ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 194 :คุณวางแผนที่จะทำผลิตภัณฑ์ใหม่อะไรบ้าง?
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 194 :คุณวางแผนที่จะทำผลิตภัณฑ์ใหม่อะไรบ้าง?
ตอนที่ 194 :คุณวางแผนที่จะทำผลิตภัณฑ์ใหม่อะไรบ้าง?
เมื่อเห็นความปรารถนาของทุกคนด้านล่างถูกกระตุ้น เจียงเสี่ยวไป๋จึงพยักหน้าด้วยความพอใจ
นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
ในช่วงยุคปฏิวัติ นโยบาย “แบ่งที่ดินจากเจ้าของที่ดินแจกจ่ายให้กับชาวนา” ได้รับชัยชนะที่สุด แต่ในยุคแห่งการพัฒนาอย่างสันตินี้ คำว่า ‘เงินเดือนสูง’ เพียงสามคำก็เพียงพอที่จะทำให้พนักงานที่เคยเอื่อยเฉื่อย หยุดนิ่ง ไม่ยอมพัฒนาตนเอง ให้กลับตื้นเต้นและกระตือรือร้นได้
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าใคร
เขาประกาศเสียงดังว่า “หมาป่าเดินทางเป็นพันลี้เพื่อกินเนื้อ ในขณะที่สุนัขเดินเป็นพันลี้เพื่อกินอุจจาระ หากคุณต้องการเงินเดือนสูง พวกคุณต้องเข้มงวดกับตัวเองและเปลี่ยนตนเองให้เป็นหมาป่า”
“คนที่ยินดีร่วมงานกับผม ค่าจ้างในอนาคตของพวกคุณจะไม่คงเดิม และจะไม่เท่ากันทุกคน แม้จะตำแหน่งเดียวกันก็ตาม เพราะมันจะแตกต่างกันไปตามความพยายามของแต่ละคน”
“ระบบการทำงานของผม คนที่ทำงานมากขึ้น มีส่วนร่วมในโรงงานและสร้างมูลค่าให้โรงงานมากขึ้น จะได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นตาม”
“จากนี้ไป มีการจัดแสดงบอร์ดนอกอาคารที่ทำงานแต่ละแห่ง โดยบนบอร์ดจะบันทึกไว้ว่าพนักงานแต่ละคนทำงานไปมากน้อยเพียงใด และทุกคนจะสามารถเห็นได้ว่าวันนี้ตนเองได้รับเงินเท่าไร”
“นอกจากนี้ จะมอบรางวัลมากมายให้กับผู้ที่มีค่าจ้างสูงสุดทุกเดือน”
“แต่สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำ พวกเขาก็จะถูกคัดออกเช่นกัน”
“สรุปเป็นหลักการง่าย ๆ ก็คือ ขยันมากได้ค่าจ้างมากขึ้น ขยันน้อยได้ค่าจ้างน้อยลง ไม่ทำงาน ไม่ได้รับค่าจ้าง ! ”
คำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นเหมือนก้อนหินที่โยนลงไปในน้ำแล้วทำให้เกิดระลอกคลื่น กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ บางคนตื่นเต้นเพราะเห็นความหวัง บางคนที่คุ้นเคยกับการอู้งานกลับไม่พอใจ แต่คนส่วนใหญ่กลับรู้สึกสับสนและสงสัย
นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดถึง และพวกเขาไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาจะได้ผลลัพธ์แบบนั้นจริง ๆ
จึงมีบางคนที่แสดงความสงสัยออกโดยตรง
“เถ้าแก่เจียง วิธีการที่คุณพูดถึงจะเป็นไปได้เรื่องจริงหรือ ? ”
“ใช่แล้ว เถ้าแก่เจียง วิธีการนั้นเป็นไปได้จริง ๆ ใช่ไหม ? ”
“เถ้าแก่เจียง ถ้าหากเราทำตามคำแนะนำของคุณ แต่ยังไม่ได้รายได้มากนักล่ะ จะทำอย่างไร ? ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ไม่ว่าผมจะพูดมากแค่ไหน หรือคุณคิดมากแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ เว้นแต่คุณจะลงมือทำ”
“มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม ? ”
“มันจะได้ผลไหม ? ”
“จะทำเงินได้เท่าไหร่จากการทำเช่นนี้ ? ”
“ทำไมไม่ลองดูสักเดือน แล้วพวกคุณก็จะรู้เอง ! ”
คำพูดของเขาชัดเจน และทันใดนั้นก็มีความเงียบเกิดขึ้นในห้อง
แต่สิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋จะกระตุ้นพนักงานยังไม่สิ้นสุด เขายังคงประกาศบางสิ่งที่จะจุดประกายความกระตือรือร้นของทุกคนมากยิ่งขึ้น
ทุกตำแหน่งจะต้องได้มาด้วยการแข่งขัน
ซึ่งจะมีการแข่งขันตั้งแต่รองผู้จัดการโรงงาน หัวหน้าแผนก หัวหน้าฝ่ายสำนักงาน และหัวหน้าทีม ไปจนถึงพนักงานประจำ
สรุปคือ คนมีความสามารถจะได้ตำแหน่งสูงขึ้น คนไร้ความสามารถก็จะถูกปลดจากตำแหน่ง
แม้ว่าคุณจะเป็นเพียงพนักงานธรรมดา แต่ตราบใดที่คุณมีความมั่นใจและมีความสามารถ คุณยังสามารถแข่งขันชิงตำแหน่งรองผู้จัดการโรงงานได้
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในคราวนี้ได้ทำลายโครงสร้างภายในของโรงงานฟิล์มพลาสติกจากเดิมไปโดยสิ้นเชิง
ยิ่งไปกว่านั้น เงินเดือนและผลประโยชน์ตามตำแหน่งที่เจียงเสี่ยวไป๋บอกนั้น เพียงพอที่จะปลุกความทะเยอทะยานของทุกคนได้
สำหรับพนักงานประจำ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม ฐานเงินเดือนคือ 30 หยวน ไม่รวมเงินรางวัลจากผลงานและโบนัส
สำหรับหัวหน้าทีม ฐานเงินเดือนคือ 50 หยวน ไม่รวมเงินรางวัลจากผลงานและโบนัส
สำหรับหัวหน้าแผนก ฐานเงินเดือนของพวกเขาอาจสูงถึง 100 หยวน ไม่รวมเงินรางวัลจากผลงานและโบนัส
สำหรับรองผู้จัดการโรงงาน เจียงเสี่ยวไป๋ได้จัดตั้งตำแหน่งไว้ชั่วคราว 2 ตำแหน่ง คนหนึ่งรับผิดชอบด้านการดำเนินธุรกิจ และอีกตำแหน่งเป็นรองผู้จัดการด้านเทคนิค ทั้งคู่จะได้รับฐานเงินเดือนคนละ 200 หยวน ไม่รวมเงินรางวัลจากผลงานและโบนัส
เงินเดือนนี้ ต่อให้ไม่รวมเงินรางวัลจากผลงานและโบนัส แต่ก็ยังสูงกว่าเงินเดือนเดิมของทุกคนมาก
ทุกคนใคร่ครวญอยู่ในใจ สงสัยว่าพวกเขาควรแข่งขันตำแหน่งไหน ?
แม้แต่พนักงานประจำบางคนก็กำลังคิดว่าจะแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าทีมดีหรือไม่ เพราะหากถูกเลือก เงินเดือนจะสูงขึ้นไปอีก 20 หยวน !
ในขณะเดียวกัน หัวหน้าแผนกระดับกลางก่อนหน้านี้ เช่น หัวหน้าแผนกและหัวหน้าสำนักงาน ต่างก็มุ่งเน้นไปที่ตำแหน่งรองผู้จัดการโรงงานที่รับผิดชอบด้านการดำเนินธุรกิจ
เงินเดือนพื้นฐานอยู่ที่ 200 หยวน ยังสูงกว่าเงินเดือนเดิมที่หวังชิ่งซีได้รับสมัยตอนที่เขาเป็นผู้จัดการโรงงานมาก
ดังนั้น ไม่มีใครสามารถต้านทานสิ่งล่อใจนี้ได้
การคัดเลือกตำแหน่งถูกกำหนดไว้ในอีก 3 วันข้างหน้า เพื่อให้ทุกคนมีเวลาเตรียมตัว
ด้วยเหตุนี้ การประชุมพนักงานครั้งแรกจึงถือเป็นอันสิ้นสุด
ต่อไป เจียงเสี่ยวไป๋ได้เลี้ยงพนักงานในโรงงานทั้งหมดด้วยกุ้งอบน้ำมัน
แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำเองแล้ว
เขาบอกให้หวังผิงนำกุ้งมามากกว่าหนึ่งพันชั่ง และนำเชฟสองคนพร้อมเครื่องปรุงรสสูตรพิเศษสำหรับกุ้งอบน้ำมันมาด้วย และให้พวกเขาเตรียมอาหารได้ในโรงอาหารของโรงงาน
เจียงเสี่ยวไป๋ร่วมเฉลิมฉลองและร่วมรับประทานอาหารกับพนักงานทุกคน
ระหว่างรับประทานอาหาร หวังชิ่งซีถามว่า “ผู้ช่วยเจียง ผมต้องแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งด้วยหรือไม่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและกล่าวว่า “รองผู้จัดการหวัง คุณสามารถแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งรองผู้จัดการด้านเทคนิคได้”
การแสดงออกของหวังชิ่งซีดูอึดอัดเล็กน้อย เดิมทีเขาเป็นคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็นรองผู้จัดการโรงงาน แต่หลังจากที่โรงงานเปลี่ยนผู้บริหาร เขาก็สูญเสียตำแหน่งไป และตอนนี้ต้องแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งรองผู้จัดการโรงงานเช่นเดียวกับพนักงานทั่วไป ซึ่งมันเป็นการทำลายความภาคภูมิใจของเขาไปไม่น้อย
“พูดตามตรง ผมไม่สนใจจริง ๆ ว่าผมจะเป็นผู้จัดการหรือรองผู้จัดการโรงงาน” หวังชิ่งซีกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “รองผู้จัดการหวัง พูดตามตรง คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นรองผู้จัดการฝ่ายบริหารจริง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่โรงงานฟิล์มพลาสติกจวนจะล่มสลาย”
ใบหน้าของหวังชิงซีเปลี่ยนเป็นสีแดง และก้มหน้าลงด้วยความอับอาย
น้ำเสียงของเจียงเสี่ยวไป๋เปลี่ยนไป และเขาพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าหากคุณมุ่งเน้นไปที่ด้านเทคนิค คุณจะสามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นให้กับโรงงานได้”
หวังชิ่งซีมองดูเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการประเมินเช่นนี้จากเขา
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “การเรียนรู้เป็นไปตามลำดับ และความเชี่ยวชาญก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง”
“รองผู้จัดการหวัง ความเชี่ยวชาญของคุณอยู่ที่ด้านเทคนิค ไม่ใช่การจัดการบริหารโรงงาน”
“ลองคิดดูว่า การมอบหมายคนที่เข้าใจแค่เทคโนโลยี แต่ไม่รู้วิธีบริหารจัดการมาดูแลโรงงาน นั่นไม่เพียงจะทำให้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของพวกเขาสูญเปล่า แต่จะนำไปสู่ความวุ่นวายในการจัดการใช่หรือไม่ ? ”
“ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอัจฉริยะคนใดในโลกนี้”
“อัจฉริยะที่แท้จริงคือผู้ที่นำความสามารถของตนมาใช้ในสถานที่ที่เหมาะสม”
“และสำหรับคุณ คุณควรเจาะลึกในการวิจัยทางเทคนิคและพัฒนาฟิล์มพลาสติก โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถของคุณเพื่อสร้างมูลค่าให้กับโรงงาน”
“ปล่อยให้งานบริหารจัดการโรงงาน ตกไปเป็นหน้าที่ของผู้ที่เก่งด้านการบริหารจัดการจะดีกว่า ! ”
หวังชิ่งซีมองดูเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ
เขาเป็นคนที่ภาคภูมิใจในความรู้ของตัวเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนใจแคบหรือโง่เขลา ทุกคำพูดที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดมานั้นโดนใจเขามาก
ในตอนแรก เขาไม่เคยอยากเป็นรองผู้จัดการเลย
เขาถูกบังคับให้รับตำแหน่งรองผู้จัดการโดยไม่มีทางเลือกมากนัก
นับตั้งแต่เขามาเป็นรองผู้จัดการโรงงาน สถานการณ์ในโรงงานฟิล์มพลาสติกก็ย่ำแย่ลงทุกวัน จนกระทั่งเกือบจะล่มสลายลง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการกล่าวโทษตนเอง
หลายปีที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถเข้าใจความเจ็บปวดในใจของเขาได้อย่างแท้จริง
จนกระทั่งตอนนี้ ด้วยคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ ในที่สุดเขาก็รู้สึกเหมือนได้พบคนที่เข้าใจเขาแล้ว
“ผู้ช่วยเจียง ผมเข้าใจแล้ว”
“ผมจะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งรองผู้จัดการด้านเทคนิค ! ”
หวังชิ่งซีกล่าวด้วยท่าทางมุ่งมั่น
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เพราะตำแหน่งรองผู้จัดการที่รับผิดชอบด้านเทคนิคนี้มีไว้สำหรับหวังชิ่งซีโดยเฉพาะ
เขามีประสบการณ์จากชาติที่แล้ว และหลักการบริหารงานบุคคลของเขา การจัดคนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้
ก่อนหน้านี้ เขากังวลเล็กน้อยว่าหวังชิ่งซีอาจต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้ หวังชิ่งซียอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ เขาเองก็รู้สึกโล่งอก
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่อว่า “รองผู้จัดการหวัง โรงงานของเราเคยผลิตฟิล์มโพลีเอทิลีนความหนาแน่นต่ำและฟิล์มพลาสติกไนลอนเป็นหลัก แต่ผลิตภัณฑ์ทั้งสองนี้ขายได้ไม่ดี ผมจึงวางแผนที่จะเปลี่ยนแนวทางการผลิต และแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งผมต้องการพึ่งพาคุณในเรื่องเทคนิค”
หวังชิ่งซีรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะแนะนำให้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทันทีหลังจากรับช่วงต่อ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ช่วยเจียง คุณวางแผนจะทำผลิตภัณฑ์ใหม่อะไรบ้าง ? ”