ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 308 :ทำธุรกิจที่มันขาดทุน
ตอนที่ 308 :ทำธุรกิจที่มันขาดทุน
ฟักทองธรรมดาสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 200 เมล็ด ในขณะที่ฟักทองพันธุ์เมล็ดเยอะสามารถผลิตเมล็ดได้มากกว่า 3,000 เมล็ด
มันไม่ได้ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันต่างกันมากกว่า 10 เท่าเลยนะ!
อย่างไรก็ตาม เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้าและพูดว่า “ฟักทองพันธุ์เมล็ดเยอะเป็นพันธุ์เฉพาะสำหรับการผลิตเมล็ดพันธุ์ พวกมันมีเนื้อน้อย คนธรรมดาไม่นิยมปลูกมัน ดังนั้นเราจึงไม่สามารถหาซื้อมันได้”
เจียงเสี่ยวเฟิงคิดแล้วก็ตระหนักได้ว่าเกษตรกรปลูกฟักทองเพื่อการบริโภค แล้วใครจะปลูกฟักทองที่มีเนื้อน้อย
“แต่มันไม่คุ้มค่าสำหรับเราที่จะรับซื้อฟักทองที่มีเมล็ดน้อย”
เจียงเสี่ยวเฟิงพูดด้วยความเสียดาย
เจียงเสี่ยวเฟิงกล่าวต่อ “มารับซื้อฟักทองในหมู่บ้านหยางซู่ให้เสร็จก่อน ! ”
ได้ยินพี่ใหญ่พูดมาขนาดนี้ เจียงเสี่ยวเฟิงไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วรับซื้อฟักทองต่อไป
ด้วยจำนวนครัวเรือนมากกว่า 200 ครัวเรือนในหมู่บ้านหยางซู่ สองพี่น้องรับซื้อฟักทองจนถึงบ่ายได้เกือบ 300,000 ชั่ง จ่ายเงินไปทั้งหมด 5,417.80 หยวน และได้เมล็ดฟักทองเปียกไม่ถึง 4,000 ชั่ง ซึ่งคิดต้นทุนแล้วตกชั่งละ 1 หยวนกว่า
และเมื่อเมล็ดฟักทองแห้ง สุดท้ายน้ำหนักน่าจะเหลือมากที่สุดคือ 2,000 ชั่ง
นั่นหมายความว่าเมื่อคำนวณต้นทุนของเมล็ดฟักทองแล้ว จะอยู่ที่เกือบชั่งละ 3 หยวน
ในยุคนี้ ใครจะยอมจ่ายเงิน 3 หยวนเพื่อซื้อเมล็ดฟักทอง 1 ชั่งมากิน ?
ระหว่างทางกลับเมือง เจียงเสี่ยวเฟิงกังวลและร้อนใจมาโดยตลอด เขาพูดว่า “พี่ ผมคิดว่าธุรกิจนี้จะขาดทุน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้ และการตัดสินใจรับซื้อเมล็ดฟักทองของพวกเขาค่อนข้างเร่งรีบ
“นายควรเริ่มตากเมล็ดฟักทองตอนเรากลับถึงโรงงานแล้ว ส่วนจะทำอย่างไรต่อไป ฉันจะลองคิดดู” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
“ครับ ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงพยักหน้ารับ แต่เขาอารมณ์ไม่ดี
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปบ้านพ่อตา หลินต้าเหว่ยก็กลับมาถึงแล้วเช่นกัน เขาถามด้วยความเป็นห่วงว่า “วันนี้รับซื้อฟักทองเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
เขาได้ส่งประกาศไปยังเจ้าหน้าที่หมู่บ้านในเขตต่าง ๆ เพื่อแจ้งให้พวกเขานับผลผลิตฟักทองในแต่ละครัวเรือน เพื่อสนับสนุนงานของลูกเขยของเขา
หลิวอี้ถิงและหลินเจียอินต่างก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความคาดหวังเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจและอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
“แบบนี้ก็หมายความว่าเราจะรับซื้อฟักทองต่อไปไม่ได้แล้วใช่ไหม ? ”
หลินต้าเหว่ยถามด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นความผิดหวังบนใบหน้าพ่อตาของเขา และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ในเมื่อเราเริ่มต้นแล้ว เราต้องรับซื้อต่อไปแน่นอน ! ”
หลินเจียอินแสดงความกังวลว่า “ต้นทุนเมล็ดฟักทองราคาสูงเกินไป สุดท้ายเราอาจขายออกไปไม่ได้ หมู่บ้านหยางซู่เพียงแห่งเดียวยังใช้เงินรับซื้อฟักทองไปมากกว่า 5,000 หยวน และหากเรารวบรวมต่อไปทั่วทั้งอำเภอ เราก็อาจขาดทุนเป็นแสนหยวนเลยนะ ! ”
เมื่อได้ยินว่าพวกเขาอาจขาดทุนหลายแสนหยวน หลิวอี้ถิงก็พูดทันทีว่า “เสี่ยวไป๋ ลูกอย่ารับซื้อฟักทองต่อไปเลย ถ้าลูกรู้ว่ามันจะทำเงินไม่ได้ แม้ว่าจะทำเพื่อพ่อตาของลูกก็ตาม”
หลินต้าเหว่ยกล่าวเสริมว่า “ใช่ ลูกไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “พ่อไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุนอย่างแน่นอน”
หลินต้าเหว่ย หลิวอี้ถิง และหลินเจียอินต่างมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ
แต่ละคนมีข้อสงสัยและการคำนวณอยู่ในใจ
การรับซื้อฟักทองต่อไปแบบนี้มีแต่จะทำให้ขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น
หลินต้าเหว่ยขมวดคิ้วและถามว่า “ลูกวางแผนที่จะลดราคารับซื้อลงใช่ไหม ? ”
ในตลาด ฟักทองขายในราคาชั่งละ 2 เจี่ยว แต่ฟักทองของเกษตรกรมีเยอะเกินไป ต่อให้รับซื้อในราคาชั่งละ 1 เจี่ยว พวกเขาก็ขาย
สำหรับเกษตรกรเหล่านี้ ถึงแม้ราคาจะถูก แต่ก็ยังหาเงินได้อยู่บ้าง ดีกว่าปล่อยให้ฟักทองถูกทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์
แต่ถึงแม้ราคาจะลดลงเหลือ 1 เจี่ยวต่อชั่ง แต่ต้นทุนของเมล็ดฟักทองก็ยังสูงกว่า 1 หยวนต่อชั่งเช่นกัน
ราคานี้ก็ยังขายยากอยู่ดี
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือแล้วพูดว่า “ไม่มีการลดราคา ผมจะยังคงรับซื้อที่ชั่งละ 2 เจี่ยวเหมือนเดิม เราไม่ควรทำร้ายผลประโยชน์ของเกษตรกรเพียงเพื่อทำกำไร ! ”
หลินต้าเหว่ยตกตะลึง
ความคิดของเจียงเสี่ยวไป๋ทำให้เขามองลูกเขยของเขาในมุมมองใหม่
หลิวอี้ถิงและหลินเจียอินต่างก็งงงวยเช่นกัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ?
“หากเราไม่ลดราคารับซื้อลง ต้นทุนของเมล็ดฟักทองจะตกอยู่ที่ชั่งละ 3 หยวนเลยนะ คุณจะขายเมล็ดฟักทองคั่วในราคาชั่งละ 4 หยวนได้จริงหรือ ? ” หลินเจียอินถามด้วยความกังวล
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ! ”
“แล้วคุณมีแผนอะไรล่ะ ? ” หลินเจียอินรู้สึกเหมือนมันเป็นทางตันที่ไม่มีวิธีแก้ปัญหา
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “มีวิธีแก้ปัญหามากกว่าความยากลำบากเสมอ เมื่อเราเผชิญกับความท้าทาย เราไม่ควรคิดที่จะยอมแพ้ หรือทำลายผลประโยชน์ของผู้อื่น แต่เราควรหาทางออกที่ตัวเราเอง”
“ผมได้คิดวิธีแก้ปัญหาไว้แล้ว แต่อาจจะยุ่งยากสักหน่อย”
“เราต้องรอสองสามวันก่อนจึงจะรับซื้อฟักทองได้อีกครั้ง”
คำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ทำให้หลินต้าเหว่ยมีความสุขมาก ลูกเขยคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ
“ลูกมีแผนอะไร ? ”
หลินต้าเหว่ยและหลินเจียอินถามพร้อมกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบว่า “วันนี้ตอนเรารับซื้อฟักทองในหมู่บ้านหยางซู่ เราเอามาแค่เมล็ดฟักทองเท่านั้น แต่ในอนาคตเมื่อเราไปรับซื้อฟักทองอีกครั้ง เราจะไม่ทำแบบเดียวกัน เราจะเอาทั้งหมด โดยนำเนื้อฟักทองกลับมาด้วย”
ห๊ะ ?
เป็นแบบนี้เอง ?
หลินต้าเหว่ยและคนอื่นคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋มีวิธีแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยม แต่กลับกลายเป็นว่าเขาแค่เอาฟักทองทั้งหมดกลับมา
หลินเจียอินถามว่า “โรงงานจินเคอของเราสามารถคั่วเมล็ดฟักทองได้ แต่คุณจะเอาเนื้อฟักทองมากมายขนาดนั้นมาทำไม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายว่า “ผู้คนมักจะติดอยู่กับทางตัน ใครบอกว่าโรงงานจินเคอสามารถคั่วได้แต่เมล็ดฟักทองเท่านั้น เรายังสามารถทำขนมเปี๊ยะได้เช่นกัน”
“ทำ…ขนมเปี๊ยะ ? ”
หลินเจียอินอุทาน “คุณจะทำขนมเปี๊ยะแบบไหนล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ใช้เนื้อฟักทองทำ ก็ต้องทำขนมเปี๊ยะฟักทองสิ แต่หากเราใช้ชื่อนี้ อาจขายไม่ดี ผมรู้มาว่ามีขนมอบประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ‘เค้กที่รัก’ ในกวางตุ้ง ในอนาคตเราจะตั้งชื่อขนมเปี๊ยะฟักทองของเราว่า ‘เค้กที่รัก’ ! ”
“อืม เรียกเค้กที่รักของทางใต้ก็ได้นะ ! ”
“หรือเรียกมันว่าเค้กที่รักของเหล่าหนานเหริน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างพอใจกับชื่อทั้งสองนี้
อย่างไรก็ตาม หลินต้าเหว่ย หลิวอี้ถิงและหลินเจียอินต่างสับสนเล็กน้อย ‘เค้กที่รัก’ คืออะไร ?
มันฟังดูค่อนข้างหยาบคาย !
“การทำขนมเปี๊ยะฟักทองเป็นความคิดที่ดี แต่จะขายได้ไหม ? ” หลินต้าเหว่ยถาม
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ไม่มีสินค้าใดที่ไม่สามารถขายได้ มีแต่คนที่ขายไม่เป็นต่างหาก พ่อไม่ต้องห่วง ผมรับประกันว่าเราจะสร้างรายได้จากขนมเปี๊ยะฟักทองได้”
เมื่อได้ยินคำพูดที่มั่นใจของเขา หลินต้าเหว่ยก็รู้สึกโล่งใจ
ในใจของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับความสามารถของลูกเขยของเขา สิ่งที่เขาทำไม่ได้ แต่จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปเมื่ออยู่ในมือของลูกเขย !
“ถ้าลูกต้องการตั้งโรงงานขนมเปี๊ยะและต้องการความช่วยเหลือจากพ่อก็บอกมาได้ทุกเมื่อ”
หลินต้าเหว่ยพูดอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “โรงงานผลิตขนมเปี๊ยะจะถูกสร้างขึ้นอย่างช้า ๆ ถัดจากโรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอ ฟักทองที่เรารับซื้อมาได้ตอนนี้สามารถทำขนมเปี๊ยะฟักทองในโรงงานเมล็ดแตงโมได้ สิ่งที่ต้องทำก็แค่หาเครื่องบดและเครื่องกดขนมเปี๊ยะ”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “พ่อจะดูแลเรื่องเครื่องจักรให้เอง และจัดส่งให้ลูกโดยเร็วที่สุด”
“ขอบคุณครับพ่อ ! ”
หลินต้าเหว่ยยิ้มและพูดว่า “หากพูดเรื่องการขอบคุณ พ่อเองก็ต้องขอบคุณลูกด้วย การที่ลูกยืนกรานที่จะไม่ลดราคารับซื้อฟักทองได้ช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรทั่วทั้งอำเภอได้อย่างแท้จริง”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก
หลินเจียอินยังคงไม่สบายใจและถามอย่างเป็นกังวล “คุณวางแผนที่จะขายขนมเปี๊ยะฟักทองเหล่านั้นอย่างไร ? ”
จะขายขนมเปี๊ยะฟักทองอย่างไร ?
เจียงเสี่ยวไป๋มีความคิดในใจอยู่แล้ว เขายิ้มและพูดว่า “เมียจ๋า คุณไม่ต้องกังวล ผมขายดีแน่นอน ! ”