ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 186 :คุณมาผิดแล้ว
ตอนที่ 186 :คุณมาผิดแล้ว
ก็อก ก็อก ก๊อก !
หลังจากเลิกงานและกลับบ้าน หลิวอี้ถิงอยู่ในครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ลืมเอากุญแจไปอีกแล้วหรือ ! ”
เธอพึมพำกับตัวเองขณะเช็ดมือบนผ้ากันเปื้อน แล้วเดินไปเปิดประตู
“สวัสดีครับ นี่คือบ้านของคุณหมอหลิวหรือเปล่าครับ ? ” ชายวัยกลางคนในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานห้างสรรพสินค้ายืนอยู่ที่หน้าประตู
“ใช่ค่ะ ฉันเอง ! ”
หลิวอี้ถิงพยักหน้าและมองดูชายคนนั้นด้วยความสับสนแ แล้วถามว่า “คุณเป็นใครคะ ? ”
พนักงานมีรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า “สวัสดีครับหมอหลิว ผมชื่อหวงเหวินฮวา มาจากห้างสรรพสินค้า ผมนำของมาส่งให้คุณครับ”
หลิวอี้ถิงดูสับสนไปเล็กน้อยและพูดว่า “สหาย ฉันคิดว่าคุณจำผิดคนแล้ว ฉันไม่ได้ซื้ออะไรจากห้างสรรพสินค้าของคุณเลย ! ”
ตอนนี้เพิ่งอยู่ในยุคปี 1983 และลูกค้าไม่ได้รับบริการจัดส่งถึงบ้านจากห้างสรรพสินค้าเมื่อซื้อสินค้า
หลิวอี้ถิงนึกว่าเธอเจอกับนักต้มตุ๋นเข้าแล้ว จึงเตรียมจะปิดประตู
หวงเหวินฮวารีบพูดว่า “เดี๋ยวก่อนครับหมอหลิว ชื่อเต็มของคุณคือหลิวอี้ถิง และที่อยู่บ้านของคุณคือเลขที่ 49 ถนนกู่หย๋าใช่ไหมครับ ? ”
หลิวอี้ถิงพยักหน้าอีกครั้ง
หวงเหวินฮวากล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ถูกต้องแล้วครับ”
พูดจบ เขาก็หันกลับมาและส่งสัญญาณไปที่รถบรรทุกสินค้าคันเล็กที่จอดอยู่ใกล้ ๆ “ขนของลง เจ้าของอยู่บ้านแล้ว”
หลิวอี้ถิงเดินตามเสียงนั้นไป และเห็นพนักงานหลายคนกำลังขนกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่ออกจากพื้นที่เก็บสัมภาระของรถบรรทุก
เธอยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก อาจเป็นของที่สามีของเธอซื้อไว้หรือเปล่า ?
แต่นั่นก็ไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน หลินต้าเหว่ยไม่เคยซื้ออะไรเลย เธอมักจะจัดการซื้อพวกข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนและของใช้ในชีวิตประจำวันด้วยตัวเองเสมอ
ไม่นาน พนักงานก็นำกล่องใหญ่มาส่งถึงหน้าประตูบ้าน
“ของเหล่านี้คืออะไร ? ”
“ฉันไม่ได้ซื้ออะไรเลยจริง ๆ ! ”
หลิวอี้ถิงรีบประท้วง
หวงเหวินฮวาหยิบเอกสารออกมาสองสามฉบับแล้วมองดู จากนั้นถึงได้พูดว่า “คุณหมอครับ ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด ชื่อของคุณถูกเขียนอยู่ในรายการจัดส่ง ในบิลส่งของระบุว่าให้จัดส่งที่นี่ครับ”
หลังจากตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาก็พูดต่อ “ชื่อของผู้จ่ายเงินเขียนว่า หลินเจียอิน คุณรู้จักคนชื่อนี้ไหมครับ ? ”
“เธอเป็นลูกสาวของฉัน ! ”
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีอะไรผิดพลาด กรุณาหลีกทางให้พนักงานนำของเข้าไปด้วยครับ ยังมีของอีกหลายชิ้นเลยครับ ! ”
หลิวอี้ถิงรีบก้าวถอยหลัง แต่เธอยังสับสน พวกเขาควรจะกลับไปที่ชิงโจวไม่ใช่หรือ ? ทำไมพวกเขาถึงซื้อของแล้วส่งกลับมาบ้านนี้ล่ะ ?
พนักงานเริ่มนำสิ่งของเข้าบ้านทีละชิ้น จากนั้นได้ทำการแกะกล่องและติดตั้งให้
มีทั้งเครื่องซักผ้า ตู้เย็น แอร์ โซฟา โต๊ะ……
กว่าจะติดตั้งของชิ้นใหญ่ทั้งหมดนี้เสร็จก็เลยเวลา 20.00 น. แล้ว
จากนั้น หวงเหวินฮวายังได้ให้คนขนพวกเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันและวัตถุดิบทำอาหารต่าง ๆ เช่น ข้าว บะหมี่ น้ำมันปรุงอาหาร ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาซักผ้า สบู่ กระดาษชำระ พร้อมด้วยเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน และผ้านวมเข้ามาไว้ในบ้านของหลิวอี้ถิงด้วย
ขณะที่เธอดูแต่ละรายการ หลิวอี้ถิงถึงกับตกตะลึง
“ทั้งหมดนี้เป็นงินไปเท่าไหร่ ? ”
หวงเหวินฮวายื่นใบเสร็จรับเงินให้เธอ แล้วพูดว่า “รวมแล้วเป็นเงินกว่า 18,000 หยวนครับ”
18,000 หยวน !
หลิวอี้ถิงหูอื้อ หัวใจของเธอเต้นแรง
เธอเป็นหัวหน้าแพทย์ประจำโรงพยาบาลประจำอำเภอเจี้ยนหยาง โดยมีรายได้เพียงเดือนละ 65 หยวนเท่านั้น ในขณะที่หลินต้าเหว่ยเป็นนายอำเภอ โดยได้รับเงินเดือนระดับบริหารขั้น 14 ซึ่งได้เงินเดือนเพียง 141 หยวนต่อเดือน
ซึ่งครอบครัวของพวกเขาถือได้ว่ามีรายได้ค่อนข้างสูง แต่พวกเขามีรายได้รวมกันเพียงประมาณ 200 หยวนต่อเดือนเท่านั้น รายได้รวมต่อปีของพวกเขาน้อยกว่า 3,000 หยวน
แต่สิ่งของที่ลูกสาวของพวกเขาซื้อมาในครั้งเดียวมีราคามากกว่า 18,000 หยวน
นั่นคือเงินเดือนของเธอและหลินต้าเหว่ยรวมกันเป็นเวลาหลายปีเลยนะ !
“หมอหลิว คุณช่างโชคดีจริง ๆ ! ”
“ใช่แล้ว หมอหลิว ลูกสาวของคุณรวยมาก ! ”
“ไม่ใช่แค่รวยนะครับ แต่ลูกสาวของคุณยังกตัญญูอีกด้วย ! ”
“……”
พนักงานต่างพูดด้วยความชื่นชมและอิจฉา
เมื่อฟังคำชมเหล่านี้ หลิวอี้ถิงกลับดีใจไม่ออกเลย เพราะเธอรู้สึกว่าลูกของเธอใช้เงินมากเกินไป !
เดิมทีตอนที่หลินเจียอินแต่งงาน เธอในฐานะแม่ไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานและไม่ได้ให้สินเดิมลูกสาวเลย เธอรู้สึกผิดมาก และนั่นคือสาเหตุที่เธอมอบอั่งเปาให้กับหลานสาวไป 1,200 หยวน เพราะส่วนหนึ่งมีไว้เพื่อชดเชยค่าสินเดิมของลูกสาวเธอ
เธอไม่รู้เลยว่าหลังจากให้เงินแล้ว ลูกสาวของเธอจะซื้อของที่มีมูลค่ามากกว่าสิบเท่าของจำนวนนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ของพวกนี้ยังให้พนักงานของห้างสรรพสินค้าเป็นคนส่งมาให้ ทำให้เธอไม่มีโอกาสปฏิเสธด้วยซ้ำ
“ลูกสาวคนนี้ฉลาดแกมโกงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ! ”
หลิวอี้ถิงบ่นอุบอยู่ในใจ
แต่แล้วเธอก็กลับมาคิดใหม่ จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ถูกสิ ลูกสาวของเธอเป็นคนแบบไหน ? ในฐานะแม่ ไม่มีใครรู้จักลูกสาวดีไปกว่าเธอแล้ว
คนที่ทำอะไรแบบนี้ได้ต้องเป็นเจียงเสี่ยวไป๋แน่นอน !
“เฮ้อ……ลูกเขยคนนี้ ! ”
หลิวอี้ถิงส่ายหัวและยิ้มเหยเก
เมื่อหลินต้าเหว่ยกลับมาถึงบ้านหลังจากทำงานล่วงเวลา เขาพบว่าบ้านได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะตอนนี้มีทั้งโซฟาชุดใหม่ โต๊ะใหม่ มีแม้กระทั่งเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นเพิ่มเข้ามาด้วย
เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ? ”
เขารู้จักภรรยาของเขาดี เธอจะไม่ซื้อของมากมายโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน
หลิวอี้ถิงยื่นใบเสร็จรับเงินใบหนึ่งให้เขา แล้วพูดว่า “ฝีมือลูกเขยของคุณ ! ”
หลินต้าเว่ยหยิบใบเสร็จรับเงินมาดู “นี่มันมากกว่าหมื่นหยวนอีกนะ ! ”
“มันคือ 18,000 หยวนต่างหาก ! ” หลิวอี้ถิงกล่าว
“นี่มัน……เรื่องล้อเล่นอะไรกัน ! ” หลินต้าเหว่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ได้ ฉันจะโทรหาเขา ! ”
หลินต้าเหว่ยกดหมายเลขโทรศัพท์ของร้านที่เจียงเสี่ยวไป๋ทิ้งไว้ให้เขาทันที
“สวัสดี ที่นี่คือร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสาขาหลัก ไม่ทราบว่าคุณต้องการพูดกับใคร ? ”
“ฉันขอสายเจียงเสี่ยวไป๋หน่อย ! ”
“ขออภัยด้วย เขาเลิกงานกลับบ้านไปแล้ว ถ้าสะดวกคุณสามารถฝากข้อมูลติดต่อไว้ได้ แล้วพรุ่งนี้เขามาทำงานแล้ว……”
“ไม่ล่ะ ! ”
หลินต้าเหว่ยวางสายโทรศัพท์
เพราะตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋ได้กลับบ้านไปแล้ว และเขากำลังนอนกรนเสียงดัง
วันถัดไป
หลังจากใช้เวลาครึ่งวันในการทำเครื่องปรุงรสสำเร็จรูปกุ้งอบน้ำมัน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขับรถไปที่สถานที่ก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรุงทางตอนใต้ของเมือง
“พี่เจียง ! ”
“เถ้าแก่เจียง ! ”
“เสี่ยวไป๋ ! ”
จวงปี้เฉิง หลี่เฉิงหรูและถานชิงซานเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ ทุกคนจึงทักทายเขา
ทั้งสามคนทักทายเขาแตกต่างกัน บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันของพวกเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่ให้คนละมวนแล้วถามว่า “การก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
ถานชิงซานกล่าวว่า “ส่วนของไลน์ผลิตชั่วคราวเสร็จสมบูรณ์แล้ว เราได้ติดตั้งและทดสอบอุปกรณ์ผลิตแล้ว เรากำลังรอคุณอยู่พอดี”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและถามว่า “แล้ววัตถุดิบที่ฉันขอล่ะ ? ”
ถานชิงซานตอบว่า “ของทั้งหมดอยู่ในโกดังชั่วคราว ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว”
“ลำบากพี่ชิงซานแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พอใจกับผลงานของถานชิงซานมาก และมั่นใจว่าการแต่งตั้งเขาเป็นผู้จัดการโรงงานถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
“ทางเข้าหลักก็เกือบจะเสร็จแล้วเช่นกัน ต่อไปเราจะปูทางเท้า จัดสวนแปลงดอกไม้ และตกแต่งพื้นที่จอดรถทั้งสองด้าน” จวงปี้เฉิงยังอธิบายความคืบหน้าของงานก่อสร้างเพิ่มเติมด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “งานที่เหลือไม่มีอะไรเร่งรีบ พวกคุณค่อย ๆ ทำไป”
ด้วยขนาดของโรงงานผลิตเครื่องปรุงของเขา คาดว่าคงต้องรอจนถึงเดือนตุลาคม
ก่อนหน้านั้น โรงงานจำเป็นต้องผลิตเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูป จึงไม่เหมาะที่จะเริ่มงานก่อสร้างใหญ่
จวงปี้เฉิงพยักหน้าและกล่าวว่า “พนักงานทำงานหนักมาสองเดือนแล้ว ถึงเวลาให้พวกเขาได้พักผ่อนสักหน่อยเหมือนกัน”
หลังจากการสนทนาสั้น ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินนำถานชิงซานเข้าสู่ไลน์ผลิตชั่วคราว
จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสูตรลับ โดยมีถานชิงซานคอยเป็นลูกมือให้
กระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่น ทำให้พวกเขาสามารถผลิตเครื่องปรุงรสชุดทดลองชุดแรกได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากขาดบรรจุภัณฑ์ เจียงเสี่ยวไป๋จึงเติมเครื่องปรุงรสในภาชนะขนาดใหญ่ โดยตั้งใจที่จะนำกลับไปที่ร้านเพื่อทดลองทำกุ้งอบน้ำมันสักกระทะ
ก่อนออกเดินทาง ถานชิงซานกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ คุณขอให้ฉันติดต่อกับโรงงานผลิตพลาสติก ฉันไปแวะเวียนหาพวกเขามาแล้ว แต่โรงงานของพวกเขาจวนจะปิดตัวลงในไม่ช้า”
ในตอนแรกเจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไป จากนั้นเขาก็พูดว่า “ไม่เป็นไร แค่บอกฉันว่าพี่ได้เรียนรู้อะไรจากสถานการณ์ของพวกเขาก็พอ”
ที่จริงแล้วการเจอโรงงานที่ใกล้จะปิดตัวลงในช่วงปลายปีไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
เขากลับชอบมันมากกว่า !