ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 201 :แข่งกันชิงตำแหน่ง
ตอนที่ 201 :แข่งกันชิงตำแหน่ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงเวลาที่พนักงานโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกจะแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งงานแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ไปที่โรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกตั้งแต่เช้าตรู่
เมื่อรถจี๊ปมาถึงหน้าประตูโรงงาน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ต้องอึ้งไปครู่หนึ่ง
ผู้คนจำนวนมากแบ่งออกเป็นสองแถว และยืนรอเขาอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
นอกจากรองผู้จัดการหวังชิ่งซี เจี่ยนหมิงหยู่หัวหน้าไลน์ผลิตหนึ่ง ต่งเจี้ยนชางหัวหน้าไลน์ผลิตสอง หลิวหยางเหอหัวหน้าไลน์ผลิตสาม มู่ฟางหยวนหัวหน้าไลน์ผลิตสี่ รวมถึงหัวหน้าสำนักงานโหยวโหย่วหยู เปากันฉวนหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับสูงคนอื่น ๆ ยืนอยู่ที่นี่เหมือนกัน
วันนี้เป็นวันที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโรงงานพวกเขา จึงไม่มีใครกล้าที่จะละเลย
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจดีว่าทำไมพวกเขาถึงตื่นเต้นกันแบบนี้ แต่เขาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เพราะคนที่ทำงานอยู่ในรัฐวิสาหกิจมาเป็นเวลานานมักจะชอบทำอะไรที่มันเว่อร์วังเกินไป
จากมุมมองของเขา หากเอาเวลานี้ไปทำงาน คงจะดีกว่าเอาเวลามาทำเรื่องแบบนี้
เจียงเสี่ยวไป๋หยุดรถอย่างช้า ๆ เขาเลื่อนกระจกรถลงมาด้วยสีหน้าสงบ จากนั้นเขาก็ตะโกนไปหาโหยวโหย่วหยูว่า “หัวหน้าโหยว พวกคุณพร้อมกันแล้วใช่ไหม ! ”
โหยวโหย่วหยูในวัยสี่สิบ มีรูปร่างสูงปานกลาง ใบหน้าอวบของเขาดูยิ้มแย้มอยู่เสมอ ทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นมิตร พฤติกรรมของเขาเหมือนกับชื่อของเขาที่แปลว่า ‘เปี่ยมไปด้วยความสบายใจ’ ไม่มีผิด
เมื่อได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋เรียกเขา โหยวโหย่วหยูก็เอากระเป๋าใบใหญ่สอดไว้ใต้วงแขนของเขา เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและหยุดห่างจากเจียงเสี่ยวไป๋ประมาณครึ่งเมตร ก่อนจะพูดด้วยท่าทีเคารพว่า “เถ้าแก่เจียง ทุกอย่างพร้อมแล้ว ไปที่หอประชุมกันเถอะ เราได้เตรียมห้องโถงรอคุณไว้แล้ว”
“ผมเป็นแค่ผู้ช่วย ไม่ใช่เจ้านาย” เจียงเสี่ยวไป๋พูด “ผู้จัดการหลินต่างหากที่เป็นเจ้านายของพวกคุณ”
โหยวโหย่วหยูพูดด้วยท่าทีจริงจังว่า “ครับ เรารู้ว่าผู้จัดการหลินเป็นเจ้านาย ส่วนคุณก็เป็นเจ้านายด้วยเหมือนกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองไปที่เขา และพบว่าชายคนนี้พูดได้ค่อนข้างลื่นไหล
นอกจากนี้ ท่าทางของโหยวโหย่วหยูที่สอดกระเป๋าไว้ใต้รักแร้ของเขา รวมกับรอยยิ้มแป๊ะยิ้มที่ดูเป็นมิตรของเขา มันดูเหมือนกับสุนัขถือกระเป๋าอย่างไรอย่างนั้น
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะเริ่มสนใจชายคนนี้ขึ้นมา
แต่เขายังคงไม่แสดงออก ก่อนจะพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยไปว่า “ผมเองก็ไม่ต่างจากพนักงานคนอื่นในโรงงาน ดังนั้นต่อไปไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมายแบบนี้อีก พวกคุณไปก่อนเถอะ ถ้าจอดรถเสร็จ ผมจะตามไป”
โหยวโหย่วหยูตกใจเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้มแย้มออกมาเช่นเคย “เถ้าแก่เจียง ผมเข้าใจแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋หยุดพูดและขับรถจี๊ปเข้าไปทางประตูโรงงาน
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เข้ามา โหยวโหย่วหยูก็ทักทายเจี่ยนหมิงหยู่และคนอื่น แล้วพากันเดินไปที่หอประชุม
ระหว่างทาง เจี่ยนหมิงหยู่ก็ได้พูดด้วยท่าทีกังวลว่า “เหล่าโหยว ผู้ช่วยเจียงดูเหมือนจะไม่ชอบอะไรแบบนี้ เราประจบเขาเกินไปหรือเปล่า ? ”
เปากันฉวนกล่าวเสริมว่า “ใช่ สำหรับเราเรื่องนี้อาจจะดี แต่ใครจะไปรู้ว่าเราอาจสร้างความประทับใจที่ไม่ดีให้กับผู้ช่วยเจียงก็ได้”
จากนั้น ต่งเจี้ยนชางและคนอื่นที่เหลือก็ดูไม่มีความสุขเช่นกัน
เดิมที พวกเขาตั้งใจทำแบบนี้เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับโรงงาน โดยผู้นำระดับกลางก็จะมาต้อนรับเพื่อสร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้ช่วยเจียง แต่ผู้ช่วยเจียงกลับไม่มองพวกเขาด้วยซ้ำ และไม่ยอมรับในสิ่งที่พวกเขาตั้งใจทำทั้งหมด
ถ้ารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น บางที่พวกเขาอาจจะเห็นด้วยกับหวังชิ่งซีและคัดค้านการจัดพิธีต้อนรับนี้
โหยวโหย่วหยูยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าผู้ช่วยเจียงไม่ชอบเรื่องแบบนี้ เพียงแต่เขาไม่อยากให้เราเสียเวลาก็เท่านั้น”
เจี่ยนหมิงหยู่และคนอื่นที่ได้ยินต่างหันไปมองที่เขาด้วยท่าทีสงสัย
โหยวโหย่วหยูยิ้มและพูดว่า “ผู้ช่วยเจียงกล่าวว่า: ผมก็เป็นเหมือนพนักงานในโรงงานคนอื่น ดังนั้นต่อไปไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรกับผมอีก”
“สิ่งที่เขาหมายถึงคือพิธีการสามารถทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำกับเขา ! ”
เจี่ยนหมิงหยู่: ฮะ ?
ต่งเจี้ยนชาง: อ่า !
หลิวหยางเหอ: ……
มู่ฟางหยวน: ……
เปากันฉวน: ……
หลายคนมองไปที่โหยวโหย่วหยูด้วยความงุนงง เขาตีความในลักษณะนี้ได้อย่างไร?
ไม่รู้ว่าที่เขาพูดถูกหรือเปล่า ?
แต่ถ้าเจียงเสี่ยวไป๋มาได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้า เขาคงจะหัวเราะใส่โหยวโหย่วหยูจนตกใจ
อันที่จริงเขาไม่ชอบพิธีการ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีการที่จัดขึ้นมาแล้ว
บางครั้ง ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนในเรื่องความสำคัญนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ในความเห็นของเขา การจัดพิธีต้อนรับก็มีบทบาทที่ดีได้หากใช้อย่างเหมาะสม เช่น เมื่อต้องใช้เจรจากับหน่วยงานภายนอกหรือกับต่างประเทศ
เขาไม่ได้บอกว่าอย่ามีพิธีต้อนรับแบบนี้อีกในอนาคต แต่เขาบอกว่าตนเองมีสถานะเดียวกับทุกคนอยู่ในโรงงาน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำอีกในอนาคต
ประโยคที่แตกต่างกันเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมีความหมายที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปในหอประชุม โหยวโหย่วหยูและคนอื่นก็เข้ามาถึงก่อนแล้ว พวกเขานั่งอยู่แถวแรกตรงหน้าเวทีกับหวังชิ่งซีและเหลือที่นั่งตรงกลางไว้
วันนี้มีการจัดเวทีเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่มีป้ายติดตรงกลางเวทีว่า “การประชุมการแข่งขันส่งเสริมการจ้างงานสำหรับพนักงานโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกเมืองชิงโจว” เท่านั้น แต่ยังมีการวางโพเดี้ยมพร้อมดอกไม้ประดับตกแต่ง ดูคล้ายกับงานรื่นเริงมาก
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปที่ที่นั่งของเขา ทางซ้ายคือหวังชิ่งซีและทางขวาคือโหยวโหย่วหยู
“ผู้ช่วยเจียง นี่สำหรับคุณ ! ”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋นั่งลง โหยวโหย่วหยูก็หยิบเอกสารปึกหนาพร้อมแบบฟอร์มและปากกาออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ของเขา เขาวางลงบนโต๊ะต่อหน้าเจียงเสี่ยวไป๋และพูดด้วยท่าทีเคารพ
เจียงเสี่ยวไป๋เปิดดูข้อมูลก็เห็นว่าเป็นเรซูเม่ของพนักงานทุกคนในโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก
สิ่งนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้ข้อมูลของพนักงานทุกคนได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อดูแบบฟอร์มอย่างละเอียดก็เห็นว่าพวกเขาทำข้อมูลออกมาได้อย่างรอบครอบ ชื่อของพนักงานทั้งหมดและตำแหน่งที่แต่ละคนแข่งกันก็ถูกเขียนอยู่ในตาราง และช่องด้านหลังสุดก็เป็นช่องสำหรับการประเมินของเจียงเสี่ยวไป๋
“เตรียมตัวได้ดีมาก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองโหยวโหย่วหยู เขาไม่ได้จัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ แต่โหยวโหย่วหยูได้ทำไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่รอบคอบในการทำงานมาก
สิ่งนี้ถือเป็นพรสวรรค์ !
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าโหยวโหย่วหยูคนนี้ดูเป็นคนที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากได้รับคำชมจากเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว โหยวโหย่วหยูก็พูดอย่างถ่อมตัว “มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ขออนุญาตออกมา “เราจะเริ่มกันเลยไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ
โหยวโหย่วหยูจึงพูดว่า “ได้ครับ” แล้วเดินขึ้นไปบนเวที
เขาเป็นประธานกล่าวเปิดงานการประชุมการแข่งขันในครั้งนี้ ซึ่งเขาได้บอกเรื่องกระบวนการและกฎเกณฑ์ของการแข่งขันให้ทุกคนทราบไปแล้วล่วงหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมา และกล่าวเปิดงานด้วยการให้กำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ กับทุกคน ก่อนที่งานจะได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
สำหรับตำแหน่งที่จัดการแข่งขันในหอประชุมส่วนใหญ่จะเป็นตำแหน่งรองผู้จัดการโรงงานทั้งสองฝ่าย ตำแหน่งหัวหน้าไลน์ผลิต หัวหน้าสำนักงาน หัวหน้าฝ่ายขาย หัวหน้าฝ่ายการเงิน หัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์และผู้นำทีมย่อยต่าง ๆ
นั่นก็คือพวกเขาจะต้องขึ้นเวทีไปเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ โดยที่พนักงานทุกคนจะเป็นคนลงคะแนนเสียงในการกล่าวสุนทรพจน์ของพวกเขา
ส่วนการแข่งขันของพนักงานธรรมดาจะเริ่มหลังจากการแข่งขันของผู้บริหารระดับกลางเสร็จสิ้น และหลังจากนี้ก็จะไปที่ไลน์การผลิต เพราะจะเป็นการแข่งขันทักษะทางธุรกิจ โดยหัวหน้าของแต่ละไลน์การผลิตจะเป็นผู้ประเมินทักษะ และแยกคนที่ไม่ผ่านออกไปเข้าร่วมการอบรมอีกครั้ง
ซึ่งการแข่งขันแรกคือการคัดเลือกหัวหน้าทีม
โรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกมีไลน์ผลิตทั้งหมดสี่ไลน์ผลิตด้วยกัน แต่ละไลน์ผลิตจะมีหัวหน้าทีมย่อยแค่เพียง 4 ตำแหน่ง รวมทั้งสี่ไลน์ก็ 16 ตำแหน่งที่จะต้องแข่งขันกัน ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันไม่เพียงแต่มีพวกที่เคยเป็นหัวหน้าทีมคนเก่าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ช่วยและพนักงานธรรมดาที่อยากจะเลื่อนตำแหน่งและมั่นใจในความสามารถของตัวเองอีกด้วย
จำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขันจึงมีมากถึง 46 คน
หลังจากการแข่งขันที่ดุเดือด สุดท้ายก็ได้คนทั้งสิบหกคนมา อาทิเช่น จางฉวินอิง เฉิงกั๋วผิง เคอจงจวิ้นและจูจื่อหมิงที่ถูกรับเลือก
มีแค่จางฉวินอิง เคอจงจวิ้น และคนอื่นรวมเก้าคนที่เคยเป็นหัวหน้าทีมชุดเก่า
อย่างไรก็ตาม คนที่เหลืออีกเจ็ดคนซึ่งก็คือเฉิงกั๋วผิง จูจื่อหมิงและคนอื่น ๆ ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาจากตำแหน่งพนักงานทั่วไป
แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าหัวหน้าทีมชุดเก่า 7 คนนั้นไม่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด
เพราะในความเป็นจริง มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ไม่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้
เนื่องจากอีกสี่คนลงทะเบียนแข่งขันเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าไลน์ผลิต ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกหัวหน้าทีมในครั้งนี้
ต่อไป คือการแข่งขันระดับหัวหน้าฝ่าย