจียงเสี่ยวไป๋มอบให้กับเด็กทั้งสองนั้นมีขนาดใหญ่และนูนมาก เธอจึงแอบดึงหลินเจียเหวยเข้าไปในห้องนอน
“เจียเหวย เมื่อกี้คุณเห็นไหม ? ”
เมื่อหลินเจียเหวยเปิดซองมาเห็นเงิน 400 หยวนในซองแดงสองซอง เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขาทำงานที่โรงงานเบียร์ซานเฉิง ในตำแหน่งรองหัวหน้าไลน์ผลิต และมีรายได้เพียงเดือนละ 35 หยวน เงิน 400 หยวนเท่ากับเงินออมของเขาเกือบหนึ่งปีหากเขาไม่ใช้จ่ายอะไรเลย
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก
ประเด็นหลักคือเจียงชานเป็นหลานสาวของเขา
เป็นเรื่องปกติที่ลุงจะต้องมอบอั่งเปาให้ เมื่อหลานสาวมาเยี่ยมเป็นครั้งแรก
ตามความตั้งใจเดิมของพวกเขา การมอบอั่งเปา 50 หยวนให้เจียงชานถือเป็นการแสดงน้ำใจอย่างสุดซึ้งแล้ว
และคงจะน่านับถือมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋ได้สร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นโดยมอบเงินให้ลูก ๆ ของเขาคนละ 200 หยวน
ดังนั้นซองอั่งเปามูลค่า 50 หยวนจึงไม่น่าถูกพูดถึงอีกต่อไป
มันคงจะไม่เพียงพอนัก
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเพราะท้ายรถจี๊ปของเขามีพื้นที่ไม่มากพอที่จะใส่ของต่าง ๆ ลงไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เตรียมของขวัญมาให้หลาน ๆ มากนัก
เมื่อนึกได้ว่าตลอดช่วง 5 ปีนี้ เขาไม่ได้พาหลินเจียอินมาเยี่ยมครอบครัวของหลินเจียเหวยในช่วงตรุษจีนเลย เขาไม่เคยได้ให้อั่งเปากับหลินจื้อเสียนและหลินจือหลิน ลูกทั้งสองคนหลินเจียเหวย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมอบอั่งเปาจำนวนมากเพื่อชดเชยให้พวกเด็ก ๆ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำให้หลินเจียเหวยต้องเกิดปัญหา
หลินเจียเหวยครุ่นคิด และพูดว่า “งั้นเรามอบอั่งเปา 300 หยวนให้เจียงชานดีไหม ? ”
ในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเพณีทางสังคม มักจะคล้ายกับของขวัญตอบแทนเมื่อไปเยี่ยมบ้านของใครบางคน หากมีคนให้ของขวัญมูลค่า 1 หยวนแก่คุณ เมื่อถึงตาคุณที่จะให้ของขวัญ คุณอาจให้ 1.5-2 หยวน โดยปกติแล้วควรให้มากกว่าที่อีกฝ่ายให้เล็กน้อย
สิ่งนี้เรียกว่าการตอบแทนน้ำใจ
แน่นอนว่ายังมีธรรมเนียมที่ให้คืนเท่ากับที่รับมาด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จำกัดอยู่เพียงความสัมพันธ์แบบไม่เป็นทางการ เพียงแค่แบ่งปันความปรารถนาดี ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเพื่อความมีชีวิตชีวา โดยไม่พูดคุยถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
โดยเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดหรือมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น หลักเกณฑ์เหล่านี้อาจไม่สามารถใช้ได้
ในทางกลับกัน หลินเจียเหวยและหลินเจียอินเป็นพี่น้องกัน ซึ่งหลินเจียเหวยเป็นพี่ชายของเธอ
ความสัมพันธ์นี้ค่อนข้างพิเศษมาก
ในกรณีเช่นนี้ เขาไม่สามารถตอบแทนกลับด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันได้ แต่ควรให้คืนมากกว่า
สรุปคือต้องเพิ่มเงิน !
แนวคิดของหลินเจียเหวยคือ เจียงเสี่ยวไป๋ให้เงินลูกของเขาคนละ 200 หยวน ในขณะที่เขาให้เงินลูกของเจียงเสี่ยวไป๋ 300 หยวน คำนวณเป็นคนก็ยังถือว่าเพิ่มเงินให้แล้วเช่นกัน
แต่หานหยุนอิงกลับพูดแย้งขึ้นว่า “เขาให้เงินลูกของเรามา 400 หยวน การที่เราให้ลูกเขา 300 หยวน นั่นหมายความว่าเรายังได้กำไรจากเงินเขา 100 หยวนเลยนะ ? ไม่ได้ เราทำแบบนี้ไม่ได้ ! ”
หลินเจียเหวยยิ้มอย่างขมขื่น ก็จริงอย่างที่ภรรยาว่า
เห็นไหมว่าเรื่องนี้ไม่สามารถคำนวณเป็นรายบุคคลได้
“ถ้าอย่างนั้น… เราควรให้ 500 หยวนไหม ? ”
หลินเจียเหวยแนะนำ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หานหยุนอิงก็กัดฟันแล้วพูดว่า “ให้ 600 ไปเลย ! ”
เงิน 400 หยวนเป็นจำนวนเงินเดียวกับที่เจียงเสี่ยวไป๋มอบให้ลูกสองคนของเขา ส่วนที่เพิ่มมาอีก 200 หยวนนั้น พวกเธอให้เจียงชานในฐานะป้าและลุงของเด็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋ให้เงินลูก ๆ ของพวกเขาคนละ 200 หยวน และหากพวกเขาให้ 500 หยวน ก็เหมือนกับว่าพวกเขาให้เพิ่มไปแค่ 100 หยวนเท่านั้น ซึ่งอาจดูไม่เหมาะสมเท่าไร
หลินเจียเหวยพยักหน้า “ตามที่คุณพูด”
โชคดีที่ทั้งคู่มีหน้าที่การงานที่ดี และได้รับเงินจากพ่อแม่บ้างเป็นครั้งคราว ครอบครัวของพวกเขาค่อนข้างมีฐานะดี ไม่เช่นนั้นการหาเงิน 200 หยวนในคราวเดียวคงเป็นเรื่องยากมาก
การให้ซองอั่งเปาจำนวนมากนี้เทียบเท่ากับรายได้จากเงินเดือนตลอดทั้งปีของทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม จีนเป็นสังคมที่สร้างขึ้นจากความสัมพันธ์และความเอื้อเฟื้อทางสังคม มันคือธรรมเนียมทางสังคม พวกเขาเองก็หมดหนทาง
ระหว่างทางกลับจากบ้านของหลินเจียเหวยไปยังบ้านของหลินต้าเหว่ย เจียงชานหยิบอั่งเปาที่ป้าของเธอมอบให้และมอบมันให้หลินเจียอิน โดยพูดว่า “อั่งเปาจากคุณป้าค่ะ”
หลินเจียอินยิ้มขณะที่เธอเปิดดู แต่แล้วเธอก็ต้องตกตะลึง
“เป็นอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังขับรถอยู่และสังเกตเห็นสีหน้าของหลินเจียอิน เขาจึงถามด้วยความประหลาดใจ
หลินเจียอินดึงเงินปึกหนาออกมาจากซองสีแดง ซึ่งธนบัตรในนั้นเป็นธนบัตรสิบหยวนทั้งหมด
“600 หยวน ! ”
หลังจากนับเงิน หลินเจียอินก็อุทานออกมา
แม้ว่าตอนนี้เธอจะบริหารร้านค้า 15 แห่ง สร้างรายได้มหาศาลทุกวัน และบริหารเงินหลายหมื่นหยวนเป็นประจำ อีกทั้งในบัญชีธนาคารของเธอมีเงินฝากมากกว่า 3 ล้านหยวน
แต่ทั้งหมดนั้นคือเงินทำธุรกิจ ในขณะที่นี่เป็นเพียงเงินจากซองอั่งเปาเท่านั้น
“เยอะมาก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ชะงักไปชั่วครู่เช่นกัน จากนั้นเขาก็เข้าใจ
เขาให้เงิน 400 หยวนไป และพิจารณาบทบาทของหลินเจียเหวยในฐานะพี่ชายของหลินเจียอิน และลุงของเจียงชาน ดังนั้นการให้เพิ่มอีก 200 หยวนก็สมเหตุสมผล
เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้ให้ลึกซึ้งเอง
“ในเมื่อลุงกับป้าของลูกให้มา งั้นก็เก็บไว้เถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างช่วยไม่ได้
หลินเจียอินพูดว่า “แต่มันมากเกินไปจริง ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “ตอนนี้เราจะทำอะไรได้ ? เราควรกลับไปคืนให้พวกเขาไหม ? ”
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้
หลินเจียอินมองเขาและตำหนิว่า “ต้องเป็นคุณแน่ ๆ ที่มอบอั่งเปาซองใหญ่ให้หลาน ๆ ก่อน”
ในขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋ให้อั่งเปาหลินจื้อเสียนและหลินจือหลิน เธอไม่ทราบถึงจำนวนเงินที่เขาให้ อย่างไรก็ตามในเวลานี้ เธอเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่เป็นไร อย่าไปสนใจมันเลย ครั้งหน้าเราค่อยชดเชยให้พวกเขา”
อย่างไรก็ตาม หลินเจียอินกล่าวว่า “พรุ่งนี้ตอนเรากลับ พ่อกับแม่จะต้องให้อั่งเปาชานชานด้วยเช่นกัน บางทีอาจเป็นเงินก้อนใหญ่ พวกเขาสองคนอยู่บ้านใช้จ่ายอย่างประหยัด ฉันไม่อยากรับเงินของพ่อกับแม่เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขาก็ไม่อยากรับมันเช่นกัน
แต่ผู้เฒ่าทั้งสองจะมอบอั่งเปาให้กับเจียงชานในฐานะตายาย เขาและหลินเจียอินก็ทำอะไรไม่ได้ และไม่สามารถปฏิเสธได้
ปวดหัว !
“ไม่อย่างนั้นเราเอาเงินไว้ที่บ้านพ่อกับแม่สักก้อนหนึ่งดีไหม หลังกลับไปแล้วค่อยบอกพวกเขาทีหลัง ? ”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลินเจียอินก็พูดขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวและพูดว่า “แม้ว่าคุณจะทิ้งเงินไว้ที่บ้าน แต่พวกเขาจะไม่ใช้มัน และครั้งหน้าพวกเขาจะคืนให้คุณอย่างแน่นอน”
หลินเจียอินคิดอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
พ่อแม่มักจะให้เงินกับลูก ๆ เพื่อไว้ใช้จ่าย พวกเขาให้ลูก ๆ ได้ทุกอย่างเท่าที่พวกเขาจะให้ได้
สำหรับลูก ๆ ของพวกเขา พวกเขาให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และจะไม่มีวันใช้เงินของลูกเด็ดขาด
หลินเจียอินเข้าใจพ่อแม่ของเธอ พวกเขาเป็นคนประเภทนั้นจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของเธอในการกลับบ้านคือการตอบแทนพ่อแม่ของเธอ ไม่ได้ต้องการเงินจากพวกเขา เธอไม่สามารถระงับความร้อนใจนี้ได้ จึงขอความเห็นจากเจียงเสี่ยวไป๋ “แล้วเราควรทำอย่างไรดี ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋จับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้าง เขาใช้นิ้วเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะเบา ๆ ขณะครุ่นคิด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็พูดว่า “ผมคิดออกแล้ว ! ”
หลินเจียอินพูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณคิดวิธีแก้ปัญหาได้แล้วหรือ ? บอกฉันมาเร็วเข้า ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “เมียจ๋า คุณขยับมานี่หน่อยสิ ผมจะกระซิบให้คุณฟัง”
หลินเจียอินเร่งเร้า “คุณขับรถอยู่ อีกอย่างในรถก็ไม่มีคนนอก ทำไมคุณต้องกระซิบด้วย ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “งั้นผมจะกระซิบบอกคุณคืนนี้”
ได้ยินแบบนั้น หลินเจียอินก็อยากจะตีเขาสักสองสามที