ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 27 :สุดยอดซอสลับ
ตอนที่ 27 :สุดยอดซอสลับ
“น้องชาย นี่มันธุรกิจทำเงินได้มหาศาลเชียวนะ ! ”
“คุณบอกฉันง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ ? ”
เซี่ยงเฉียนจิ้นเปลี่ยนคำเรียกเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว เขาพูดอย่างเหลือเชื่อ
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะแล้วพูดว่า “พวกเราอยู่ในยุคสมัยที่ดีที่สุด ทองคำมีอยู่ทุกที่ ตอนนี้ในหัวของผมมีวิธีหาเงินอีกมากมาย”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง ดูไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาและอายุของเขาที่ยังดูหนุ่มอยู่เลย เวลาเขาพูดดูมีมาดของหนุ่มไฟแรง เขาพูดต่อไปอย่างจริงใจว่า “อีกอย่างผมเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ ยังไม่มีที่ดิน คนงานและเงินทุนมากพอ สู้หาคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีกำลังอย่างผู้จัดการเซี่ยงไว้คบหาเป็นมิตรสหายดีกว่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
เสียงหัวเราะอย่างตื่นเต้นของเซี่ยงเฉียนจิ้นดังออกไปนอกห้องทำงาน
“น้องเจียง ฉันยอมรับคุณเป็นพี่น้องแล้วกัน”
“พูดมาได้เลยว่าน้องเจียงอยากได้ชามกระดาษเท่าไร เดี๋ยวพี่เซี่ยงคนนี้ทำให้ฟรีเลย น้องเจียงจะได้ลองใช้ดู”
เซี่ยงเฉียนจิ้นเองก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน เขารู้ได้ทันทีว่าเจียงเสี่ยวไป๋ต้องการชามกระดาษแบบใช้แล้วทิ้ง
ในเมื่อตอนนี้มีหนึ่งคนต้องการใช้มัน นั่นหมายความว่าในภายหน้าจะยิ่งมีคนอยากใช้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เซี่ยงเฉียนจิ้นมองเห็นถึงจุดนี้ดี
เขามอบลูกท้อแก่เรา เราตอบแทนเขาด้วยลูกลี้ เขาพูดอย่างห้าวหาญว่าจะทำชามกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งให้เจียงเสี่ยวไป๋ฟรีหนึ่งล็อต
“ไม่ครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปัด เขาพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ผมยกความคิดและโอกาสทางธุรกิจเกี่ยวกับชามกระดาษและแก้วกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งให้ผู้จัดการเซี่ยง แต่ผู้จัดการเซี่ยงเป็นคนของรัฐบาล จะทำผิดพลาดเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นหลังจากที่ผู้จัดการเซี่ยงคำนวณต้นทุนแล้ว ควรคิดราคาเท่าไรก็คิดเท่านั้นเถอะ”
เซี่ยงเฉียนจิ้นพยักหน้าเล็กน้อย แววตาที่มองไปยังเจียงเสี่ยวไป๋ดูเป็นประกายยิ่งขึ้น
คนแบบนี้คบได้
มีสมอง รู้จักรุกและถอย ไม่โลภเอาแต่ผลประโยชน์ และมีหลักการของตนเอง
“ฮ่าฮ่า……”
เซี่ยงเฉียนจิ้นลุกเดินไปหาเจียงเสี่ยวไป๋ ชายวัยกลางคนตบบ่าชายหนุ่มพลางพูดว่า “ฉันเรียกคุณว่าน้องชายแล้ว คุณก็อย่าเอาแต่เรียกฉันว่าผู้จัดการเซี่ยงเลย เพื่อไม่ถือเป็นการดูแคลนน้ำใจกัน เรียกฉันว่าพี่เถอะ”
“พี่เซี่ยง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไหลไปตามน้ำ เรียกเขาอย่างเป็นกันเอง
“ดี ดีมาก ! ”
เซี่ยงเฉียนจิ้นดีใจมาก เขาพูดต่ออีกว่า “ดูเหมือนน้องเจียงจะรีบใช้อยู่เหมือนกัน งั้นจัดการเรื่องนี้ให้น้องเจียงก่อน บอกขนาดและจำนวนมาได้เลย เดี๋ยวฉันจะทำให้ก่อน ถือเป็นการคำนวณระยะเวลาในการทำและต้นทุนไปในตัวด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขึ้นว่า “ยิ่งผลิตชามกระดาษแบบนี้ในปริมาณมากเท่าไรก็จะยิ่งทำให้ต้นทุนถูกลงไปมากเท่านั้น ในอนาคตพี่เซี่ยงสามารถผลิตชามกระดาษขายทั้งแบบธรรมดาและแบบสั่งทำได้”
แบบธรรมดา ?
แบบสั่งทำ ?
เซี่ยงเฉียนจิ้นตาเป็นประกายอีกครั้ง
เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่ออีกว่า “ที่ผมต้องการคือชามกระดาษแบบสั่งทำ ทำสัก 10,000 ใบก่อนแล้วกัน” หลังจากหยุดคิดไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดเสริมอีกว่า “จำนวนนี้ทั้งตรงตามความต้องการของผมในตอนนี้และยังสามารถช่วยพี่เซี่ยงคำนวณต้นทุนได้ด้วย”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
เซี่ยงเฉียนจิ้นตอบรับในทันที
“ส่วนแบบที่ผมสั่งทำนั้นง่ายมาก พี่เซี่ยงช่วยพิมพ์ข้อความบนชามทั้งสองด้านเป็นคำโฆษณาว่า ‘อร่อยไร้ขีดจำกัด’ และสโลแกนรับผิดชอบต่อสังคมอย่าง ‘รักษาสิ่งแวดล้อมคือหน้าที่ของทุกคน’ ให้ผมก็พอแล้ว”
“อืม สโลแกนใช้ตัวหนังสือเล็กหน่อยแล้วกัน ไม่อย่างนั้นจะมองไม่ออกว่าอะไรคือประเด็นหลัก”
“เข้าใจแล้ว ! ” เซี่ยงเฉียนจิ้นจดสิ่งที่เขาต้องการ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชายช่างมีความสามารถจริง ๆ แถมยังไม่ลืมที่จะรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย”
เป็นอันตกลงกันตามนี้
วันนี้เซี่ยงเฉียนจิ้นจึงให้พนักงานทำงานล่วงเวลา สามารถผลิตได้เท่าไร พรุ่งนี้ค่อยเอาไปให้เจียงเสี่ยวไป๋
ส่วนเรื่องการชำระเงินนั้น รอให้ทำได้ครบ 10,000 ชิ้นก่อนค่อยคำนวณต้นทุนและคิดราคา
สองฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนกันอย่างมีความสุขช
ก่อนจากไป เจียงเสี่ยวไป๋เอาบุหรี่จงฮั๋วอีกหนึ่งซองยัดใส่กระเป๋าเสื้อของเซี่ยงเฉียนจิ้นแทนคำขอบคุณ
เมื่อกลับมาถึงร้านน้ำชา หวังผิงเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋กลับมามือเปล่า จึงถามอย่างเป็นกังวลว่า “หาทางแก้ไม่ได้หรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “ฉันจัดการแล้ว แต่คงต้องรอวันพรุ่งนี้”
หวังผิงมองไปยังมันฝรั่งลูกเล็กที่แช่น้ำใสในอ่างพลาสติกใบใหญ่ แล้วพูดอย่างเป็นกังวลว่า “แล้วมันฝรั่งที่ปอกเสร็จแล้วล่ะ ? กว่าจะถึงพรุ่งนี้ก็คงเน่าเสียก่อน”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผัดออกมาขายก่อน อย่างมากวันนี้ก็แค่ยังไม่ให้ลูกค้าห่อกลับบ้าน ให้ลูกค้ากินที่ร้านนายก่อนนี่แหละ” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบ
หวังผิงพยักหน้า คงมีแค่ทางเดียวแล้วล่ะ
เจียงเสี่ยวไป๋ให้หวังผิงช่วยไปซื้อชามปากกว้างมา 10 ใบ วันนี้เขาจะใช้มันชั่วคราว หลังจากใส่ไฟในเตาแล้ว เขาก็เริ่มผัดมันฝรั่ง
ผัดมันฝรั่งทำง่ายมาก เพียงใส่น้ำมันลงในกระทะ ใส่มันฝรั่งลงไปในปริมาณที่เหมาะสมลง แล้วทอดด้วยไฟอ่อนจนผิวมันฝรั่งกลายเป็นสีเหลืองทอง
ขั้นตอนนี้ควรควบคุมไฟให้ดี ไฟไม่ควรแรงไป ไม่อย่างนั้นมันฝรั่งจะไหม้ได้ง่าย ค่อย ๆ ทอดไฟอ่อน พลิกกลับบ่อย ๆ เพื่อให้ความร้อนสม่ำเสมอ มันฝรั่งที่ทอดออกมาจะมีสีเหลืองทองสวย
ภายในสิบนาที มันฝรั่งทั้งหมดในกระทะจะเปลี่ยนเป็นสีทองส่งกลิ่นหอม ดูเหมือนถั่วทองเม็ดใหญ่
หวังผิงซื้อชามปากกว้างกลับมาแล้ว เฝิงเยี่ยนหงตามเขามาด้วยเช่นกัน
“น้องสะใภ้มาด้วยหรือ”
เจียงเสี่ยวไป๋เป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน
“ได้ยินหวังผิงบอกว่านายมาตั้งแผงขายอาหารที่นี่ ฉันเลยมาดูว่ากิจการของนายจะเป็นยังไงบ้าง” เฝิงเยี่ยนหงกล่าว
“เพิ่งผัดกระทะแรกเสร็จพอดี ยังไม่ได้ขายเลย อยากลองชิมไหม ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถาม
เช้าจนจะสายอยู่แล้วยังขายไม่ได้ เฝิงเยี่ยนหงที่ได้ยินดังนั้นกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
ผัดมันฝรั่งสามารถขายได้ด้วยหรือ ?
ขายไม่ได้ถือเป็นเรื่องปกติแล้ว
“ไม่นึกเลยว่ามันฝรั่งหัวเล็ก ๆ จะออกมาสวยขนาดนี้”
ดูมันฝรั่งลูกเล็กของเจียงเสี่ยวไป๋ที่ถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทองสวยงาม เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม
พูดแล้ว เธอก็หยิบเข้าปากไปชิ้นนึง มันกรอบนอกนุ่มใน รสชาติเหมือนกับผัดมันฝรั่งที่บ้านของเธอ
“แค่นี้หรือ ? ”
เฝิงเยี่ยนหงทำสีหน้าดูถูกขึ้นมาทันที มันฝรั่งของเจียงเสี่ยวไป๋แค่ดูดี แต่ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย
ถ้าขายได้ ฉันจะอ่านชื่อตัวเองแบบกลับหัวเลย
หวังผิงชิมไปหนึ่งชิ้นเช่นกัน เขามีความรู้สึกเดียวกัน ดังนั้นจึงเกิดความกังวลขึ้นมา
ธุรกิจขายผัดมันฝรั่งของเจียงเสี่ยวไป๋จะต้องพังไม่เป็นท่าแน่นอน
“ไม่ต้องรีบร้อน ฉันยังไม่ได้ปรุงรส”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นสีหน้าผิดหวังของทั้งสอง เขาจึงยิ้มบอก
“ห๊ะ ต้องปรุงรสด้วยหรือ ? ”
เฝิงเยี่ยนหงถามด้วยความสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋ล้างชามปากกว้างที่หวังผิงซื้อกลับมาในกะละมัง จากนั้นขอผ้าขนหนูสะอาดจากหวังผิงมาเช็ดชามให้แห้ง ใส่มันฝรั่งสีเหลืองทองลงในชาม
ชามหนึ่งใส่ได้ประมาณ 15 ชิ้น
เจียงเสี่ยวไป๋นับจำนวนอย่างเงียบ ๆ เพื่อคำนวณปริมาณแต่ละชาม
จากนั้น เขาก็นำเอาหม้อกระเบื้องเคลือบใบเล็กออกมา แล้วเทผัดมันฝรั่งในชามลงไป
นี่คือหม้อเคลือบที่เขาใช้สำหรับผสมส่วนผสมโดยเฉพาะ
มันไม่ง่ายเลยที่จะคนในชาม เพราะจะทำให้ส่วนผสมไม่ทั่วถึง ทั้งยังหลุดง่ายด้วย
ต่อมา เจียงเสี่ยวไป๋เอาสุดยอดซอสลับออกมา มันคือเครื่องปรุงที่เขาเตรียมไว้เมื่อวาน
ในยุคสมัยต่อมา มีคนเรียกวิธีนี้ว่าจุ่มซอส แต่เจียงเสี่ยวไป๋เรียกมันว่าการจุ่มซอสแห่งจิตวิญญาณ
วิธีการนี้ซับซ้อนมากและสัดส่วนของเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ก็มีความเฉพาะเจาะจงมากเช่นกัน
ซอสแห่งจิตวิญญาณของเจียงเสี่ยวไป๋คือการใช้พริกป่นทั้ง 3 ชนิด ผสมด้วยกระเทียม ขิงสับ ผงพริกฮวาเจียว ผงพริกไทย งาขาว เกลือและเครื่องเทศ 13 หอมผสมเข้าด้วยกัน เขาคิดค้นสูตรขึ้นมาเองโดยการตั้งน้ำมันงาในกระทะให้ร้อน จากนั้นแบ่งส่วนผสมใส่ลงไป 3 ครั้งในสัดส่วนที่เท่ากัน หลังจากเคี่ยวจนวัตถุดิบหลักส่งกลิ่นหอมออกมาแล้ว เขาจึงเติมน้ำตาลทรายขาว ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูหมักลงไปตามสัดส่วน คนให้เข้ากันเป็นอันเสร็จซอสสูตรลับของเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ตักซอสสูตรลับของเขาใส่ลงในหม้อเคลือบ แล้วใช้ตะเกียบคนมันฝรั่งแต่ละชิ้นให้คลุกซอสอย่างทั่วถึง จากนั้นใส่เส้นหัวไชเท้าดองผัดที่เตรียมไว้เมื่อวานลงไป ผัดมันฝรั่งสูตรลับของเขาเป็นอันเสร็จสมบูรณ์พร้อมยกเสิร์ฟ
เขาตักใส่ชามอีกครั้ง แล้วโรยหน้าด้วยผักชีและต้นหอมซอยเล็กน้อย
“เสร็จแล้ว เยี่ยนหง เธอลองชิมดูสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นผัดมันฝรั่งที่ทำเสร็จแล้วให้เฝิงเยี่ยนหงแล้วกล่าวเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม
“ลองก็ลอง”
เฝิงเยี่ยนหงรับชามมาอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็ใช้นิ้วหยิบมันเข้าปากไปหนึ่งชิ้น
“อ๊ะ……”
เฝิงเยี่ยนหงอุทานออกมา
ทั้งที่มันคือผัดมันฝรั่งที่ดูจะธรรมดาทั่วไป แต่รสชาติของมันในขณะนี้กลับกลายเป็นผัดมันฝรั่งที่อร่อยที่สุดไปแล้ว
เธอไม่เคยกินผัดมันฝรั่งที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย
ไม่สิ !
เธอไม่เคยกินของที่อร่อยแบบนี้มาก่อนต่างหากล่ะ !
“นี่มันจะอร่อยเกินไปแล้ว ! ”
เฝิงเยี่ยนหงพูดอย่างเหลือเชื่อและหยิบมันฝรั่งอีกชิ้นเข้าปากทันที
นี่มันอะไรกัน ?
ภรรยาของเขายังเอ่ยปากชมว่าอร่อย หวังผิงจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบเข้าปากเช่นกัน
ครู่ต่อมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ผัดมันฝรั่งที่เขากำลังเคี้ยวอยู่นั้นทั้งเผ็ดทั้งหอมเครื่องเทศ รสชาติอร่อยเข้มข้น เขาไม่รู้จะบรรยายอย่างไร นอกจากบอกได้เพียงคำเดียวว่า “เด็ด ! ”
ทั้งสองแย่งกันกินผัดมันฝรั่งในชามจนเกลี้ยงภายในระยะเวลาแสนสั้น
“อร่อย”
“อร่อยมากจริง ๆ ”
“ขออีกชาม”