ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 214 :ช่วย
ตอนที่ 214 :ช่วย
หยวนชุนเฟิงเป็นนักบวชลัทธิเต๋าในเจียงวาน เขาไม่เพียงแต่คำนวนหาฤกษ์ที่ดีได้เท่านั้น แต่ยังสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยการฝังเข็ม ผู้คนในเจียงวานจึงมักจะมาขอให้เขาหาฤกษ์งามยามดีในการสร้างบ้าน การเฉลิมฉลองงานใหญ่ ๆ หรือแม้แต่ฤกษ์วันเผาศพให้
ในเจียงวาน หยวนชุนเฟิงได้รับความเคารพนับถืออย่างมาก และทุกคนก็เรียกเขาว่า ‘อาจารย์’
“ถึงว่าทำไมนกกางเขนถึงส่งเสียงร้องเมื่อเช้านี้ ที่แท้ไห่หยางมาหาฉันนี่เอง ! ” หยวนชุนเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นเจียงไห่หยางเดินเข้าประตูมาพร้อมของฝากในมือ
เจียงไห่หยางพูดอย่างสุภาพว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อขอคำแนะนำจากอาจารย์”
“พูดได้ดี ! ” หยวนชุนเฟิงยิ้ม เขาเชิญเจียงไห่หยางนั่งลงในห้องหลักแล้วไปชงชาให้
เจียงไห่หยางกำลังจะอธิบายว่าทำไมเขาถึงมา แต่หยวนชุนเฟิงก็ได้พูดขึ้นมาก่อนว่า “ไห่หยาง คุณมาที่นี่เพื่อหาฤกษ์งามยามดีในการฉลองที่เสี่ยวชิงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ใช่ไหม ? ”
“อาจารย์เป็นคนฉลาด ฉันกำลังจะฉลองให้ลูกสาวคนที่สี่ ช่วยดูฤกษ์งามยามดีให้ด้วยนะอาจารย์”
เจียงไห่หยางรู้สึกชื่นชมอย่างมาก เขาไม่คิดว่าหยวนชุนเฟิงจะสามารถรู้จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ได้ในทันทีตั้งแต่แรกเห็น เขาจึงพูดอย่างตื่นเต้น
หยวนชุนเฟิงลูบเคราสั้นบนคางของเขา และพูดด้วยท่าทางที่ไม่อาจเข้าใจได้ “เรื่องเล็กน้อย ฉันหาฤกษ์งามยามดีให้ได้อยู่แล้ว ! ”
แต่ที่จริงแล้ว
หยวนกัง บุรุษไปรษณีย์ของที่ทำการไปรษณีย์อำเภอชิงซานเป็นหลานชายของเขา หลังจากส่งจดหมายถึงเจียงเสี่ยวชิงแล้ว หยวนกังก็นั่งอยู่ที่บ้านของหยวนชุนเฟิงสักพักหนึ่งและเล่าถึงจดหมายที่เขาเอาไปส่งให้กับครอบครัวเจียง
ซองจดหมายนี้เป็นซองจดหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจียงเฉิง
ผู้รับจดหมายคือเจียงเสี่ยวชิง
และเจียงเสี่ยวชิงก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้พอดี ซึ่งทุกคนในเจียงวานก็รู้เรื่องนี้กันอยู่
ทันทีที่หลานชายของเขาส่งจดหมายที่บ้านตระกูลเจียง ไม่นาน เจียงไห่หยางก็มาหาเขาทันที แบบนี้หยวนชุนเฟิงจะไม่รู้จุดประสงค์ของเจียงไห่หยางที่มาหาเขาได้อย่างไร
ถ้าเจียงไห่หยางรู้ว่าหยวนชุนเฟิงรู้แบบนี้ สงสัยจริง ๆ ว่าเขาจะคิดอย่างไร ?
แต่หยวนชุนเฟิงก็ไม่มีทางบอกเจียงไห่หยางเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน !
ในสาขาของพวกเขา ท่านอาจารย์สอนพวกเขาเสมอว่าสิ่งแรกของการเป็นผู้วิเศษคือการทำตัวลึกลับ สิ่งที่สองคือการระมัดระวังตลอดเวลา และสิ่งที่สามคือการคำนึงถึงสิ่งแรกและสิ่งที่สอง
ลึกลับ หมายถึงดูเหมือนไม่อาจหยั่งรู้ ทำให้ผู้อื่นมองว่าเราเข้าใจยาก จากนั้นคุณก็จะกลายเป็นคนพิเศษ
ดังคำพูดที่ว่า ไม่มีอะไรยากในโลก มีเพียงผู้ที่เต็มใจทำเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ยามงามดีในการเฉลิมฉลองให้กับเจียงเสี่ยวชิง คือวันขึ้น 19 กรกฎาคม ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำเดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติ
เป็นปีกุยไห่ เดือนจีเว่ย และวันวูเซิน
เป็นฤกษ์ดี เหมาะสำหรับทำความสะอาด ทำความสะอาดบ้าน หางานและเรียนหนังสือ อาบน้ำ ถวายสังฆทาน เลี้ยงแกะ รักษาโรค เปิดสระน้ำ และจุดไฟถวาย
หลีกเลี่ยงการแต่งงาน การเดินทาง การหมั้นหมาย การย้ายบ้านใหม่ และการทำเตาไฟ
หยวนชุนเฟิงนับวันและบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ดี
ในชาติที่แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ แต่เนื่องจากในโลกนี้มีเรื่องลึกลับอย่างการกลับมาเกิดใหม่ของเขา จึงทำให้ชาตินี้ เขาค่อนข้างที่จะเชื่อมัน
เพราะตามหลักการพื้นฐานทางจิตวิทยาแล้ว ผู้คนมักจะแสวงหาโชคลาภและหลีกเลี่ยงโชคร้าย ดังนั้นในเมื่อขอให้คนที่เรานับถือหาฤกษ์ที่ดีให้ ถ้าเขาบอกว่ามันเป็นวันดี คุณก็จะเชื่อว่ามันเป็นวันที่ดีจริง ๆ
เพียงแต่เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับคนเหล่านี้
ทว่าฤกษ์ที่ได้มานั้นกระทันหันไปหน่อย ซึ่งวันมะรืนนี้คือวันที่ 19 กรกฎาคมแล้ว
เจียงไห่หยางจึงขอให้เจียงเสี่ยวโจวและหูฉางจวินช่วยไปบอกญาติและลูกหลานของเขาให้ จากนั้นจึงไปหารือกับเจียงไห่เทียนที่จะขอคนในเจียงวานมาช่วยเตรียมงาน
ในชนบท การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ยาก แค่เลี้ยงเหล้าพวกเขาเป็นการตอบแทนก็พอแล้ว
พูดตามตรงก็คือขอให้ผู้คนในหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยกันรับรองแขก ซึ่งหน้าที่งานของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป
โดยทั่วไปแล้ว ก็จะมีเขียนบัญชี เก็บเงิน เทชา จุดประทัด ทำอาหาร จัดโต๊ะและล้างจาน จัดการเรื่องเหล้าบุหรี่ เสิร์ฟอาหาร และฝ่ายบันเทิง ฯลฯ
หากน้ำหมดก็มีคนขนน้ำ หากหนาวก็มีคนคอยจุดไฟ
ในชนบท การช่วยเหลือกันแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือที่แตกต่างกันไปในแต่ละงาน
เช่น เมื่อคุณแต่งงาน ผู้ชายจะไปช่วยฝั่งเจ้าบ่าว ส่วนผู้หญิงจะไปช่วยฝั่งเจ้าสาว เมื่อผู้เฒ่าตายก็มีคนไปหามโลงศพ เป็นต้น
ผู้คนที่มาช่วยงานเหล่านี้ก็จะคอยช่วยในเรื่องที่ตนเองมีความชำนาญและได้รับการยกย่องจากทุกคน ซึ่งแต่ละคนจะมีความถนัดที่แตกต่างกัน
ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว คนเหล่านี้ก็มักจะเกาะกลุ่มกันช่วยงานที่ตนเองถนัด ทำให้แต่ละกลุ่มก็จะเจอแต่คนหน้าซ้ำ ๆ
ตัวอย่างเช่น ในเจียงวาน เจียงไห่เทียนมักจะได้รับการยกย่องให้เป็นคนจัดการงานต่าง ๆ ในทุกครัวเรือน เพราะเขาได้รับความเคารพอย่างสูงจากผู้คน เนื่องจากเป็นคนมีความยุติธรรมและมีคารมคมคายดี
ช่างไม้ถานมักจะมีหน้าที่ในการเขียนป้ายต่าง ๆ เพราะเขามีลายมือที่สวยและเจ้าบทเจ้ากลอน ส่วนหลิวอี้โชวมักจะเป็นคนทำอาหาร ฝีมือการทำอาหารของเขามีชื่อเสียงในเจียงวาน ขึ้นชื่อเรื่องทำอาหารอร่อย
หลังจากหารือกับเจียงไห่เทียนแล้ว เขาก็ได้เขียนชื่อของผู้ที่จะไปขอความช่วยเหลือ จากนั้นเจียงไห่หยางก็เตรียมบุหรี่เพื่อไปเยี่ยมแต่ละคนตามรายชื่อที่เขียนเอาไว้
ซึ่งสิ่งนี้ก็ถือว่าเป็นธรรมเนียมในหมู่บ้านชนบท เมื่อคุณไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น คุณควรให้บุหรี่หนึ่งซอง นอกจากนี้คุณควรให้บุหรี่หนึ่งซองทุกวันในระหว่างที่งานยังจัดขึ้น หลังจากงานเสร็จสิ้นก็ควรจะมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ผ้าเช็ดหน้าและผ้าเช็ดตัวมอบให้พวกเขา
แม้ว่าคนที่มาช่วยเหลือจะไม่เอาค่าจ้าง แต่ก็ต้องมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเขาบ้าง ไม่ใช่ขอให้มาช่วยฟรี ๆ
เช่น บุหรี่ ผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ เพื่อแสดงความขอบคุณแก่พวกเขา
เจียงไห่หยางไปที่บ้านของช่างไม้ถานก่อน
“ไห่หยาง มานั่งก่อนสิ”
ช่างไม้ถานทักทายเขาอย่างอบอุ่น จากนั้นเขาก็ส่งบุหรี่และรินชาให้
ธุรกิจของเขาเฟื่องฟูได้เพราะเจียงเสี่ยวไป๋ จนตอนนี้เขาสามารถตั้งโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ได้แล้ว รายได้ของเขาสูงมาก ตอนนี้เขาจึงร่ำรวยเงินทอง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
บุหรี่ที่เขามียังเป็นบุหรี่ยี่ห้อมู่ตานราคาซองละ 1 หยวน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้สูบบุหรี่ แต่เขาก็ซื้อมาติดไว้ที่บ้านสำหรับต้อนรับแขก
เจียงไห่หยางหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วพูดว่า “เสวี่ยเฉา ฉันมาที่นี่ในวันนี้เพื่อขอให้คุณไปช่วยงานที่บ้านสักหน่อย”
ช่างไม้ถานกล่าวว่า “แค่พูดมาว่าอยากให้ช่วยอะไร”
เจียงไห่หยางหยิบบุหรี่จงฮว๋าออกมาหนึ่งซองแล้วมอบให้ช่างไม้ถาน พลางพูดว่า “ที่บ้านจะจัดงานฉลองที่ลูกสี่ของฉันสอบติดมหาวิทยาลัยในวันมะรืนนี้ ฉันจึงอยากขอคุณไปช่วยเขียนป้ายงานให้หน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ช่างไม้ถานก็พูดด้วยความยินดีว่า “ไม่มีปัญหา”
อย่างไรก็ตาม เขาดันซองบุหรี่จงฮั๋วกลับและพูดว่า “ฉันไม่สูบบุหรี่ ไม่ต้องเอามาให้ฉันหรอก”
ล้อกันเล่นหรือ ? เจียงไห่หยางเป็นพ่อของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาสามารถสร้างรายได้มหาศาลแบบนี้ก็เพราะเจียงเสี่ยวไป๋คอยแนะนำ เขาจะเอาบุหรี่จากเจียงไห่หยางได้อย่างไร
เจียงไห่หยางยืนกรานที่จะมอบบุหรี่ให้กับช่างไม้ถาน และพูดว่า “ถ้าคุณไม่สูบ คุณก็เอาเก็บไว้ต้อนรับแขกก็ได้”
ถ้าช่างไม้ถานไม่รับมัน นั่นก็เป็นเรื่องของมิตรภาพ
แต่เขาต้องให้ เพราะมันเป็นธรรมเนียม
คนในชนบทนั้นเรียนมาน้อย ธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เคยมีมาจึงไม่อาจฝ่าฝืนได้
ช่างไม้ถานถอนหายใจ “ฉันเห็นเสี่ยวชิงมาตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนี้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง คุณที่เป็นพ่อจะจัดงานเฉลิมฉลองให้กับเธอ ฉันก็ยินดีที่จะช่วยงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้คิดจะเอาอะไรตอบแทนทั้งนั้น เราก็คนรู้จักกัน ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย”
เจียงไห่หยางยิ้ม “ฉันยอมรับมิตรภาพของคุณ แต่ธรรมเนียมก็คือธรรมเนียม ฉันจะฝ่าฝืนได้อย่างไร นอกจากนี้ถ้าคุณไม่รับมัน หากคนอื่นรู้ พวกเขาก็คงไม่รับมันเหมือนกัน แบบนั้นฉันจะมีหน้าไปขอใครให้มาช่วยงานอีกในอนาคต ? ”
ช่างไม้ถานไม่สามารถปฏิเสธเจียงไห่หยางได้จริง ๆ เขาจึงจำใจรับบุหรี่มา
จากนั้น เจียงไห่หยางก็ไปบ้านหลังถัดไป
บ้านของหลิวอี้โชว บ้านของหยางชื่อหยุน บ้านของเจียงไห่เฉิงและบ้านของเจียงเสี่ยวซิน……
การไปขอความช่วยเหลือในครั้งนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างราบรื่น แค่ได้ยินมาว่าเป็นการฉลองให้เจียงเสี่ยวชิง พวกเขาก็เต็มใจที่จะช่วย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเรื่องนี้
เพราะทุกคนในหมู่บ้านล้วนเป็นหนี้บุญคุณเจียงเสี่ยวไป๋
แม้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ได้ดูแลงานนี้ทั้งหมด แต่เจียงไห่หยางก็เป็นพ่อของเจียงเสี่ยวไป๋และอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน การช่วยเจียงไห่หยางจึงไม่ต่างจากช่วยเจียวเสี่ยวไป๋
ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงมีท่าทีไม่ต่างจากช่างไม้ถาน ที่ปฏิเสธรับบุหรี่ที่เจียงไห่หยางมอบให้
แต่เจียงไห่หยางยังคงยืนกรานที่จะให้มัน
ข่าวที่เจียงเสี่ยวชิงสามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจียงเฉิง และข่าวเรื่องการเฉลิมฉลองในวันที่ 19 กรกฎาคมได้แพร่กระจายไปทั่วเจียงวานจนผู้คนเริ่มที่จะพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
“ได้ยินมาว่าแค่บุหรี่ที่เอาไปขอคนให้มาช่วยงานก็เป็นบุหรี่จงฮั๋วแล้ว และสุราที่ไห่หยางใช้ดื่มในงานก็มีราคาที่สูงมากด้วย ! ”
“ใช่ งานนี้คงใหญ่โตน่าดู”
“ตอนนี้ครอบครัวไห่หยางแตกต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว พวกเขามีเงินทองมากมาย คงไม่สนใจเรื่องราคาของบุหรี่และเหล้าที่จะเอามาเลี้ยงในงานว่าจะถูกหรือแพงหรอก เพราะเรื่องสำคัญที่สุดคือหน้าตา”
“ตราบใดที่มีเจียงเสี่ยวไป๋อยู่ที่นี่ ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีหน้ามีตา”
“ไอ้หย่า แบบนี้เราต้องทำให้พวกเขาประทับใจในตัวเราบ้างแล้วแหละ ! ”
“……”
เจียงไห่หยางได้ยินการสนทนาเหล่านี้ก็มีความสุขมาก
“นึกถึงวันนั้น ทีมของเราสมัครสมานสามัคคีกัน มีคนสามหรือห้าคนมาพร้อมกับปืนเจ็ดแปดกระบอก ~ …”
เจียงไห่หยางฮัมเพลงแล้วเดินกลับบ้านด้วยจิตใจที่เบิกบาน
“คุณไปขอคนที่จะมาช่วยงานครบหรือยัง ? ” หวังซิ่วจวี๋ถามด้วยความกังวล
เจียงไห่หยางพูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนยินดีมาช่วยงาน ไม่มีใครกล้าหักหน้าฉันหรอก”
หวังซิ่วจวี๋กล่าวว่า “นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาไว้หน้าเจ้ารองต่างหาก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงไห่หยางค้างเติ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “เจ้ารองมีหน้ามีตา แล้วฉันไม่มีหรือไง ? ”
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย และคิดว่าที่ทุกคนยินดีมาช่วยงานไม่ใช่เพราะเขา
เขาจึงหันไปพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋และเจียงเสี่ยวเฟิงว่า “มาคุยกันเถอะ ว่าจะเลี้ยงอะไรแขกในงานดี ? ”