ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 185 :กลับชิงโจว
ตอนที่ 185 :กลับชิงโจว
นับตั้งแต่เขาเกิดใหม่ นอกเหนือจากวันที่พวกเขาย้ายไปบ้านใหม่และดื่มจนเมาเข้าไปนอนกับหลินเจียอินเพียงลำพังแล้ว พวกเขายังไม่มีโอกาสได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยกันอีกเลย เพราะมีลูกสาวคอยอยู่ด้วยตลอดเวลา
เมื่อมาถึงเจี้ยนหยาง เจียงเสี่ยวไป๋ใช้เวลาในคืนแรกไปกับการดับไฟป่า
คืนที่สอง เจียงเสี่ยวไป๋ผล็อยหลับไปบนโซฟาในห้องนั่งเล่น รู้ตัวอีกทีก็เช้าวันต่อมาแล้ว
มีเพียงคืนนี้เท่านั้นที่พวกเขามีโอกาสเข้านอนด้วยกัน
เมื่อเข้ามาหาหลินเจียอินในห้องนอน เจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้รู้ว่านับตั้งแต่พวกเขามาถึงที่นี่ เจียงชานก็นอนกับตายายของเธอมาโดยตลอด
บางครั้ง ความสุขก็มาโดยไม่คาดคิด
ยิ่งไปกว่านั้น ที่จริงแล้วห้องนี้จริงเป็นห้องนอนของหลินเจียอินเมื่อสมัยวัยรุ่น
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกตื่นเต้นมาก
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่พวกเขาอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเธอ เขาจึงไม่กล้าทำเสียงดังเกินไป ทำได้เพียงเล่นเพลงรักกับเธออย่างอ่อนโยนเท่านั้น
ผ่านไปสักพัก:
เจียงเสี่ยวไป๋พลิกตัวขึ้นคร่อมหลินเจียอิน
……
พอผ่านไปอีกสักพัก:
เจียงเสี่ยวไป๋เคลื่อนตัวไล้ไปตามเรือนร่างของหลินเจียอิน
……
หลินเจียอินขึ้นคร่อมเจียงเสี่ยวไป๋
……
เจียงเสี่ยวไป๋พลิกตัวขึ้นมาทับร่างหลินเจียอิน
……
หลินเจียอินพลิกเกมกลายเป็นคนคุมจังหวะรักเอง
……
สลับวนเวียนไปแบบนี้ จนเกือบเช้า……
บางครั้งค่ำคืนนั้นยาวนาน แต่บางคราวก็แสนสั้น
เวลาจะสั้นหรือยาวนั้น อยู่ที่ความรู้สึกของคน
อย่างไรก็ตาม เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าค่ำคืนนี้ช่างสั้นนัก ยังไม่ทันหลับ รุ่งเช้าก็มาถึงแล้ว
ในทางกลับกัน หลินเจียอินกลับรู้สึกว่าเวลานั้นช่างแสนยาวนาน ราวกับว่าเธอวิ่งมาราธอนในยามค่ำคืนไปไม่รู้จักกี่รอบ เธอทั้งเหนื่อยล้า ทั้งปวดเมื่อยไปทั้งตัว หลังจากผ่านพ้นยกแล้วยกเล่า ในที่สุดเธอก็รู้สึกเหมือนได้วิ่งออกจากความมืดมาพบเจอกับรุ่งอรุณ
“เกิดอะไรขึ้น ? ”
“เมื่อคืนลูกนอนไม่หลับหรือ ? ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋มีรอยคล้ำใต้ตา หลิวอี้ถิงจึงถามด้วยความประหลาดใจ
เอ่อ……
คำถามนี้ของแม่ยายช่างตอบยากจริง ๆ
เพราะถ้าเขาตอบ เขาจะต้องโกหกเธอ
เพราะเขาบอกไม่ได้จริง ๆ ว่าทำไมเมื่อคืนเขาถึงไม่ได้หลับไม่ได้นอน
“เอ่อ……ผมแปลกที่น่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบอย่างขอไปที
หลิวอี้ถิงไม่ได้คิดอะไรมากเช่นกัน เธอมองไปรอบ ๆ และไม่เห็นหลินเจียอิน จึงเอ่ยถามขึ้น “เจียอินอยู่ที่ไหน ทำไมถึงยังไม่ตื่น ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงแก้ตัวต่อไป “เธอบอกว่าเธออยากนอนอีกสักหน่อยครับ”
โชคดีที่เจียงชานยังไม่ตื่นเช่นกัน หลิวอี้ถิงเลยไม่ได้ถามอะไรอีก
ใกล้จะเก้าโมงแล้ว และวันนี้จะต้องกลับบ้าน หลินเจียอินจึงลุกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ
เธอเดินโยกเยกเล็กน้อย
แต่เธอไม่สามารถให้แม่ของเธอจับสังเกตได้ เพราะจะทำให้แม่ของเธอเป็นกังวล
“ฮึ่ม เจียงเสี่ยวไป๋ กลับไปบ้านเมื่อไร ฉันจะจัดการคุณ ! ”
หลินเจียอินแอบคาดโทษในใจ
เมื่อถึงเวลาร่ำลา เจียงชานถึงกับร้องไห้โฮ แม้จะเป็นเพียงช่วงไม่กี่วันสั้น ๆ แต่เธอได้สร้างความผูกพันธ์กับหลิวอี้ถิง และไม่อยากแยกจากคุณยายของเธอแล้ว
หลิวอี้ถิงยังไม่อยากให้หลานสาวกลับไปเช่นกัน ดวงตาของเธอจึงรื้นด้วยคราบน้ำตาขึ้นมา
“ชานชาน เดี๋ยวอีกไม่กี่วันยายจะไปเยี่ยมหนู ดีไหมจ๊ะ ? ”
“จริงหรือคะ เมื่อคุณยายไปหาหนู หนูจะขอให้ป่าป๊าทำอาหารอร่อย ๆ มากมายให้คุณยายกิน ! ”
หลิวอี้ถิงยื่นซองสีแดงซองใหญ่ให้กับเจียงชาน แม้ว่าจะถูกห่อด้วยกระดาษสีแดง แต่เมื่อพิจารณาจากความหนาของมัน ในซองนั้นน่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งพันหยวน
เจียงเสี่ยวไป๋และหลินเจียอินต่างมองหน้ากัน ทั้งคู่รู้สึกหมดหนทาง
เป็นไปตามที่พวกเขาคาดเอาไว้
“ขอบคุณค่ะคุณยาย ! ”
เด็กน้อยดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้รับอั่งเปา
เธอไม่รู้หรอกว่าเงินมากหรือน้อย แต่การได้รับซองจดหมายสีแดงทำให้เธอมีความสุขราวกับว่าเธอได้รับรางวัล
“แม่ พวกเราจะกลับแล้วนะครับ ! ”
“หลายวันมานี้พวกเราทำให้แม่เหนื่อยแล้ว แม่อยู่บ้านพักผ่อนสักวันเถอะครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวก่อนขึ้นรถ
หลิวอี้ถิงตอบว่า “แม่ไม่เหนื่อยหรือ ถ้าไม่มีพวกลูกที่บ้าน ที่นี่ก็จะว่างเปล่าและเงียบเหงา ดังนั้นแม่ไปทำงานดีกว่า เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราจะไปเยี่ยมพวกลูกที่บ้านนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขากำลังรอคำตอบนั้นอยู่
หลังจากบอกลาหลิวอี้ถิงอีกครั้ง เจียงเสี่ยวไป๋ก็สตาร์ทรถจี๊ปและขับออกจากลานเล็ก ๆ ไปอย่างช้า ๆ
หลิวอี้ถิงจ้องมองจนกระทั่งรถจี๊ปหายไปที่ปลายถนน เธอยืนนิ่งอยู่กับความคิดของตนเองอยู่ครู่หนึ่ง
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ออกจากเมืองทันที เขาขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้าของเจี้ยนหยางแทน
“ความคิดของคุณคือการซื้อของหรือ ? ”
เมื่อพวกเขามาถึงห้างสรรพสินค้า หลินเจียอินก็ทำหน้าบูดบึ้งและถามขึ้น
เธอคิดว่าเขามีแผนดี ๆ อะไรเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าเขาแค่อยากช้อปปิ้ง
น่าทึ่งมากที่เธอเชื่อคำพูดหวาน ๆ ของเขาเมื่อคืนนี้และทำตามแผนของเขา
“ใช่แล้ว เราไปซื้อของกันเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างมั่นใจ เนื่องจากการให้เงินกับพ่อตาแม่ยายไม่ได้ผล เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ให้เงินพวกเขาเลย แต่เลือกซื้อของให้พวกเขาแทน
เขาสังเกตเห็นว่านอกจากโทรทัศน์แล้ว ในบ้านของพ่อตาแม่ยายแทบไม่มีเครื่องใช้ในครัวเรือนอื่นใดเลย
ในฐานะนายอำเภอ ค่อนข้างน่าแปลกใจที่บ้านของพ่อตาของเขาเรียบง่ายเพียงนี้
“ป่าป๊า เรามาซื้อของอะไรหรือคะ ? ”
หลังจากไปที่ห้างสรรพสินค้ากับเจียงเสี่ยวไป๋สองสามครั้ง เจียงชานก็รู้ว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเข้าใกล้เคาน์เตอร์ พ่อของเธอจะต้องซื้อของอีกครั้ง
เธอชอบไปช้อปปิ้งกับป่าป๊ามาก
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “วันนี้ เรากำลังซื้อเครื่องใช้ในครัวเรือนให้กับคุณตาคุณยาย”
เด็กน้อยตอบว่า “บ้านคุณยายมีโทรทัศน์แล้ว”
สำหรับเธอ ‘เครื่องใช้ในครัวเรือน’ หมายถึงโทรทัศน์ เธอเอียงคอคิดอยู่ครู่หนึ่ง “โอ้ โทรทัศน์ของคุณยายไม่ใหญ่เท่าของเรา พ่อคะ หนูอยากได้อันที่ใหญ่กว่านี้ให้คุณยายหน่อยค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋อดยิ้มไม่ได้ “ชานชาน เครื่องใช้ในครัวเรือนมีหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ใช่แค่โทรทัศน์ ยังมีเครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และอื่น ๆ อีกมากมาย”
หลินเจียอินกะพริบตา ทันใดนั้นก็เข้าใจความคิดในการซื้อของของเจียงเสี่ยวไป๋ ไม่ใช่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอคิดไว้ตั้งแต่แรก เช่น อาหารหรือเสื้อผ้า เขาหมายถึงการซื้อเครื่องใช้ในครัวเรือนจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ต่างหาก
การมีเครื่องซักผ้าให้แม่ได้ใช้คงจะดีไม่น้อย เพราะแม่อายุมากแล้ว !
เมื่อใกล้ถึงฤดูร้อน การติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่บ้านจะช่วยให้พ่อแม่ของเธอเย็นสบาย
อืม สามีของเธอมักคิดเรื่องต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนเสมอ
ในห้างสรรพสินค้า เจียงเสี่ยวไป๋ไปช้อปปิ้งอย่างสนุกสนาน โดยซื้อเครื่องซักผ้าฝาบนรุ่นล่าสุดของยี่ห้อโหยวอี้ ตู้เย็นใหม่ยี่ห้อซินเฟย และเครื่องปรับอากาศยี่ห้อเสี่ยวเทียนเอ๋อร์สำหรับห้องนั่งเล่นและในห้องนอนแต่ละห้อง
หลังจากซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่แล้ว พวกเขาก็เริ่มซื้อเสื้อผ้าและสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
หลังจากช้อปปิ้งเสร็จ พวกเขาก็ใช้จ่ายเงินไปมากกว่า 10,000 หยวน
หลินเจียอินเป็นคนจ่ายทั้งหมดโดยที่เธอไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยแม้แต่น้อย
เจียงเสี่ยวไป๋บอกให้ทางห้างสรรพสินค้าจัดส่งของทั้งหมดไปที่บ้านพ่อตาเขาในตอนเย็น หลังจากนั้น เขาก็ขับรถกลับชิงโจวพร้อมกับหลินเจียอินและเจียงชาน
ประมาณ 2 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงที่ร้าน
หลินเจียอินรีบไปทำงาน แต่เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ดูสิ แม้ว่าเราจะหายไปหลายวัน แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นใช่ไหม ? ”
“แล้ว ? ” หลินเจียอินถาม
“ดังนั้น เมียจ๋า คุณควรพักผ่อนก่อน” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
ร้านค้าทั้งหมดดำเนินงานภายใต้ความรับผิดชอบของแต่ละคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงเป็นผู้ถือหุ้น แม้ว่าหลินเจียอินที่เป็นผู้จัดการทั่วไปจะไม่อยู่ 2-3 วัน แต่ร้านค้าทั้งหมดก็ยังเปิดทำการได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม หลินเจียอินไม่ได้ทำตัวสบาย ๆ เหมือนเจียงเสี่ยวไป๋ เธอยังคงไปที่ร้านแต่ละแห่งเพื่อพูดคุยกับผู้จัดการ ตรวจสอบบัญชี และตรวจสอบมาตรฐานความสะอาดของร้านค้า
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ไม่รู้จะห้ามอย่างไร
อาจกล่าวได้ว่านิสัยของแต่ละคนแตกต่างกัน และทัศนคติต่อการจัดการสิ่งต่าง ๆ แตกต่างกันไป บางคนเป็นคนทำงานหนักโดยธรรมชาติและไม่สามารถทำตัวตามสบายได้ เว้นแต่จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องหยุดพัก ในทางกลับกัน บางคนกลับเป็นง่าย ๆ ผ่อนคลาย ตราบใดที่โลกไม่แตกสลาย พวกเขาก็ไม่กังวล
แม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มทลาย ผู้คนเหล่านี้เชื่อว่ามีคนที่สูงพอที่จะพยุงท้องฟ้าไว้ได้เสมอ
เห็นได้ชัดว่าหลินเจียอินอยู่ในประเภทแรก
“ไม่ได้กาล ฉันปล่อยให้เมียจ๋าเป็นกังวลขนาดนี้ไม่ได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พึมพำกับตัวเอง
แผนการของเขาคือทำให้ภรรยาของเขาให้กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ไม่ใช่ให้ภรรยาทำงานหนักเพื่อให้ตัวเองรวยที่สุดในโลก
เขาจำเป็นต้องค้นหาวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะบอกให้หลินเจียอินพักผ่อน แต่ตัวเขาเองก็ยังยุ่งไม่หยุดหย่อน
เขาไม่มีทางเลือก เขาไม่ได้มาที่ร้าน 2-3 วันแล้ว และเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ก็กำลังจะหมดลง เขาต้องรีบทำเพิ่มอีก
ตลอดช่วงบ่าย เขาทำงานในห้องครัวของร้านเก่า ผสมเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปเป็นชุดแล้วชุดเล่าจนกระทั่งเกือบมืด เขาถึงได้วางมือ
“พรุ่งนี้ ฉันต้องไปดูว่าโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสไปถึงไหนแล้ว”
เมื่อเดินออกจากห้องครัว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยืดตัวบิดซ้ายทีขวาทีและพึมพำกับตัวเอง