ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 304 :หัวปลาหม้อไฟ
ตอนที่ 304 :หัวปลาหม้อไฟ
การทำอาหารใช้เวลาเตรียมการหลายชั่วโมง !
หลิวอี้ถิงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่มันจะลำบากเกินไปแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “แม่ครับ มันไม่ลำบากหรอก ผมชอบทำอาหารไปพร้อมกับการเสพบรรยากาศในครัว”
หลิวอี้ถิงกล่าวว่า “ดูสิ่งที่ลูกพูดสิ คิดว่าแม่ไม่รู้หรือว่าจะมีใครบ้างที่ชอบทำอาหารจริง ๆ น่ะ ? เรื่องลำบากไม่ลำบากอย่าเพิ่งพูดเลย แค่ต้องมาสูดดมควันและสำลักพริกทุกวันก็แย่แล้ว แม่ทำอาหารมาหลายสิบปีแล้ว แม่จะไม่รู้หรือ ! ”
เธอมองดูลูกเขย แล้วพูดเสริมอีกว่า “แต่เมื่อเห็นคนในครอบครัวกินอาหารที่เราทำ ความพยายามทั้งหมดก็คุ้มค่าแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “แม่พูดถูกครับ ! ”
เขาจำได้ว่าโลกในยุคหลัง ๆ มา มีแม่คนหนึ่งเคยพูดกับลูกสาวของเธอว่า “ถ้าคุณจะแต่งงาน จงแต่งงานกับผู้ชายที่ยินดีจะทำอาหารให้คุณ การทำอาหารเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ชายจะแสดงความรักต่อคุณ และยังเผยให้เห็นถึงความรักในชีวิตของเขาอีกด้วย”
เพราะการทำอาหารแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ซับซ้อน
มีเพียงผู้ชายที่รักและห่วงใยคุณอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะเข้าใจความยากลำบากของคุณอย่างจริงใจ และเต็มใจที่จะแบ่งเบาภาระและเต็มใจทำอาหารให้คุณ
ความรักที่แท้จริงไม่ใช่คำพูดที่ไพเราะ ไม่ใช่คำสัญญาที่ให้ไว้ หรือการแสดงความโรแมนติก
มันอยู่ที่ความพยายามและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน และช่วงเวลาที่อบอุ่นหัวใจที่คู่ของคุณนำมาสู่ชีวิตของคุณครั้งแล้วครั้งเล่า
บางที หลินเจียอินอาจยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่เจียงเสี่ยวไป๋ได้เกิดใหม่และเข้าใจชีวิตและความรักมาอย่างดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะทุ่มเทให้กับคนรัก ครอบครัวและญาติของเขา
หลิวอี้ถิงมองดูลูกเขยของเธอ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ มาพักผ่อนและมาคุยเป็นเพื่อนแม่สักหน่อยเถอะ”
“ครับแม่ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ทำตามคำพูดของเธอแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา หลิวอี้ถิงต้มชาให้เขา ชาดังกล่าวเป็นชาหลงจิ่งจากซีหูที่สามีของเธอหวงแหนมาก
เธอบอกว่าเธอต้องการให้เจียงเสี่ยวไป๋พูดคุยกับเธอ แต่หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋นั่งลง หลิวอี้ถิงก็เริ่มตำหนิลูกสาวของเธอแทน
เธอพูดว่าสามีและภรรยาควรจัดการครอบครัวร่วมกัน เธอบอกลูกสาวของเธอต้องช่วยกันทำงานบ้าน ไม่ทิ้งทุกอย่างไว้ให้เจียงเสี่ยวไป๋ทำ เธอยังเน้นย้ำว่าอย่าเห็นว่าสามีตามใจแล้วเสียนิสัย ในฐานะผู้หญิงควรจะอ่อนโยน และในฐานะภรรยา เธอควรดูแลและเอาใจใส่สามีของเธอ…
สรุปแล้ว คำพูดของหลิวอี้ถิงเกือบทั้งหมดเป็นการกล่าวตำหนิลูกสาวของเธอและยกย่องลูกเขย
หลินเจียอินรู้สึกละอายใจและรู้สึกไม่ยุติธรรมในเวลาเดียวกัน
เธอรู้สึกว่าแม่ของเธอปฏิบัติต่อเจียงเสี่ยวไป๋ดีกว่าตัวเธอเอง
เธอเป็นลูกสาวของแม่ หรือเจียงเสี่ยวไป๋เป็นลูกชายของแม่กันแน่ ?
แน่นอนว่าเธอไม่กล้าพูดแบบนี้ ทำได้แต่บ่นในใจเท่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกขอบคุณแม่ยายของเขามาก นับตั้งแต่เขาเกิดใหม่ เกือบทุกอย่างที่เขาทำดูเหมือนจะถูกมองข้ามไปจากทุกคน รวมถึงพ่อแม่ของเขาด้วย ไม่มีใครใส่ใจเขาอย่างแท้จริง
แต่กับแม่ยาย เขากลับรู้สึกว่าเธอมีน้ำใจและเข้าใจเขาอย่างแท้จริง
แม้ว่าเขาจะเกิดใหม่ แต่เขายังคงเป็นมนุษย์ และพระเจ้าไม่ได้ประทานหัวใจที่แข็งแกร่งกว่าใครให้เขา
หัวใจของเขาก็ต้องการการปลอบโยน
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “แม่ครับ เจียอินเป็นผู้หญิงที่ดีมากจริง ๆ เธอทนทุกข์กับผมมามาก เธอเป็นภรรยาที่ดีที่สามารถแบ่งปันความสุขและความเศร้ากับผมได้ เราช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัวหรือเรื่องงาน”
หลิวอี้ถิงกล่าวว่า “ลูกแค่ปกป้องเธอ ! ”
แม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่เธอก็ยังมีความสุขอยู่ในใจ เหตุผลที่เธอตำหนิลูกสาวก็เพื่อประโยชน์ของลูกสาวเอง
หลังจากใช้ชีวิตมาเกือบทั้งชีวิต ความเข้าใจในชีวิตของเธอจึงลึกซึ้งมากกว่าลูกสาวมาก และเธอก็เข้าใจวิถีแห่งชีวิตอย่างลึกซึ้งกว่าเช่นกัน
เธอเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครจะให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เมื่อความรักขาดปฏิสัมพันธ์ แม้แต่ผู้ที่เคยรักกันอย่างลึกซึ้งก็จะค่อย ๆ ห่างหายกันไป จนหายไปจากชีวิตของกันและกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “แม่ครับ เจียอินเป็นภรรยาของผม ถ้าผมไม่ปกป้องเธอ แล้วใครจะปกป้องเธอล่ะครับ”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ หลิวอี้ถิงก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของหลินเจียอินอีกต่อไป เธอเปลี่ยนบทสนทนาและพูดว่า “เรื่องที่ชานชานจะเข้าเรียนชั้นอนุบาล ลูกและเจียอินมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แม่อยากได้ยินมุมมองของลูกเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม โดยตระหนักว่าเรื่องนี้ลุกลามไปถึงแม่ยายของเขาแล้ว จึงเล่าความคิดของเขาออกมา
หลังจากฟังสิ่งนี้แล้ว หลิวอี้ถิงก็เงียบไปนานและพูดกับหลินเจียอินว่า “เจียอิน แม่คิดว่าสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูดนั้นสมเหตุสมผล อย่าโกรธเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ลูกทำตามที่เขาพูดเถอะ!”
หลินเจียอินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เพราะเธอไม่ได้คาดหวังว่าแม่ของเธอจะสนับสนุนเจียงเสี่ยวไป๋
แต่เนื่องจากแม่ของเธอได้พูดออกไปแล้ว และเธอไม่ต้องการต่อต้าน เธอจึงพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “หนูเข้าใจแล้วค่ะแม่ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาพูดว่า “แม่ครับ ผมแค่อยากใช้เวลากับชานชานให้มากขึ้น ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่เห็นด้วยกับเจียอิน”
หลิวอี้ถิงถอนหายใจและพูดว่า “แม่เข้าใจลูก เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้น พวกเขาจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง และใช้เวลากับพ่อแม่น้อยลง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า ประสบการณ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่วัยหนุ่มสาวจะเข้าใจได้ มีเพียงพ่อแม่ที่มีลูกแต่งงานแล้วเท่านั้นที่สามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง
เจียงชานได้ยินว่าเธอไม่ต้องไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว จึงปีนขึ้นไปบนตักของหลิวอี้ถิงอย่างมีความสุข และพูดด้วยเสียงหวาน “คุณยายเก่งมาก คุณยายเก่งที่สุด”
หลิวอี้ถิงใจละลายกับคำพูดของลูกน้อยและกอดเธอแล้วพูดว่า “ในอนาคต ถ้าแม่ของหนูทำให้ลำบากใจอีก มาบอกยาย ยายจะเป็นคนทวงความยุติธรรมให้หนูเอง”
หนูน้อยพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว แล้วชี้นิ้วพูดว่า “หม่าม๊าควบคุมหนู คุณยายก็เป็นแม่ของหม่าม๊า และหม่าม๊าก็ถูกควบคุมจากคุณยายเช่นกัน ! ”
การแสดงออกที่น่ารักของเธอทำให้หลิวอี้ถิงหัวเราะจนแทบจะน้ำตาไหล
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าเป็นเวลาบ่ายแก่แล้ว จึงไปที่ครัวเพื่อทำอาหารต่อ หลินเจียอินก็รีบตามเข้าไป
“เมียจ๋า คุณไปคุยกับแม่เถอะ ผมทำอาหารคนเดียวได้”
หลินเจียอินจ้องมองเขา แล้วพูดด้วยความโกรธ “คุณอยากให้แม่ดุฉันอีกใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบปฏิเสธทันควัน “ไม่ใช่อย่างแน่นอน ! ”
หลินเจียอินพูดประชดประชันออกมา “ใช่สิ แม่ของฉันคอยอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เธอดุฉันมาครึ่งวันแล้ว ถ้าฉันออกไปข้างนอกอีก เธอจะดุฉันมากกว่านี้”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกหมดหนทางจึงพูดว่า “เอาล่ะ มาทำอาหารด้วยกัน คุณดูจากด้านข้างได้”
หลินเจียอินยังคงรู้สึกรำคาญเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำอาหารไม่เป็น ถึงฉันอาจจะทำอาหารไม่เก่งเหมือนคุณ แต่ฉันสามารถล้างผักให้สะอาดกว่าคุณได้อย่างแน่นอน”
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเริ่มทำความสะอาดผักที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อมา
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และปล่อยเธอไป
การได้ทำอาหารกับภรรยาในครัวก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเช่นกัน
เมนูที่เขาจะทำในครั้งนี้คือ หัวปลาหม้อไฟ
ซึ่งวัดถุดิบหลักของเมนูนี้คือ ริมฝีปากของปลา หรือที่เรียกว่าปากปลา ถูกนำมาจากบริเวณปากของปลา
ซึ่งแตกต่างจาก ‘ปากปลา’ ในหนังสือตำหรับอาหารของคนยุคหลัง ซึ่งมักจะหมายถึงริมฝีปากปลาแห้ง ซึ่งเป็นอาหารทะเลอันเลื่องชื่อที่ทำจากริมฝีปาก จมูก ตา และส่วนเหงือกของฉลาม ปลาสเตอร์เจียน และปลาอื่น ๆ แปรรูป เชฟชาวกวางตุ้งและฮ่องกงหลายคนเรียกปากปลาชนิดนี้ว่า “หูฉลาม” เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น
แต่เจียงเสี่ยวไป๋ใช้ปลาไนสด ตั้งแต่ริมฝีปาก จมูก ตา และเหงือก พร้อมด้วยส่วนผสม เช่น เห็ดหอม เอ็น ซุปแดง และกวางตุ้ง เพื่อทำหม้อไฟ