ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 29 : เขาคือลูกพี่ลูกน้องคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม ?
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 29 : เขาคือลูกพี่ลูกน้องคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม ?
ตอนที่ 29 : เขาคือลูกพี่ลูกน้องคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม ?
“พระเจ้า อะไรจะอร่อยขนาดนี้ ! ”
หลังจากที่ทั้งสี่คนกินผัดมันฝรั่งในร้านน้ำชาแล้ว หญิงสาวในชุดกระโปรงลายดอกถึงกับอุทานออกมาอย่างตกตะลึง
“อร่อยจริง ๆ ! ”
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นกลางหน้าผากของชายหนุ่มผู้สวมแว่นตา เขาเป่าปากไล่ความเผ็ดออกมา “เถ้าแก่ เอาน้ำมาแก้วนึง”
“เถ้าแก่ ฉันขอน้ำแก้วนึงเหมือนกัน”
“ผมด้วย”
อีกสามคนต่างตะโกนขอน้ำ
ผัดมันฝรั่งนี้มันอร่อยมากจริง ๆ แต่มันเผ็ดไปหน่อย
แต่มันคือรสเผ็ดที่มาพร้อมความอร่อยอย่างน่าทึ่ง ยิ่งเผ็ด พวกเขาก็ยิ่งอยากกินมากขึ้น
“ต้องขอโทษลูกค้าด้วยนะคะ ร้านของเราเป็นโรงน้ำชา ไม่ได้เตรียมน้ำเปล่าไว้ หากพวกคุณอยากดื่มน้ำก็สั่งชาสักแก้วสิ”
หวังผิงกำลังจะเทน้ำให้ลูกค้าทั้งสี่คน ทว่าเฝิงเยี่ยนหงรีบยั้งมือเขาไว้ เธอเดินฉับ ๆ ไปที่โต๊ะสำหรับสี่คนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ชาก็ได้ เร็วเข้า พวกเราขอคนละแก้ว”
ชายผู้สวมแว่นตาพูดอย่างหมดความอดทน
“ชาเขียวเฉ่าชิงคั่วแก้วละ 8 เจี่ยว ชามะลิแก้วละ 1 เหมา ชาเขียวเหมาเฟิงราคา 1.2 เหมา ชาหลงจิ่งแก้วละ 1.5 เหมา ไม่ทราบว่าจะรับแบบไหนดี ? ”
“ฉันขอชามะลิ”
“ผมขอชาเขียวเหมาเฟิง”
“……”
ผลปรากฏว่าหญิงสาวทั้งสองคนต่างสั่งชามะลิ ส่วนชายหนุ่มทั้งสองสั่งชาเขียวเหมาเฟิง เฝิงเยี่ยนหงจึงชงชาให้พวกเขาด้วยรอยยิ้มชื่นมื่น
“แบบนี้ก็ได้หรือ ? ”
หวังผิงมองภรรยาตนเองด้วยความตกตะลึง เขาคิดว่าภรรยาใช้โอกาสได้ถูกช่วงพอดี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้นก็คือมีลูกค้ามาที่ร้านน้ำชาของเขาเพื่อกินผัดมันฝรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ จนโต๊ะรับรองลูกค้าของร้านน้ำชาได้กลายเป็นโต๊ะอาหารไปเรียบร้อยแล้ว
และลูกค้าส่วนใหญ่ต่างต้องการสั่งชาหลังจากกินผัดมันฝรั่งของเจียงเสี่ยวไป๋
ชามปากกว้างที่ซื้อมาประเดิม 10 ใบเริ่มไม่พอใช้แล้ว พอชามถูกใช้ไปหนึ่งใบ เฝิงเยี่ยนหงก็จะรีบไปล้างชามที่ลูกค้ากินเสร็จแล้วและเช็ดให้จนสะอาด จากนั้นก็นำมาเวียนใช้ต่อ
ทว่า ด้านหน้าแผงขายผัดมันฝรั่งของเจียงเสี่ยวไป๋มีคนมาต่อแถวรอซื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“หวังผิง คุณรีบไปซื้อชามปากกว้างมา 30 ใบ แล้วก็ตะเกียบอีก 4 มัด”
เฝิงเยี่ยนหงเห็นภาพแบบนี้ก็รู้สึกตื่นเต้น คราวนี้เธอไม่ปรึกษาเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว แต่เป็นฝ่ายสั่งให้สามีของตนเองไปซื้อของมา
เธอยังทิ้งท้ายอีกว่า “เดี๋ยวฉันจะไปช่วยเจียงเสี่ยวไป๋ปอกเปลือกและขูดมันฝรั่ง ฉันคิดว่าที่พวกคุณช่วยกันเตรียมก่อนหน้านี้น่าจะหมดในไม่ช้าแล้ว”
ภรรยาของเขาพูดดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ?
หวังผิงอ้าปากค้างอีกครั้ง เขารู้สึกทึ่งมาก
รอจนกระทั่งหวังผิงซื้อชามและตะเกียบกลับมาแล้ว สถานการณ์ถึงได้ดีขึ้นมาหน่อย ทว่าเจียงเสี่ยวไป๋ หวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงต่างยุ่งมาก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขายผัดมันฝรั่งของเจียงเสี่ยวไป๋หรือว่ากิจการร้านน้ำชาของหวังผิงต่างก็ดูเฟื่องฟูต่างไปจากเดิมมาก
พวกเขาขายดีไปจนถึงบ่ายสามกว่า จนในที่สุด มันฝรั่งลูกเล็กที่เจียงเสี่ยวไป๋ขนมาจากบ้าน 2 กระสอบได้ถูกขายจนหมดเกลี้ยงแล้ว
“ทำไมถึงหมดแล้วล่ะ ? ”
“เถ้าแก่ อย่างน้อยก็ควรเตรียมมันฝรั่งมาขายเยอะ ๆ หน่อยสิ”
“ใช่แล้ว ฉันรอเป็นสิบนาทีก็ยังซื้อไม่ได้เลย”
“เถ้าแก่ พรุ่งนี้ยังมาเปิดขายอยู่ไหม ? ”
“เถ้าแก่ พรุ่งนี้เปิดร้านกี่โมงหรือ ? ”
“……”
คนท้ายแถวซื้อไม่ได้ก็เริ่มบ่นอย่างไม่พอใจ
“พรุ่งนี้เริ่มขายตอน 10 โมงเช้า ฉันจะเตรียมมาเยอะ ๆ อย่างแน่นอน วันนี้ใครที่มาต่อแถวแต่ซื้อไม่ทันให้ลงชื่อไว้ พรุ่งนี้ฉันจะให้กินฟรีคนละชามไปเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายให้คนเหล่านี้ฟังขณะตัดสินใจ
“จริงหรือ ? ”
“ดีเลย ! ”
“เถ้าแก่ใจดีมาก ! ”
“……”
คราวนี้ เหล่าลูกค้าที่ตั้งใจมาต่อแถวแต่ซื้อไม่ทันต่างพากันยิ้มอย่างมีความสุข ความไม่พอใจเลือนหายไปจากใบหน้าของพวกเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ขอกระดาษและปากกาจากหวังผิง เขาทำบัตรกำนัลที่เขียนด้วยลายมือของตนเองและมอบให้ลูกค้ากลุ่มนี้คนละหนึ่งใบ
ลูกค้ากลุ่มนี้รับบัตรกำนัลแล้วพากันจากไปอย่างมีความสุข
“พี่เจียง คิดไม่ถึงเลยว่าธุรกิจขายผัดมันฝรั่งของพี่จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าขนาดนี้”
เฝิงเยี่ยนหงพูดอย่างเขินอายขณะช่วยเก็บแผงขายของ
“วันนี้ต้องขอบคุณน้องสะใภ้จริง ๆ ที่มาช่วยขาย ไม่อย่างนั้นฉันคงหยิบจับอะไรไม่ทันแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะแล้วพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไร ช่วยพี่เจียงขายของก็ถือว่าได้ดึงลูกค้าเข้าร้านน้ำชาเหมือนกัน จะว่าไปวันนี้ต้องขอบคุณพี่เจียงมากจริง ๆ ” เฝิงเยี่ยนหงพูด
“ใช่แล้ว วันนี้เราอาศัยดึงลูกค้าของนายมา ถึงทำให้ร้านน้ำชาขายดีได้ขนาดนี้”
หวังผิงพูดจากใจจริง
ทั้งสามคนพูดคุยหัวเราะกันพร้อมกับเก็บแผงไปด้วย ไม่นาน แผงก็ถูกเก็บอย่างสะอาดสะอ้าน จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋และหวังผิงต่างก็มานั่งนับรายได้ของตน
“มันฝรั่งที่ฉันขนมาด้วยน่าจะหนักประมาณ 170 ชั่ง วันนี้ขายไปได้ 283 ชาม รวมแล้วได้เงิน 84.9 หยวน”
เจียงเสี่ยวไป๋ลองคำนวณดู ชามปากกว้างหนึ่งใบใช้มันฝรั่งประมาณ 6 เหลียง
แน่นอนว่าน้ำหนักนี้รวมถึงเปลือกที่ถูกปอกออกไปด้วย
ต้องรู้ว่าเขาซื้อมันฝรั่งลูกเล็กมาในราคาชั่งละ 5 หลีเท่านั้น
ต่อให้น้ำหนักมากถึง 170 ชั่ง แต่เขาก็จ่ายต้นทุนค่ามันฝรั่งไปแค่ 8.5 เจี่ยว
ทว่าเขากลับขายได้เงินมากถึง 84.9 หยวน นี่มันเกือบ 100 เท่าเชียวนะ!
แน่นอนว่านี่ยังไม่ได้หักต้นทุนค่าซอสสูตรลับของเจียงเสี่ยวไป๋ แต่เท่าที่ขายในวันนี้ เขาน่าจะใช้เครื่องเทศหมดไปราว 2-3 หยวนได้
ถ้านับเป็นเลขกลม ๆ เท่ากับว่าวันนี้เขาทำเงินได้มากถึง 80 หยวนเชียวนะ
“วันนี้ฉันขายน้ำชาได้ทั้งหมด 23.7 หยวน”
หวังผิงที่ใช้ลูกคิดคำนวณรายได้วันนี้ก็แทบช็อก
“เยอะขนาดนี้เชียวหรือ ? ”
เฝิงเยี่ยนหงดีใจมาก เพราะการขายน้ำชาให้กำไรสูงเช่นกัน วันนี้ร้านของเธอขายน้ำชาได้เงินมากถึง 23.7 หยวน คิดเป็นกำไรได้เกือบ 20 หยวนเลย
ต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมา ร้านน้ำชาของเธอทำกำไรได้เดือนละแค่ 20-30 หยวนเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้วันเดียวจะทำเงินได้เท่าผลกำไรตลอดทั้งเดือนของร้าน !
แววตาที่เฝิงเยี่ยนหงมองไปยังเจียงเสี่ยวไป๋ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ถ้าเจียงเสี่ยวไป๋มาขายผัดมันฝรั่งแบบนี้ทุกวัน ถ้าอย่างนั้นร้านน้ำชาของเธอก็จะมีรายได้วันละ 20 หยวนใช่ไหม ?
ไม่สิ!
วันนี้เป็นเพราะมันฝรั่งลูกเล็กที่เจียงเสี่ยวไป๋เตรียมมาถูกใช้หมดแล้ว หากเขาเตรียมมันฝรั่งไว้มากพอ เขาก็จะสามารถขายได้ถึงช่วงเย็น และนั่นมันจะไม่ใช่กำไรแค่ 20-30 หยวนแล้วใช่ไหม ?
นึกถึงตรงนี้ เฝิงเยี่ยนหงก็ตกตะลึงจนกรามค้าง
เธอหันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋อีกครั้ง นี่มันลูกพี่ลูกน้องของสามีที่ไหน เขาคือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งชัด ๆ
“หวังผิง คุณไปซื้อเนื้อมาสัก 2-3 ชั่งแล้วก็ซื้อไก่มา 1 ตัว วันนี้ตอนบ่ายเรียกพี่ชายของคุณมากินข้าวที่บ้านด้วย” เฝิงเยี่ยนหงหันไปกำชับหวังผิงอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ได้หลบเลี่ยงเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ
“ฉันคงไม่อยู่กินข้าวแล้วล่ะ ตอนบ่ายต้องกลับไปเตรียมมันฝรั่ง ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้จะไม่ทันขาย”
เรื่องนี้……
เฝิงเยี่ยนหงเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว
เธออยากชวนเจียงเสี่ยวไป๋ให้อยู่กินข้าวที่บ้านด้วยจริง ๆ
แต่ว่าที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดมาก็มีเหตุผล ถ้าเขาไม่กลับไปเตรียมมันฝรั่ง พรุ่งนี้เขาก็จะเปิดร้านขายไม่ได้
เธอยังอยากร่ำรวยไปพร้อมกับเจียงเสี่ยวไป๋อยู่นะ
“งั้น……ก็ได้ วันนี้พี่เจียงกลับไปเตรียมมาเยอะ ๆ หน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้, พรุ่งนี้จะต้องมากินข้าวที่บ้านเรานะ ฉันจะทำอาหารให้ พวกพี่จะได้ดื่มกันสักหน่อย”
“ได้สิ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าเห็นด้วย ระหว่างนี้เขานับเงินได้ 30 หยวนแล้ว
ดูเหมือนว่าเงินที่เขานับจะมีแต่เงินเหรียญทั้งหมด ดังนั้นเงิน 30 หยวนรอบนี้จึงดูกองใหญ่มาก
เขาส่งให้หวังผิงแล้วพูดว่า “นี่คือค่าเช่าพื้นที่หน้าร้านเดือนละ 30 หยวนอย่างที่เราตกลงกันไว้”
หา ?
หวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงต่างตกตะลึง
“พี่น้องกันทั้งนั้น นายไม่ต้องให้หรอก”
หวังผิงปฏิเสธที่จะรับ
“ใช่แล้ว อย่าว่าแต่ที่ร้านของพี่เจียงตั้งอยู่ด้านนอกร้านน้ำชาเลย บริเวณนั้นไม่ได้มีมูลค่ามากถึงขั้นต้องเก็บค่าเช่าเดือนละ 30 หยวน ต่อให้พี่เจียงมาทำการค้าตรงนี้ แต่ก็เป็นการดึงลูกค้ามาให้ร้านน้ำชาของพวกฉันเหมือนกัน พวกฉันจะกล้ารับเงินไว้ได้อย่างไร”
เฝิงเยี่ยนหงมองเงิน 30 หยวนนั้น แม้ว่าเธอจะอยากได้ แต่เธอก็ยังคงพูดไปแบบนั้น
“พูดคำไหนคำนั้น ฉันบอกแล้วว่าจะให้ค่าเช่าที่เดือนละ 30 หยวนก็คือ 30 หยวน”
เจียงเสี่ยวไป๋ดึงมือใหญ่ของหวังผิงมา แล้วยัดเงินทั้งหมดใส่มือของเขา
หวังผิงกำเงินค่าเช่าอย่างงุ่มง่าม ไม่รู้จะทำอย่างไร
“ส่วนนี่คือเงินที่ยืมนายเมื่อเช้า”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดแล้วก็นับเงินให้หวังผิงไป 5 หยวน
นี่ยังไม่หมดอีกหรือ เจียงเสี่ยวไป๋นับเงินให้เฝิงเยี่ยนหงอีก 3 หยวนแล้วพูดว่า “น้องสะใภ้ วันนี้ลำบากให้เธอมาช่วยกัน นี่คือเงินค่าจ้าง”
ห๊ะ ?
“ไม่ได้ ! ไม่ได้ ! ”
เฝิงเยี่ยนหงไม่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะให้เงินค่าจ้างแก่เธอด้วย เธอจึงรีบปฏิเสธ “เราเป็นญาติกัน ฉันแค่ช่วยนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น จะรับค่าจ้างได้อย่างไร ? ไม่ได้เด็ดขาด”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขึ้นว่า: “มีใครเขาใช้แรงงานคนอื่นฟรีๆ นี่มันเงินที่ฉันได้มาจากการขายของ รับไปเถอะ”
พูดแล้ว เขาก็นำเงิน 3 หยวนยัดใส่มือของเฝิงเยี่ยนหง
“แต่……ที่ให้มามันเยอะไปหน่อยไหม ? ”
เฝิงเยี่ยนหงมองเงิน 3 หยวนในมือ เธอทั้งดีใจและไม่กล้ารับไว้ในคราวเดียวกัน
“ถ้าน้องสะใภ้ว่างไม่มีอะไรทำก็มาช่วยฉันขายของเถอะ ฉันจะให้เงินเดือนละ 100 หยวน จะได้ไม่ต้องให้รายวันแบบนี้แล้ว”
“100 หยวน ! ”
เฝิงเยี่ยนหงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
นั่นมันเท่ากับรายได้ 4 เดือนของร้านน้ำชาเมื่อก่อนเลยนะ
“ถ้าเธอไม่รับเงิน 3 หยวนนี้ ต่อไปฉันคงไม่กล้าให้เธอมาช่วยแล้ว” เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเอา ! ฉันเอา ! ”
“ต่อไปนี้ฉันจะมาช่วยทุกวันเลย”
เฝิงเยี่ยนหงดีใจมากจริงๆ หญิงสาวรีบเก็บเงิน 3 หยวนนั้นแล้วพูดอย่างมีความสุข