ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 302 :ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดคุยกับพ่อตา
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 302 :ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดคุยกับพ่อตา
ตอนที่ 302 :ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดคุยกับพ่อตา
เมื่อเขามาถึงทางเข้าที่ว่าการอำเภอเจี้ยนหยาง จู้ตงเฟิงและชายทั้งสี่ของเขาก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋จอดรถและพูดคุยสองสามคำกับทั้งห้าคน จากนั้นเขาก็ไปที่ห้องทำงานของหลินต้าเหว่ย
“พี่เจียง คุณมาแล้ว ตอนนี้นายอำเภอหลินกำลังประชุมกับรองนายอำเภอหลี่อยู่ พี่นั่งรอสักครู่นะ”
หลี่ซิ่งฮวาทักทายอย่างอบอุ่น เมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋ขอบคุณเขาและนั่งลง หลี่ซิ่งฮวาชงชาแล้วยื่นให้เขา “พี่เจียง คุณซื้อรถบรรทุกในนามของโรงงานเมล็ดแตงโม 5 คัน คุณยังต้องการคนขับรถด้วยหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ฟังแบบนั้นก็ดีใจมาก ตอนนี้เขากำลังกังวลว่าจะมีคนขับไม่พอ ดังนั้นเขาจึงตอบทันทีว่า “ต้องการสิ คุณมีญาติคนไหนแนะนำบ้างไหม ? ”
หลี่ซิ่งฮวากล่าวว่า “น้องชายของผมเอง เขาชื่อหลี่ซิ่งเซี่ย ขับรถได้ ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถเรียกให้เขามาพบคุณได้”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ให้มาทำงานกับฉันไม่ใช่ปัญหา แต่พนักงานขับรถที่ฉันรับสมัครจะต้องวิ่งรถทางไกล พวกเขาไม่สามารถกลับบ้านได้ทุกวันนะ”
“ไม่มีปัญหา ! ”
หลี่ซิ่งฮวาตอบกลับอย่างกระตือรือร้นว่า “น้องชายของผมเป็นชายโสด เขาสามารถอยู่ไกลบ้านนาน ๆ ได้”
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นให้เขาเริ่มงานบ่ายวันนี้ได้เลย ให้เขาขับรถบรรทุกกลับไปที่ชิงโจว”
“บ่ายนี้จะไปชิงโจวหรือ ? ” หลี่ซิ่งฮวารู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “พี่เจียง ทำไมถึงขับไปที่ชิงโจวล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบว่า “ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ แต่เมื่อฉันได้พบกับนายอำเภอหลิน เดี๋ยวคุณก็จะเข้าใจเอง”
“ครับ ! ”
หลี่ซิ่งฮวาไม่ได้ถามเซ้าซี้ต่อ เขากล่าวว่า “เดี๋ยวผมจะไปแจ้งให้นายอำเภอหลินทราบ แล้วตอนที่พวกคุณพูดคุยกัน ผมจะกลับบ้านไปบอกซิ่งเซี่ยมา”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวเสริมว่า “ให้เขานำของใช้จำเป็นส่วนตัวติดมาด้วย ฉันจะจัดหาที่พักและอาหารให้ ส่วนเงินเดือนพื้นฐานอยู่ที่ 100 หยวนต่อเดือน”
หลี่ซิ่งฮวาหัวเราะเบา ๆ “ผมเห็นโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ที่คุณลงไว้แล้ว ผมรู้ว่าข้อเสนอนี้น่าสนใจทีเดียว”
เมื่อพูดถึงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย พวกเขาลงโฆษณารับสมัครพนักงานขับรถอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน แต่ไม่มีใครมาสมัครเลย
เพราะในยุคนี้ ยังมีคนน้อยมากที่สามารถขับรถได้
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่กังก็ออกมาจากห้องทำงานของหลินต้าเหว่ย
“รองนายอำเภอหลี่ สวัสดีครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป่ทักทายเขาทันที
หลี่กังยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเจียง ฉันได้ยินมาว่าเมล็ดแตงโม 5 รสขายดีมาก ยินดีด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบด้วยความเคารพว่า “ขอบคุณครับ ตอนนี้เมล็ดแตงโม 5 รสยังอยู่ในช่วงทดลองขาย เราจะเริ่มทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบเมื่อโรงงานก่อตั้งเสร็จแล้ว”
หลี่กังพยักหน้าและพูดว่า “อืม คุณเข้าไปได้เลย นายอำเภอหลินกำลังรอคุณอยู่”
“ครับ รองนายอำเภอหลี่ ผมขอตัวก่อนนะครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงพูดด้วยความเคารพ และหลังจากที่หลี่กังจากไปแล้ว เขาก็เข้าไปในห้องทำงานของหลินต้าเหว่ย
หลี่ซิ่งฮวาเดินตามเขาเข้าไปข้างใน
“สวัสดีครับพ่อ ! ”
เมื่อเข้ามาในห้อง เจียงเสี่ยวไป๋ทักทายหลินต้าเหว่ยอย่างอบอุ่น
หลินต้าเหว่ยพยักหน้ารับและชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม บ่งบอกว่าให้เจียงเสี่ยวไป๋นั่งลง
“นายอำเภอหลิน ระหว่างที่คุณและคุณเจียงพูดคุยกัน ฉันจะขอลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปทำธุระที่บ้านนะครับ”
หลี่ซิ่งฮวากล่าว ในขณะที่เขาเติมชาให้หลินต้าเว่ย
“ได้ เชิญตามสบาย”
หลินต้าเว่ยพูดและพยักหน้ารับรู้
หลังจากที่หลี่ซิ่งฮวาจากไป หลินต้าเหว่ยก็ถามว่า “กลับมาบ้านกันแล้วหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและตอบว่า “ครับ ก่อนจะมาที่นี่ ผมไปส่งเจียอินและชานชานที่บ้านแล้ว”
“นับว่ามีจิตสำนึกดีที่พาเมียและลูกกลับมาด้วย” หลินต้าเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบทันทีว่า “เจียอินตั้งครรภ์แล้ว แต่ถนนมาเจี้ยนหยางค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่เช่นนั้นผมคงพาเธอมาเยี่ยมพ่อกับแม่นานแล้ว”
เป็นการดีกว่าที่จะเริ่มพูดคุยด้วยเรื่องนี้
ไม่เช่นนั้น เขาอาจถูกพ่อตาตำหนิได้
เพราะเขาจำตอนที่ภรรยาถูกแม่ของเธอตำหนิได้
“โอ้ ? ”
หลินต้าเหว่ยยืดตัวขึ้นและมีรอยยิ้มโล่งใจปรากฏบนใบหน้าของเขา “เป็นข่าวดี นายทำถูกแล้ว นายควรระวังบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ”
ด้วยความดีใจ เขาลืมถามว่าลูกสาวของเขาตั้งท้องมานานแค่ไหนแล้ว และทำไมเธอถึงไม่โทรมาบอกให้พวกเขารู้
เจียงเสี่ยวไป๋แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นับได้ว่าเขาผ่านอุปสรรคนี้มาอย่างชาญฉลาด
“พ่อครับ ผมจะไปรับรถได้เมื่อไหร่ ? ”
เพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนาในเรื่องนี้กับพ่อตาของเขา เจียงเสี่ยวไป๋จึงเปลี่ยนหัวข้อ
หลินต้าเหว่ยเหลือบมองเขาแล้วถามว่า “ทำไมต้องรีบล่ะ ? พ่อยังไม่ได้ถามเลย ที่ลูกบอกว่าจะขับรถไปหมายความว่าอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เตรียมตัวมาอย่างดี และอธิบายเรื่องที่เขาจะก่อตั้งบริษัทโลจิสติกส์ขึ้น
หลังจากฟังแล้ว หลินต้าเหว่ยก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ต้องบอกว่าเขามีความหวังสูงกับโครงการบริษัทโลจิสติกส์ของเจียงเสี่ยวไป๋ ลูกเขยคนนี้มีวิธีทำให้ผู้คนประทับใจอยู่เสมอ
“โครงการดี ๆ แบบนี้ ทำไมลูกไม่ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมล่ะ ที่นั่นมีที่ดินตั้ง 5,000 หมู่”
หลินต้าเหว่ยแสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าผมย้ายบริษัทโลจิสติกส์มาที่เจี้ยนหยาง พ่อคิดว่ารองนายกเทศมนตรีจางจะให้ผมนำรถบรรทุกใหญ่ 60 คันมาที่นี่หรือเปล่า ? ”
“อีกอย่าง พ่อก็ไม่สามารถหารถบรรทุกใหญ่ 60 คันให้ผมได้ในคราวเดียวด้วย ! ”
“ไอ้หยา นี่ลูกกำลังตำหนิพ่ออยู่ใช่ไหม ! ” หลินต้าเหว่ยรู้ว่าสิ่งที่ลูกเขยพูดเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ยังรู้สึกหงุดหงิด เขาจึงพูดว่า “แล้วจะเอารถบรรทุก 5 คันนั้นของพ่อไปอีกหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบอย่างไร้ยางอายว่า “พ่อเป็นพ่อตาของผม ควรช่วยเหลือคนในครอบครัวไม่ใช่หรือครับ ? ”
หลินต้าเหว่ยพูดตัดบทว่า “หยุดเล่นหน้าเล่นตากับพ่อได้แล้ว ธุรกิจก็คือธุรกิจ ครอบครัวก็คือครอบครัว ถ้าลูกไม่อธิบายให้พ่อฟัง รถบรรทุกใหญ่ทั้ง 5 คันนั้นก็จะยังคงอยู่ที่โรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอ ไม่อนุญาตให้ขับไปไหน”
“นอกจากนี้ ลูกได้รับการอนุมัติรถบรรทุกใหญ่ 60 คันจากรองนายกเทศมนตรีจางแล้ว ดังนั้นรถ 5 คันนั้นคงไม่จำเป็นอะไร”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ขาดแคลนตรงไหนล่ะครับ ! ผมคิดจะซื้อรถบรรทุตั้งหนึ่งร้อยสองร้อยคันด้วยซ้ำ ! ”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “นั่นก็เรื่องของลูก พ่อไม่สนใจเรื่องนั้น แต่อย่าคิดว่าลูกจะสามารถเอารถบรรทุกใหญ่ทั้ง 5 คันนั้นไปได้ง่าย ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าพ่อตาของเขากำลังทำให้เขาลำบากก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เมื่อพูดถึงการทำให้ลำบากใจ มันก็ไม่แน่ว่าใครทำให้ใครลำบากใจกันแน่
เขามองพ่อตาแล้วพูดว่า “พ่อครับ ถ้าพ่อช่วยผมอนุมัติรถบรรทุกเล็กรุ่น 130 ให้ผม 10 คัน ผมจะไม่เอารถบรรทุกใหญ่ 5 คันนั้นแล้วก็ได้”
หลินต้าเหว่ยรู้สึกยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาสามารถเจรจาแบบนี้ได้จริงหรือ ?
เขามองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างเคร่งขรึม โดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม และเสนอแผนใหม่ทันที “เดิมทีผมวางแผนที่จะทำโครงการไปที่นิคมอุตสาหกรรม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผู้นำของเจี้ยนหยางขาดทัศนคติด้านการบริการที่ดี ผมคิดว่าคงต้องย้ายโครงการไปที่ชิงโจวแทนแล้วล่ะ”
เขาพยักหน้ากับตัวเอง “ใช่ ด้วยโครงการนี้ ผมสามารถขอที่ดินเพิ่มอีกสัก 200-300 หมู่กับรองนายกเทศมนตรีจางได้ ! ”
หลินต้าเหว่ยเริ่มโกรธ
ลูกเขยของเขาพูดแบบนี้เพียงเพราะเขาไม่เห็นด้วยนี่นะ นี่เจ้าลูกเขยตัวดีกำลังบอกว่าทัศนคติด้านการบริการของเขาไม่ดีใช่ไหม ?
นั่นคือสิ่งที่ลูกเขยของเขาควรพูดหรือ ?
แม้ว่าเขาจะหงุดหงิด หลินต้าเหว่ยก็ยังรู้สึกสนใจกับโครงการของเจียงเสี่ยวไป๋
“ยังมีหน้ามาพูดคุยเรื่องโครงการใหม่อีกนะ ขนาดนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่หลายหมื่นหมู่นั้น ลูกเพิ่งสร้างโรงงานเมล็ดแตงโมเล็ก ๆ ไปแค่แห่งเดียว พ่อคิดว่าลูกกำลังหาข้ออ้างในการขอที่ดินมากกว่า” หลินต้าเหว่ยพูดด้วยความโกรธ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้สึกละอายใจ แต่กลับรู้สึกภูมิใจและพูดว่า “พ่อพูดถูกต้องครับ ผมอยากได้ที่ดินเพิ่ม ไม่เช่นนั้นถ้าโครงการของผมใหญ่ขึ้น ผมก็ไม่มีที่สำหรับขยาย นี่เรียกว่าเตรียมความพร้อมครับ
หลินต้าเหว่ยหัวเราะเบา ๆ “บอกพ่อมา ลูกมีแผนการต่อไปอย่างไรในอนาคต ? ”