ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 193 :ชามข้าวเหล็กกับชามข้าวสีทอง อันไหนรสชาติดีกว่ากัน
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 193 :ชามข้าวเหล็กกับชามข้าวสีทอง อันไหนรสชาติดีกว่ากัน
ตอนที่ 193 :ชามข้าวเหล็กกับชามข้าวสีทอง อันไหนรสชาติดีกว่ากัน
“คุณจะเลี้ยงกุ้งอบน้ำมันเราจริง ๆ หรือ ว่ากันว่ากุ้งอบน้ำมันหนึ่งชุดราคาตั้ง 5 หยวนเชียวนะ”
“ใช่แล้ว 5 หยวนเท่ากับค่าจ้างของฉันทั้งสัปดาห์แล้ว”
“ฉันอยากกินมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็ลังเลอยู่เพราะเสียดายเงิน”
“ฉันก็ด้วย”
“ทันทีที่เถ้าแก่เจียงมาถึง เขาก็เลี้ยงกุ้งอบน้ำมันเราแล้ว นั่นทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นจริง ๆ ”
“พวกเรามีมากกว่าสองร้อยคน เขาต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน ? ”
“เราไม่ได้ขอให้เขาจ่าย ดังนั้นเลิกกังวลเรื่องนี้ได้แล้ว ! ”
“……”
พนักงานต่างตื่นเต้นกันมาก และเริ่มพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้ ๆ
หวังชิ่งซียืนอยู่บนเวที จ้องมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความทึ่ง
ตอนนี้เขาได้รู้ถึงตัวตนของเจียงเสี่ยวไป๋ ไม่เคยคาดคิดว่าแท้จริงแล้วเจียงเสี่ยวไป๋จะเป็นเชฟที่ทำกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง
หวังชิ่งซีไม่เคยกินกุ้งอบน้ำมันมาก่อน เขาแค่ได้ยินเรื่องนี้เท่านั้น
ในขณะนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจ เดิมทีเขาคิดว่าคนที่สามารถเข้าควบคุมโรงงานฟิล์มพลาสติกได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่โดดเด่น แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นเพียงพ่อครัวคนหนึ่งเท่านั้น
การผลิตฟิล์มพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ที่เทคโนโลยีในการผลิต มันไม่เกี่ยวข้องกับการพลิกทัพพีใหญ่ในครัวเลย เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ ความหวังเล็ก ๆ ที่เพิ่งผุดขึ้นในใจของเขาก็ดับลงอีกครั้ง
พ่อครัวจะสามารถนำโรงงานฟิล์มพลาสติกไปสู่ความสำเร็จได้จริงหรือ ?
เขาไม่เชื่อเลย
เมื่อดูท่าทางของเจียงเสี่ยวไป๋บนเวที วันแรกเขาก็เริ่มจากการเลี้ยงอาหารพนักงาน มาดของผู้นำอยู่ที่ไหน ?
ดูเหมือนเศรษฐีใหม่ที่กำลังโอ้อวดตัวเองอยู่มากกว่า !
หวังชิ่งซีส่ายหน้าและถอนหายใจ และอดรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของโรงงานฟิล์มพลาสติกไม่ได้
เจียงเสี่ยวไป๋สังเกตเห็นการแสดงออกของหวังชิ่งซี แต่เขาไม่ได้สนใจ และหันมาพูดกับพนักงานต่อไปว่า “เรามาทำงานทำไม ? เพียงแค่ให้พออยู่พอกินอย่างนั้นหรือ ? ”
คำพูดเหล่านี้โดนใจพนักงานและทำให้ทุกคนเห็นชอบในทันที เสียงพูดคุยเงียบลง และทุกคนหันไปให้ความสนใจกับเจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่บนเวที
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมบอกว่าผมมาที่นี่เพื่อยกระดับชีวิตของพวกคุณ แน่นอนว่าการเลี้ยงกุ้งอบน้ำมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
“เพราะการได้กินอาหารดี ๆ ไม่ได้นับว่าทำให้ชีวิตดีขึ้น นี่เป็นเพียงงานฉลอง ! ”
“สิ่งที่ทำให้ชีวิตของพวกคุณดีขึ้นอย่างแท้จริงคือเมื่อคุณได้รับเงินเดือนที่เพียงพอ มีเงินอยู่ในมือ และสามารถใช้จ่ายได้ทุกอย่างที่คุณต้องการซื้อ ! ”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง เขาจ้องมองไปที่พนักงานที่อยู่ด้านล่าง ทันใดนั้นเขาก็ถามออกมาเสียงดังว่า “พวกคุณรู้ไหมว่าพนักงานเสิร์ฟที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงได้เงินเดือนเท่าไหร่ ? ”
พนักงานด้านล่างชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มถามคนข้าง ๆ
“คุณรู้หรือเปล่า ? ”
“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร ? ”
“พนักงานเสิร์ฟจะสามารถทำเงินได้เท่าไหร่กันเชียว ฉันว่าสักเดือนละ 10 หยวนก็น่าจะดีมากแล้ว ! ”
“ใช่แล้ว แม้แต่พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารของรัฐก็ยังได้เงินเดือนเพียง 12 หยวนต่อเดือนเท่านั้น”
“แต่เถ้าแก่เจียงถามมาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาจะต้องได้รับเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงอยู่พอตัว”
“ได้ค่อนข้างสูงน่ะมันจะได้สักเท่าไหร่กัน ? หรือพวกเขาได้รับค่าตอบแทนมากกว่าเรา ? ”
“ใช่แล้ว เราเป็นพนักงานในหน่วยงานของรัฐที่มีตำแหน่ง แม้ว่าโรงงานจะไม่สามารถจ่ายค่าจ้างให้เราได้ชั่วคราว แต่ในที่สุด รัฐบาลก็ต้องแก้ไขปัญหานี้แทนเรา”
“……”
บทสนทนาเหล่านี้ดังไปถึงหูของเจียงเสี่ยวไป๋ และเขาก็ยิ้มออกมา
เขายกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ด้านล่างเงียบเสียง และประกาศเสียงดังว่า “ผมสามารถบอกทุกคนได้อย่างเปิดเผยว่า ค่าแรงขั้นต่ำสำหรับพนักงานที่ทำงานในร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงคือ 60 หยวนต่อเดือน”
ทันทีที่เขาพูดจบ ผู้คนด้านล่างก็แตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“อะไรนะ ! 60 หยวนต่อเดือน ! ”
“พนักงานเสิร์ฟมีรายได้มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร ? ”
“60 หยวนต่อเดือนเลยหรือ ? ฉันมีรายได้แค่ 30 หยวนต่อเดือน พวกเขาทำงานหนึ่งเดือนเท่ากับฉันทำงานสองเดือนเลยนะ”
“คุณยังโชคดี ฉันมีรายได้แค่ 20 หยวนต่อเดือนเท่านั้น”
“60 หยวนต่อเดือน นั่นเป็นเงินเดือนของหัวหน้าฝ่ายในโรงงานของเราเลยไม่ใช่หรือ ? ”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้… คุณไม่เข้าใจประเด็นสำคัญหรือ ? เถ้าแก่เจียงบอกว่าไอ้เงินเดือน 60 หยวนนั้นมันแค่รายได้ขั้นต่ำ ! ”
“แล้ว… นั่นหมายความว่ามีค่าจ้างที่สูงกว่านั้นอีกหรือ ? ”
“เป็นไปได้อย่างไร ? ”
“……”
หลังจากที่พนักงานพูดคุยกันสักพัก เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดต่ออีกว่า “ผมเห็นว่าพวกคุณบางคนไม่เชื่อผม และคิดว่าผมแค่กำลังสร้างเรื่องขึ้น แต่ผมจะบอกพวกคุณว่าทุกสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”
ทันใดนั้น น้ำเสียงของเขาเริ่มจริงจังมากขึ้น “และผมก็บอกไปแล้วว่านั่นคือค่าแรงขั้นต่ำ”
“การทำงานในร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงไม่เพียงแต่ได้รับเงินเดือนเท่านั้น แต่ยังได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น โบนัสและเบี้ยเลี้ยงในวันหยุดอีกด้วย”
“ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้วพนักงานทุกคนของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงจะได้รับรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 หยวนต่อเดือน”
ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาพูดถึงเงินเดือนขั้นต่ำ 60 หยวน พนักงงานทั้งหมดต่างสงสัยและตกใจแล้ว ตอนนี้เมื่อเขาพูดถึงรายได้เฉลี่ยเดือนละ 100 หยวน ทุกคนถึงกับตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
พวกเขามักจะมองว่าตนเองเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีงานที่มั่นคง และได้รับเงินเดือนทุกเดือน ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกเหนือกว่าพวกพนักงานเสิร์ฟในทุกด้าน
แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าพนักงานเสิร์ฟที่พวกเขาดูถูกจะมีรายได้มากกว่าพวกเขาหลายเท่าในแต่ละเดือน
สิ่งนี้ทำลายความเข้าใจของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
หากพวกเขาคิดว่างานของพวกเขาเหมือนชามข้าวเหล็ก พนักงานเสิร์ฟเหล่านั้นก็ถือชามข้าวทองคำ
จู่ ๆ หลายคนก็รู้สึกว่าชามข้าวเหล็กนั้นไม่แข็งแกร่งอีกต่อไป
เจียงเสี่ยวไป๋สังเกตสีหน้าของทุกคน เขายิ้มแล้วหันไปหาหวังชิ่งซี พลางถามว่า “รองผู้จัดการ ตอนนี้เงินเดือนของคุณเท่าไหร่ ? ”
หวังชิ่งซีไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋จะถามเขาแบบนี้ เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบว่า “ผมดำรงตำแหน่งช่างเทคนิคอาวุโส ด้วยเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงตามตำแหน่งของผม ผมมีรายได้ 126 หยวนต่อเดือน”
ด้วยตำแหน่งรองผู้จัดการโรงงาน และตำแหน่งช่างเทคนิคอาวุโส เงินเดือนของหวังชิ่งซีจึงถือว่าค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่พนักงานในโรงงานหลายคนเคยมองว่าอยู่ไกลเกินเอื้อม
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินว่าพนักงานธรรมดาของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงมีรายได้มากกว่า 100 หยวนต่อเดือน พนักงานส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนความคิดว่าเงินเดือนของหวังชิ่งซีไม่สูงอีกต่อไป
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ผมกำลังพูดถึงเงินเดือนของพนักงาน ไม่ได้พูดถึงตำแหน่งผู้จัดการร้าน”
“ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงมีสาขา 5 แห่ง และเงินเดือนขั้นต่ำสำหรับผู้จัดการสาขาทั้ง 5 คนคือ 200 หยวน ! ”
“รวมโบนัสรายเดือนและเบี้ยขยันต่าง ๆ ผู้จัดการสาขาทั้ง 5 คนจะได้รับรายได้ไม่ต่ำกว่าคนละ 500 หยวนต่อเดือน ! ”
คราวนี้ ไม่เพียงแต่พนักงานเท่านั้น แม้แต่หวังชิ่งซีก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างและพูดอะไรไม่ออก
500 หยวนต่อเดือน หมายความว่ายังไง ?
เงินจำนวนนี้สำหรับเขาที่เป็นรองผู้จัดการโรงงานขนาดใหญ่ยังต้องใช้เวลา 4 เดือนในการเก็บออม ในขณะที่พนักงานทั่วไปต้องใช้เวลาเก็บออมตั้ง 2 ปี
ช่องว่างทางการเงินนี้ช่างแตกต่างกันอย่างมาก
มีบางคนถึงกับคิดว่าตอนนี้พวกเขารู้จักกับเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว พวกเขาควรพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเขา และดูว่าเขาจะสามารถหางานให้พวกเขาที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงได้หรือไม่ ?
เมื่อความคิดนี้เข้ามาในหัว แม้แต่พวกเขาเองก็พบว่ามันไร้สาระ
ยอมสละชามข้าวเหล็กในเวลานี้ เพื่อไปเป็นพนักงานเสิร์ฟ !
ขณะที่ทุกคนรู้สึกท้อแท้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดออกมาเสียงดังว่า “เพื่อนร่วมงานของผมทุกคน ถ้าพนักงานที่กุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสามารถได้รับเงินเดือนสูงขนาดนั้น คุณก็ทำได้เช่นกัน”
คำพูดนี้เหมือนกับการหลั่งอะดรีนาลีน ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนฟื้นคืนความมีชีวิตชีวา
ทันใดนั้น ทั้งหอประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มบนเวที ราวกับว่าในที่สุดพวกเขาที่ดิ้นรนในความมืดก็ได้มองเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์แล้ว
มันเป็นแสงแห่งความหวัง
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “ตั้งแต่ผมบอกว่าผมมาที่นี่เพื่อยกระดับชีวิตของพวกคุณ มันไม่ง่ายเหมือนเลี้ยงอาหารดี ๆ ตราบใดที่พวกคุณเต็มใจทำงานหนักกับผม พวกคุณก็จะได้รับค่าจ้างสูงเช่นเดียวกับพนักงานที่ร้านกุ้งตอบน้ำมันชิงเจียงได้รับ และอาจจะได้ค่าจ้างที่สูงกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบ เขาก็ตะโกนเสียงดังว่า “พวกคุณเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับผมไหม ? ”
“เต็มใจ ! ”
“เต็มใจ ! ”
“ฉันยินดีร่วมงานกับคุณ เถ้าแก่เจียง ! ”
“เถ้าแก่เจียง ฉันต้องทำอะไรบ้าง ? บอกฉันมาได้เลย ตราบใดที่ฉันได้รับค่าจ้างสูง ๆ ฉันก็เต็มใจที่จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ ! ”
“ฉันเองก็เต็มใจเหมือนกัน ! ”
“……”