ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 30 :มีเงินแล้วชอบปิดบัง
ตอนที่ 30 :มีเงินแล้วชอบปิดบัง
เมื่อวานที่เจียงเสี่ยวไป๋ปั่นจักรยานของหวังผิงกลับบ้าน ตอนนั้นเฝิงเยี่ยนหงบ่นหวังผิงไปชุดใหญ่
แต่วันนี้ เฝิงเยี่ยนหงเป็นฝ่ายเอ่ยปากให้เจียงเสี่ยวไป๋ปั่นจักรยานของพวกเขากลับบ้าน
เจียงเสี่ยวไป๋ไปซื้อเนื้อหมูและกระดูกหมู จากนั้นซื้อข้าวสาร 10 ชั่ง แป้งหมี่ 10 ชั่งแล้วถึงกลับบ้าน
ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ชาวบ้านหลายคนต่างก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านแล้ว
เลี่ยวจวี๋จือ สะใภ้ใหญ่ของครอบครัวหูพูดเหน็บแนมขึ้นว่า “นักเลงอย่างเขาไปเอาเงินจากไหนมาซื้อเนื้อกินทุกวัน ? ”
จางไห่เยี่ยน สะใภ้ของตระกูลหลิวพูดถากถางต่อ “คงเล่นไพ่ชนะมานั่นแหละ”
เจียงไห่ชวน “ไอ้เด็กคนนี้ ใครจะไปรู้ว่าวัน ๆ หนึ่งเขาไปทำอะไรมาบ้าง ? พอถึงตอนนั้นอย่ามาทำให้เจียอินและชานชานลำบากก็แล้วกัน”
เจียงเสี่ยวซิน “ฉันว่าคุณประเมินคนอื่นต่ำเกินไปแล้ว ทนเห็นคนอื่นเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีไม่ได้หรือไง เขาไม่ได้ขโมย ไม่ได้ปล้นใครและก็ไม่ได้ไปยืมเงินจากคุณเสียหน่อย”
หยางหงเหม่ย หลานสาวครอบครัวหยางพูดขึ้นว่า “หม่าม๊า หนูอยากกินเนื้อเหมือนกัน”
“……”
เมื่อเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋ซื้อเนื้อกลับมาอีกแล้ว หลายคนต่างพากันซุบซิบนินทาไปต่าง ๆ นานา
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินเสียงนินทาเหล่านั้น แต่เขาไม่สนใจ
ผู้คนในยุคสมัยนี้ต่างก็เป็นแบบนี้เอง พวกเขาชอบนินทาคนอื่นลับหลัง แต่อันที่จริงพวกเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
ที่พวกเขาเป็นแบบนี้เพราะความจนเป็นต้นเหตุ……
“ป่าป๊ากลับมาแล้ว”
จักรยานของเจียงเสี่ยวไป๋เพิ่งมาถึงลานริมร่องน้ำ เจียงชานที่อยู่ในห้องโถงก็วิ่งออกมาโห่ร้องด้วยความดีใจ
เด็กน้อยที่ตามเจียงชานออกมาคือเจียงถิง
แต่เมื่อหนูน้อยเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงถิงหยุดอยู่บนขั้นบันไดอย่างหวั่น ๆ และไม่ส่งเสียงใด
“ชานชานคิดถึงพ่อไหม ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามลูกสาวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“คิดถึงค่ะ ! ”
หนูน้อยพูดแล้ววิ่งไปที่ข้างรถจักรยาน “ป่าป๊าซื้อหมูกลับมาอีกแล้ว เย็นนี้จะได้กินหมูตุ๋นน้ำแดงอีกใช่ไหม ? ”
“ตอนเย็นพ่อจะห่อเกี๊ยวให้ชานชานกิน จากนั้นเราก็จะให้ปู่ ย่า อาสอง อาสะใภ้ อาเล็กและคนอื่น ๆ มากินด้วยกัน ดีไหม ? ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม
“ได้ค่ะ”
หนูน้อยปรบมืออย่างมีความสุข: “แล้วก็น้องถิงถิงด้วย”
“ใช่ แล้วก็ถิงถิงด้วย” เจียงเสี่ยวไป๋ชมลูกสาวและหันไปพูดกับเจียงถิง “ถิงถิง เย็นนี้มากินเกี๊ยวกับพี่ชานชานดีไหม ? ”
กินเกี๊ยวงั้นหรือ ?
เจียงถิงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
แต่ไม่นาน หนูน้อยก็สะบัดหน้าวิ่งหนีออกไป “หนูไม่กินข้าวที่บ้านลุงนิสัยไม่ดีหรอก”
เอ่อ……
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกละอายใจอยู่พักหนึ่ง แม้แต่หลานสาวยังเรียกเขาว่าลุงนิสัยไม่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าเมื่อก่อนเขาทำตัวเหลวแหลกแค่ไหน
“ทำไมถิงถิงถึงไปแล้วล่ะ ? ”
เมื่อเห็นว่าเจียงถิงวิ่งกลับบ้านไป หนูน้อยก็มีสีหน้าผิดหวังขึ้นมาทันที
เจียงถิงเด็กกว่าเธอประมาณครึ่งขวบ เด็กน้อยทั้งสองอายุไล่เลี่ยกันและมักจะเล่นด้วยกันเสมอ พวกเธอเป็นทั้งพี่สาวน้องสาวและเพื่อนสนิทกัน
“ลูกก็ไปเล่นกับเจียงถิงสิ แล้วฝากบอกปู่ด้วยว่าอีกเดี๋ยวพ่อจะไปหาปู่”
เจียงเสี่ยวไป๋ลูบหัวลูกสาวด้วยความรัก
“ได้ค่ะ”
เจียงชานวิ่งออกไปบ้านปู่แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋จึงนำเนื้อสัตว์ ข้าวและแป้งที่ซื้อมาไปที่ห้องโถงกลางและวางของทั้งหมดไว้บนโต๊ะไม้แปดเซียน
“ทำไมคุณถึงซื้อของกลับมาอีกแล้วล่ะ ? ”
ตอนนี้หลินเจียอินเห็นของที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อกลับมาก็รู้สึกปวดหัว ทำไมเขาถึงไม่รู้จักประหยัดบ้างนะ
เอ๋ ไม่ใช่สิ !
เมื่อเช้าเราไม่ได้ให้เงินเขาไปนี่ ?
“คุณขายผัดมันฝรั่งได้แล้วหรือ ? ”
หลินเจียอินถามอย่างไม่เชื่อ
“ใช่ ผมขายได้แล้ว”
ตอนแรกเจียงเสี่ยวไป๋อยากจะแกล้งหยอกเมียรักเสียหน่อย เขากะว่าจะบอกเธอว่าเขาขายไม่ได้ ทำให้เธอร้อนใจเล่น ๆ แต่พอมาคิดอีกที ตอนนี้เมียรักกำลังตั้งแง่ใส่เขา หากเขาทำให้เธอโมโหขึ้นมา อย่าหวังเลยว่าจะได้ร่วมหลับนอนกับเธอน่ะ
อืม เขาเฝ้ารอที่จะได้ร่วมหลับนอนกับเธอมานานแล้ว
ดังนั้น เขาจะต้องเชื่อฟังคำเมียและพูดความจริงกับเธอในทุกเรื่อง
ขณะเดียวกัน เขาได้ควักเงินเหรียญจำนวนมากออกมามอบให้หลินเจียอิน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมียจ๋า นี่คือเงินที่ผมหามาได้ ผมให้คุณหมดเลย”
“ได้เยอะขนาดนี้เชียว ? ”
หลินเจียอินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
ในบรรดาเงินเหรียญกองใหญ่นี้ แม้ว่าเหรียญที่มีค่ามากที่สุดจะเป็นเหรียญ 1 หยวน แต่ก็ยังมีเหรียญ 5 เหมา, 2 เหมาและ 1 เหมาอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเหรียญ 5 เจี่ยว 2 เจี่ยวและ 1 เจี่ยวอีกไม่น้อย หากนับรวมกันแล้ว น่าจะมีอยู่หลายสิบหยวนเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีเงินหลีอีกหลายพวง นับดูแล้วก็น่าจะรวมได้หลายหยวนเหมือนกัน
หลินเจียอินเริ่มนับเงินอย่างมีความสุข
เงินทั้งหมดนี้มีมากถึง 36.3 หยวน
“วันเดียวคุณขายได้ 30 กว่าหยวนเลยหรือ ? ”
แม้ว่าหลินเจียอินจะมีเงินอยู่ในมือ แต่เธอก็ยังคงรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ความจริง ทั้งที่เขาขายผัดมันฝรั่ง แต่วันเดียวกลับทำเงินได้มากขนาดนี้เลยหรือนี่ ?
เงินมันหาง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ
“ผมใช้เงินไป 4 หยวนเพื่อซื้อบุหรี่ 2 ซองสำหรับจัดการธุระ”
“อีกอย่างผมใช้พื้นที่หน้าร้านน้ำชาของหวังผิงตั้งแผงขายของ ผมบอกจะให้ค่าเช่าเขาเดือนละ 30 หยวน ตอนนี้ผมจ่ายให้เขาไปหมดแล้ว”
“เฝิงเยี่ยนหงช่วยผมขายของตั้งแต่เปิดร้านจนปิดร้าน ผมเลยให้เงินเธอ 3 หยวนเป็นค่าตอบแทน”
“อ้อ จริงสิ ผมบอกเธอไปแล้วว่าต่อไปนี้ให้เธอมาช่วยงานผม แล้วผมจะจ่ายค่าจ้างให้เธอเดือนละ 100 หยวน”
หลังจากหัวเราะแล้ว เขาก็พูดต่อ: “จากนั้น ผมได้ซื้อเนื้อติดมันไป 4 ชั่งเป็นเงิน 5.2 หยวน ซื้อเนื้อแดงไป 3 ชั่งเป็นเงิน 3.3 หยวน ซื้อกระดูกหมูไป 9 เหมา ซื้อข้าวสารและแป้งไป 2.2 หยวน”
เจียงเสี่ยวไป๋ร่ายรายการที่เขาใช้จ่ายเงินให้เธอฟังทั้งหมด
“งั้นก็หมายความว่าคุณขายของได้เงินมาทั้งหมด 84.9 หยวนเลยหรือ ! ”
หลินเจียอินโพล่งผลประกอบการในวันนี้ของเจียงเสี่ยวไป๋ออกมาแทบจะทันที
“เมียเก่งมากเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ชมอย่างอดไม่ได้ ในชาติที่แล้วเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเมียของเขาจัดการบัญชีเก่งมาก เธอคำนวณได้เร็วกว่าเขาเสียอีก
ถูกเจียงเสี่ยวไป๋เรียกว่าเมียไม่พอ ยังถูกชมต่อหน้าต่อตาอีก หลินเจียอินหน้าแดงแดงก่ำทันที เธอดึงมุมเสื้อผ้าของเธออย่างเขินอาย
เธอเงยหน้าขึ้นมองเจียงเสี่ยวไป๋ ในใจพูดว่า: คุณต่างหากที่เก่ง
เมื่อวานเขาซื้อมันฝรั่งลูกเล็กจำนวน 340 ชั่งในราคาแค่ 1.7 หยวน วันนี้เขาลากมันเข้าเมืองไปครึ่งนึง แต่ขายได้เงินกลับมา 84.9 หยวน
ผลกำไรเกือบ 100 เท่าเลยนะ
เดิมทีเธอคิดว่าผัดมันฝรั่งของเจียงเสี่ยวไป๋อาจขายไม่ได้เลย เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะขายได้เงินมากขนาดนี้
หากสามารถหาเงินได้มากขนาดนี้ในทุกวัน มีหวังครอบครัวของพวกเธอคงมีรายได้เป็นหมื่นหยวนในระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือน
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
“คุณขายยังไงถึงได้เงินเยอะขนาดนี้ ? ”
หลินเจียอินอดที่จะถามไม่ได้
“วันนี้มันฝรั่งที่ผมขนเข้าเมืองขายหมดไปแล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงขายได้เงินเยอะกว่านี้” เจียงเสี่ยวไป๋พูดโม้ พร้อมกับทำสีหน้าเหมือนอยากให้เมียชมว่าตัวเองเก่ง
หลินเจียอินมองค้อนเขา ในเมื่อไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด มีอะไรที่ต้องปิดบังกัน อย่างมากพรุ่งนี้ฉันก็แค่เข้าเมืองไปกับคุณเพื่อดูให้เห็นกับตาก็ได้แล้ว
เมื่อเห็นว่าเมียโกรธแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่กล้าแหย่เธอเล่นอีก เขาจึงรีบบอกเรื่องซอสสูตรลับของเขาทันที
“งั้นเย็นนี้คุณทำให้ฉันกินหน่อยสิ”
หลินเจียอินได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋บรรยายก็เกิดความรู้สึกอยากกิน เธอจะต้องชิมผัดมันฝรั่งคลุกซอสสูตรลับที่เขาพูดถึงให้ได้ จะได้รู้ว่ามันอร่อยอย่างที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดเอาไว้หรือเปล่า
“ครับผม”
ในเมื่อเมียขอมาแบบนี้ เขาต้องทำให้เธอสมอารมณ์หมาย
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบรับ เขาผงกหัวรับคำเหมือนไก่จิกข้าวเปลือก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”
หลินเจียอินทำเป็นบ่นเขา แล้วหันหลังเตรียมจะเข้าห้องไปซ่อนเงิน
เจียงเสี่ยวไป๋รีบตะโกนบอกเธอ “เมียจ๋า อย่าเพิ่งเอาเงินไปซ่อนเลย คุณช่วยไปถามบ้านลุงสามให้ผมทีว่าพวกเขามีมันฝรั่งลูกเล็กขายหรือเปล่า ถ้าเขาขายก็ซื้อกลับมา”
พูดจบ เขาก็พูดต่ออีกว่า “เดี๋ยวผมจะไปบ้านพ่อกับแม่สักหน่อย พอดีมีธุระจะให้พวกเขาช่วย จะได้ถือโอกาสเรียกพวกเขามากินข้าวเย็นด้วยกัน”
“อืม ! ”
เขาขายผัดมันฝรั่งได้เงินมาเยอะขนาดนี้ หลินเจียอินย่อมไม่ปฏิเสธ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังนำเงินก้อนใหญ่ไปซ่อนในห้องอยู่ดี ส่วนเธอพกเงินติดตัวแค่ 3-4 หยวน แล้วไปที่บ้านของเจียงไห่โป