ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 307 :รับซื้อฟักทองในหมู่บ้านหยางซู่
ตอนที่ 307 :รับซื้อฟักทองในหมู่บ้านหยางซู่
ความช่วยเหลือที่หลินต้าเหว่ยพูดนั้นง่ายมาก เขาแค่แจ้งข่าวไปยังเขตต่าง ๆ ให้แต่ละเขตรวบรวมข้อมูลปริมาณฟักทองสุกของแต่ละหมู่บ้าน จากนั้นโรงงานจินเคอจะได้วางแผนรับซื้อได้ตามเป้าหมาย
นี่เป็นการช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรและยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้พวกเขา รัฐบาลจึงยินดีให้ความร่วมมือ
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจ ต้องยอมรับว่าอำนาจ ช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นมาก
พ่อตาและลูกเขยคุยกันอีกสักพัก เมื่อเห็นท้องฟ้าเริ่มมืดลง ทั้งสองถึงได้เดินกลับบ้านด้วยกัน
หลินเจียเหวยกล่าวว่า “น้องเขย ครั้งสุดท้ายที่นายมาที่นี่ นายบอกว่าหากมาเจี้ยนหยางอีกครั้ง นายจะพักที่บ้านของฉัน ฉะนั้นเราไปกันเถอะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋จำได้ว่าเขาพูดแบบนั้นจริง ๆ เขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ รอผมสักพัก เดี๋ยวผมเข้าครัวไปทำนักเก็ตปลารสเผ็ดก่อน เดี๋ยวผมจะไปกับพี่”
“ใช้เวลานานไหมล่ะ ? ”
“ไม่ครับ ประมาณ 1 ชั่วโมง”
“งั้นช่างเถอะ นายนอนที่บ้านพ่อแม่แล้วกัน ฉันไม่รอนายหรอก”
พรุ่งนี้ลูก ๆ ของเขาต้องไปโรงเรียน จึงต้องเข้านอนเร็ว ดังนั้นหลินเจียเหวยจึงไม่รอเจียงเสี่ยวไป๋ เขาบอกลาและพาภรรยากับลูกกลับบ้าน
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำนักเก็ตปลารสเผ็ดเสร็จแล้ว เขาก็เก็บมันไว้ในขวดแก้ว ปิดฝามิดชิดและนำไปแช่ในตู้เย็น กว่าจะทำความสะอาดครัวเสร็จก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว
ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ
วันรุ่งขึ้น แผนเดิมคือการกลับไปที่ชิงโจว
แต่เนื่องจากเขาจะรับซื้อฟักทอง เจียงเสี่ยวไป๋จึงตัดสินใจอยู่ต่ออีก 2 วัน
เขาทิ้งหลินเจียอินและเจียงชานไว้ที่บ้านแม่ยาย ส่วนตัวเขาเองขับรถไปที่โรงงานจินเคอ
“พี่จะกลับแล้วหรือ ? ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋มา เจียงเสี่ยวเฟิงคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อรับเจียงถิง
แต่เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ฉันยังไม่กลับวันนี้ ฉันมีเรื่องบางอย่างจะคุยกับนาย”
เมื่อได้ยินว่าเจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่กลับไป เจียงเสี่ยวเฟิงก็พูดอย่างมีความสุข “เยี่ยมมาก ! ถิงถิงยังสนุกไม่พอเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขาเข้าใจความผูกพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวเป็นอย่างดี และเขายังหวังว่าเจียงถิงย้ายมาอยู่ในเจี้ยนหยาง ได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่ของเธอ
แต่ความจริงเป็นไปไม่ได้
โรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอเพิ่งก่อตั้งขึ้น เจียงเสี่ยวเฟิงและหลัวเจาตี้ต่างก็มีงานมากมาย พวกเขาไม่สามารถดูแลเจียงถิงได้
นอกจากนี้ โรงงานยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เหมาะสำหรับเด็กที่จะอยู่เป็นเวลานาน
เจียงเสี่ยวไป๋ปัดความคิดเหล่านี้ออกจากใจ และอธิบายสถานการณ์การรับซื้อฟักทองให้เจียงเสี่ยวเฟิงฟัง
แน่นอนว่าเจียงเสี่ยวเฟิงยินดีที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่
“พี่ เมล็ดฟักทองใช้วิธีคั่วแบบเดียวกับเมล็ดแตงโม 5 รสหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่เหมือน แค่คั่วเมล็ดฟักทองแบบรสดั้งเดิมและรสเค็มก็พอ เราจะรับซื้อฟักทองและคำนวณต้นทุนแล้วค่อยตั้งราคาขาย”
เจียงเสี่ยวเฟิงถามอย่างเป็นกังวลว่า “แม้ว่าวิธีนี้จะไม่ทำให้ขาดทุน แต่เมล็ดฟักทองจะขายดีหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เมล็ดแตงโม 5 รสเป็นผลิตภัณฑ์หลักของเรา เมล็ดฟักทองเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เสริมเท่านั้น และเป็นการเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ของเรา ตราบใดที่ได้กำไร ต่อให้ได้เพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว”
เจียงเสี่ยวเฟิงเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ
ในมุมมองของเขา ธุรกิจคือการทำเงิน ถ้าเมล็ดฟักทองทำเงินได้ไม่มาก แล้วจะทำไปทำไม ?
เจียงเสี่ยวไป๋ถือโอกาสอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจให้เจียงเสี่ยวเฟิงฟัง
ธุรกิจสมัยใหม่ บริษัทมักต้องการผลิตภัณฑ์สามประเภทคือ ผลิตภัณฑ์ตีแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นผลกำไร และผลิตภัณฑ์ที่ตีตลาดของคู่แข่ง
ผลิตภัณฑ์ตีแบรนด์จะมีผลิตภัณฑ์น้อยและราคาสูง ใช้เพื่อสร้างแบรนด์ สร้างชื่อเสียง ไม่มุ่งเน้นว่าจะต้องรีบขาย
ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นผลกำไร คือสิ่งที่ธุรกิจพึ่งพาในการสร้างรายได้ โดยทั่วไปแล้วจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณการผลิตสูงสุดและมีอัตรากำไรสูงสุด
ส่วนผลิตภัณฑ์ตีตลาดของคู่แข่งได้รับการออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้คุณภาพดีกว่า แต่มีราคาต่ำกว่าของคู่แข่ง ทั้งยังสร้างความประทับใจในความคุ้มค่าเงินที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค เรียกอย่างคลาสสิคก็คือ “การตัดราคา” นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ในโรงงานจินเคอมีเมล็ดแตงโม 5 รสเป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการขาย ในขณะที่เมล็ดแตงโมรสดั้งเดิมและรสเค็มเป็นผลิตภัณฑ์ตีตลาดของคู่แข็ง
พูดง่าย ๆ ก็คือ ต่อให้โรงงานจินเคอจะไม่ทำกำไรจากเมล็ดแตงโมรสดั้งเดิมและรสเค็ม จะขายแค่เมล็ดแตงโม 5 รสเท่านั้น แต่โรงงานก็ยังสามารถทำเงินได้
แน่นอนว่านอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทั้งสามประเภทนี้แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์เสริมส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเสริมการขายผลิตภัณฑ์หลัก ช่วยดึงดูดผู้บริโภคในตลาด ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค และทำในสิ่งที่คนอื่นไม่มี แต่ตนเองมี
ตัวอย่างเช่น การผลิตเมล็ดฟักทองรสดั้งเดิมกับรสเค็มเป็นผลิตภัณฑ์เสริม
เจียงเสี่ยวเฟิงฟังจนปวดหัวแล้ว เขาพูดด้วยความมึนงงว่า “พี่ สิ่งที่พี่พูดซับซ้อนเกินไป ผมไม่เข้าใจเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้านายไม่เข้าใจ ก็จงจำไว้และเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ เช่นเดียวกับการคั่วเมล็ดแตงโม นายไม่ได้เก่งในตอนแรก แต่ด้วยการฝึกฝน นายจะพัฒนาจนตนเองชำนาญขึ้น”
“ได้ ผมจะพยายามจำมัน ! ” เจียงเสี่ยวเฟิงกล่าวด้วยความมุ่งมั่น
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ท่องจำยังไม่ดีเท่าปากกาเขียน วันหลังให้พกสมุดบันทึกและปากกาติดตัวไปด้วย จดสิ่งที่ฉันบอกนาย และกลับไปอ่านทบทวนเมื่อนายมีเวลา และถ้านายเจออะไรบางอย่างที่ทำงานและไม่เข้าใจก็เขียนลงไป เมื่อเจอฉันอีก ถามได้ ฉันจะช่วยอธิบายให้”
“เข้าใจแล้ว”
เจียงเสี่ยวเฟิงพยักหน้า
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “ในเดือนกันยายน ถั่วลิสงก็พร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ถั่วลิสงก็สามารถนำมาใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง นายต้องเตรียมตัวล่วงหน้า”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมได้ปรึกษาเรื่องนี้กับเจาตี้แล้ว ถึงตอนนั้นถั่วลิสงจะพร้อมนำมาผลิตได้ช้ากว่าดอกทานตะวันประมาณครึ่งเดือน เราจะเริ่มรับซื้อเมล็ดดอกทานตะวันด้วย ซึ่งน่าจะรับซื้อได้ในช่วงต้นเดือนกันยายน และภายในกลางเดือนกันยายน อาคารโรงงานของเราจะแล้วเสร็จ เราสามารถเปลี่ยนจากอาคารชั่วคราวมาที่โรงงาน และเริ่มการผลิตจำนวนมาก เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าเราจะผลิตถั่วลิสงไม่ทันที่รับซื้อเข้ามา”
เมื่อพูดถึงเรื่องการผลิต เจียงเสี่ยวเฟิงมีความมั่นใจมากอย่างเห็นได้ชัด
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เมื่อเห็นว่าเขาเตรียมการไว้แล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรมาก
จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงเสี่ยวเฟิงไปที่หมู่บ้านหยางซู่ที่บ้านของลุงเฉิน เพื่อรับซื้อฟักทอง
ฟักทองมีราคาไม่สูงนัก พวกเขาขายในราคาเพียง 2 เจี่ยวต่อชั่งตามราคาในตลาดผัก
เจียงเสี่ยวไป๋รับซื้อในราคานี้เช่นกัน
ฟักทองขนาดใหญ่ลูกหนึ่งมีน้ำหนักมากถึงสิบกว่าชั่ง ในขณะที่ฟักทองทั่วไปมีน้ำหนักเพียงลูกละ 6-7 ชั่งเท่านั้น เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รับซื้อฟักทองที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 5 ชั่ง เนื่องจากเมล็ดของมันยังไม่สุก
ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านหยางซู่ปลูกฟักทองเป็นจำนวนมาก บางครัวเรือนขายฟักทองได้ 200-300 ลูก ในขณะที่บางครัวเรือนขายฟักทองได้ 100 ลูกเป็นอย่างต่ำ
ครั้งนี้คนที่ขายได้น้อยที่สุดในหมู่บ้านได้เงิน 13-14 หยวน ส่วนคนที่ขายได้มากที่สุดอยู่ที่เกือบ 50 หยวน
“ไม่คิดเลยว่าฟักทองจะขายได้เงินมากขนาดนี้ ! ”
“ใช่ ขอบคุณเหล่าเฉิน ถ้าเขาไม่แนะนำที่ขายให้เรา ฟักทองเหล่านี้คงจะเน่าเสียก่อนที่จะทันกิน”
“ถ้าปีหน้าพวกเขายังรับซื้ออีก ฉันก็จะปลูกเพิ่ม”
“……”
ชาวบ้านที่ได้เงินไปแล้วต่างก็พูดคุยกันอย่างมีความสุข
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋จ่ายค่าฟักทองแล้ว เขาก็ขอให้ชาวบ้านช่วยเอาเมล็ดฟักทองออกมา แล้วคืนเนื้อฟักทองให้แก่ชาวบ้าน
เนื้อฟักทองสามารถนำไปเป็นอาหารเลี้ยงหมูได้ ดังนั้นทุกคนจึงพอใจมาก
เจียงเสี่ยวไป๋คว้านเมล็ดฟักทอง 2-3 ลูกด้วยตัวเองและพบว่าฟักทองแต่ละลูกมีเมล็ดอยู่ประมาณร้อยเมล็ดเท่านั้น หากนำไปทำเมล็ดฟักทองคั่วก็คงให้ผลผลิตไม่ถึง 100 กรัม
เจียงเสี่ยวเฟิงสังเกตเห็นปัญหานี้เช่นกัน เขาพูดว่า “พี่ เมล็ดฟักทองน้อยเกินไปไหม ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ฟักทองสายพันธุ์ที่มีเมล็ดเยอะ เป็นเรื่องปกติที่จะมีเมล็ดน้อย”
เจียงเสี่ยวเฟิงถามอย่างสงสัยว่า “มีฟักทองที่มีเมล็ดเยอะด้วยหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และตอบว่า “แปลกตรงไหน ฟักทองสายพันธุ์เมล็ดเยอะลูกหนึ่งที่มีน้ำหนัก 7-8 ชั่งให้ผลผลิตเมล็ดได้มากกว่า 3,000 เมล็ดเลยนะ ! ”
“เยอะขนาดนั้นเชียว ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงอุทานด้วยความตกใจ “ถ้าอย่างนั้น เราก็รับซื้อเฉพาะฟักทองที่มีเมล็ดเยอะกันเถอะ ! ”