ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 309 :ปุยนุ่นน้อยติดพ่อ
ตอนที่ 309 :ปุยนุ่นน้อยติดพ่อ
วันรุ่งขึ้นหลังอาหารเช้า
เจียงเสี่ยวไป๋พูดกับหลิวอี้ถิงว่า “แม่ ผมตั้งใจว่าจะรออีกสัก 3-4 วันค่อยรับซื้อฟักทองอีก เดี๋ยวพวกผมจะกลับไปที่ชิงโจวก่อน แล้วจะกลับมาใหม่นะครับ”
หลิวอี้ถิงรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋งานยุ่ง เธอจึงไม่ถือสาอะไร
อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่อยากห่างจากหลานสาว จึงพูดว่า “ชานชาน แล้วมาบ้านตากับยายพร้อมพ่ออีกนะ ดีไหมจ๊ะ ? ”
“ได้ค่ะ ! หนูชอบมาบ้านคุณยายที่สุด ! ”
เด็กน้อยเห็นด้วยทันที และคำพูดหวาน ๆ ของเธอทำให้หลิวอี้ถิงมีความสุขมาก
ในเวลานี้ หลินเจียอินพูดว่า “ถึงอย่างไรคุณก็จะกลับมาที่นี่ในอีกไม่กี่วัน งั้นฉันขออยู่ที่บ้านแม่ต่อ รอคุณกลับมานะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “ได้สิ งั้นคุณก็ชวนชานชานอยู่ต่อด้วยเลย”
หลินเจียอินจ้องมองเขาแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “คุณมีความสุขมากที่ฉันไม่กลับบ้านไปกับคุณใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็รีบอธิบายทันที “เมื่อก่อนเวลาคุณไม่ได้ไปห้องทำงาน คุณก็จะร้อนรนแล้ว ตอนนี้ในที่สุดคุณก็ได้ผ่อนคลายเสียที นี่ผมดีใจแทนคุณนะเนี่ย”
หลินเจียอินพูดว่า “ก็เพราะฉันอยากก้าวหน้าบ้างไม่ได้หรือ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะอย่างเต็มที่ว่า “เมียจ๋าของผมมีความก้าวหน้าไปมาก ผมขอปรบมือให้คุณเลย”
“ชิ ! ” หลินเจียอินกลอกตา แต่ก็แอบรู้สึกพอใจ เธอพูดว่า “เอาล่ะ คุณเองก็รีบกลับมานะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบว่า “อาจต้องใช้เวลาสัก 2-3 วัน ผมต้องเดินทางไปเจียงเฉิงก่อน ถึงค่อยกลับมาที่เจี้ยนหยาง”
ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องไปเจียงเฉิง เขาก็ไม่อยากทิ้งภรรยาและลูกสาวของเขาไว้ที่เจี้ยนหยาง
การได้อยู่กับพวกเขาทุกวันถือเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา
“เมียจ๋า พ่ออนุมัติรถบรรทุกขนาดใหญ่ 50 คันในเมืองเจียงเฉิงให้ผม ผมจะต้องใช้เงินเมื่อไปที่นั่น คุณช่วยโอนเข้าบัญชีของผมหน่อยได้ไหม”
เขาได้ปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อตาเมื่อคืน
หลินเจียอินพยักหน้าและขอให้เขารอสักครู่ จากนั้นเธอก็ไปที่ห้องนอน นำกระเป๋าของเธอออกมา และหยิบสมุดบัญชีธนาคารสีแดงยื่นให้เจียงเสี่ยวไป๋
สมุดบัญชีธนาคารนี้มาจากธนาคารเพื่อการก่อสร้าง และมีเงิน 8 ล้านหยวนอยู่ข้างใน ซึ่งชื่อบัญชีเป็นชื่อของเจียงเสี่ยวไป๋
หลังจากที่เขาได้รับเงินกู้ 8 ล้านหยวนจากธนาคารเพื่อการก่อสร้าง เขาได้มอบสมุดบัญชีธนาคารให้กับหลินเจียอิน ซึ่งเธอไม่เคยแตะต้องสมุดบัญชีเลย
เงินที่ใช้ซื้อรถบรรทุกคันใหญ่ทั้ง 65 คันเป็นเงินจากสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารเกษตรแห่งประเทศจีน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “คุณไม่จำเป็นต้องให้ผมมากขนาดนี้ แค่โอนเงินให้ผม 3 ล้านก็พอ”
หลินเจียอินกล่าวว่า “คุณเอาไปก่อน แล้วค่อยคืนสมุดบัญชีธนาคารมาให้ฉันตอนคุณกลับมา”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบตกลง
หลินเจียอินหยิบเงินสดออกมาให้เขา แล้วพูดว่า “เก็บเงินสดติดตัวไว้หน่อย แต่อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ผมสัญญาว่าจะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง”
หลินเจียอินกลอกตาใส่เขา ตอนนี้เธอเริ่มเสียดายที่ให้เงินเขามากเกินไป ถ้าแม่ของเธอไม่อยู่ตรงนี้ด้วย เธอก็คงจะเอาเงิน 800 หยวนคืนมาและเหลือ 200 หยวนไว้เป็นค่าเดินทาง อาหาร และค่าที่พักให้เขา
เพราะเธอกังวลจริง ๆ ว่าเขาจะใช้เงิน 1,000 หยวนที่เธอให้ไปจนหมด
“ตกลง ผมจะออกเดินทางแล้ว คุณและชานชานใช้เวลาอย่างสนุกสนานอยู่ที่นี่นะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดและเตรียมที่จะออกไป
“หนูไม่อยากอยู่ที่นี่ หนูอยากตามป่าป๊าไปเจียงเฉิง หนูจะไปทุกที่ที่ป่าป๊าไป”
ไม่คาดคิดเลยว่าเจียงชานจะประท้วงและวิ่งไปคว้าขากางเกงของเจียงเสี่ยวไป๋ แล้วตะโกนเสียงดัง
เดิมทีหลิวอี้ถิงดีใจมากที่ได้ยินหลานสาวของเธอเต็มใจอยู่ต่อ แต่เธอไม่คิดว่าเจียงชานจะกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
เธอพยายามโน้มน้าวเจียงชานอย่างรวดเร็ว โดยพูดว่า “ชานชาน ป่าป๊าของหนูกลับบ้านเพื่อไปทำธุรกิจ หนูควรพักที่บ้านของยาย ยายจะเล่นกับหนูทุกวัน และทำอาหารอร่อย ๆ ให้หนูกิน”
“ไม่เอา หนูอยากไปกับป่าป๊า ! ” เด็กน้อยพูดอย่างดื้อรั้น
หลิวอี้ถิงยังคงชักชวน “ชานชาน หนูบอกว่าหนูชอบอยู่บ้านของยายมากที่สุดไม่ใช่หรือ ทำไมหนูถึงไม่อยากอยู่ที่นี่ล่ะ ? ”
เจียงชานเอียงคอของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหวาน “หนูชอบอยู่บ้านของคุณยายเพราะว่าป่าป๊าก็อยู่ที่บ้านของคุณยายด้วย ถ้าป่าป๊ากลับบ้าน หนูก็อยากกลับบ้านด้วย”
เอ่อ……
หลิวอี้ถิงไม่คาดคิดว่าที่หลานสาวตัวน้อยบอกว่าชอบบ้านของเธอนั้น เป็นเพราะเหตุผลนี้เอง
จากนั้น เธอมองไปที่หลินเจียอินและชักชวนเจียงชานต่อไป “ชานชาน แม้ว่าป่าป๊าจะกลับบ้าน แต่หม่าหม๊าก็ยังอยู่ที่นี่กับหนู หนูพักที่บ้านคุณยายกับหม่าม๊าดีไหม ? ”
“ไม่ค่ะ ! ”
“หนูอยากอยู่กับป่าป๊า ! ” หนูน้อยพูดอย่างไม่ลังเล
หลิวอี้ถิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหกับเด็กน้อยคนนี้ ทำไมหลานสาวของเธอถึงติดพ่อขนาดนี้นะ ?
หลินเจียอินจ้องมองที่ไปเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความโกรธ: คงเป็นเพราะคุณตามใจลูกมากเกินไป จนลูกไม่ยอมอยู่กับฉันที่เป็นแม่ของเธอแล้ว
มันบีบหัวใจมาก !
ในใจของเจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเหมือนว่าเขาได้ดื่มยาแก้โรคทุกชนิดที่น่าอัศจรรย์ และทุกรูขุมขนในร่างกายของเขาก็รู้สึกสบายตัว ลูกสาวติดเขามาก เธอเป็นเหมือนปุยนุ่นติดตัวของเขาจริง ๆ !
อย่างไรก็ตาม ด้วยสายตาดุของภรรยา เขายังคงนั่งยอง ๆ ต่อหน้าลูกสาวและพูดว่า “ชานชาน หนูเชื่อฟังป่าป๊าไหม ? ”
“ค่ะ หนูเชื่อฟังป่าป๊า ! ” เจียงชานพูดตามความเป็นจริง
“คราวนี้ป่าป๊าจะไปที่ห่างไกลมาก ไม่มีเวลาดูแลหนู ดังนั้นหนูควรพักที่บ้านคุณยายกับหม่าม๊า ป่าป๊าจะมารับหนูตอนกลับมา”
“แต่หนูอยากไปกับป่าป๊าจริง ๆ นะ ! ”
ใบหน้าของหนูน้อยเต็มไปด้วยความปรารถนาและพูดว่า “หนูอยากไปที่ที่ห่างไกลมาก เพราะหนูยังไม่เคยไปมาก่อนเลย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กระซิบข้างหูเธอว่า “คราวนี้ป่าป๊าจะไปเป็นนักสืบให้หนู ป่าป๊าจะไปสำรวจสิ่งที่น่าสนุกในเจียงเฉิงและค้นหาของอร่อย ๆ ไว้ให้ แล้วป่าป๊าจะได้พาหนูไปไง”
“จริงหรือคะ ? ”
“จริงสิ ! ”
“ถ้าอย่างนั้นหนูก็ฟังป่าป๊า หนูจะรออยู่ที่บ้านคุณยาย คราวหน้าป่าป๊าต้องพาหนูไปที่นั่นด้วย ! ”
“ตกลง ! ครั้งหน้าป่าป๊าจะพาหนูไปที่นั่นแน่นอน ! ”
ง่าย ๆ แบบนี้เลย ?
หลิวอี้ถิงมองไปที่เจียงชานและพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง เธอพยายามโน้มน้าวหลานสาวอยู่นาน แต่มันก็เหมือนกับการพูดคุยกับกำแพงอิฐ ทว่าพอเจียงเสี่ยวไป๋พูดเพียงไม่กี่คำ หลานสาวของเธอกลับยอมอย่างง่ายดาย !
มันจะแตกต่างเกินไปแล้ว !
“ชานชาน งั้นหนูก็อยู่กับคุณยายสักสองสามวันตามที่ป่าป๊าของหนูบอกนะ” เธอกลัวว่าหลานสาวของเธอจะเปลี่ยนใจ เธอจึงไม่ลืมที่จะย้ำ
“ค่ะ หนูจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำพูดของคุณยายค่ะ ! ”
เด็กน้อยพูดด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนเป็นหนูน้อยที่ไม่ดื้อรั้น
มุมปากของหลิวอี้ถิงอดไม่ได้ที่จะกระตุกสองครั้ง ในใจคิดว่าเกือบจะเชื่อแล้วเชียว
เจ้าตัวเล็กนี่ร้ายกาจจริง ๆ !
เจียงเสี่ยวไป๋ออกจากบ้านแม่ยาย และไปที่โรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอก่อน
เมื่อเขามาถึง ยังไม่ถึงเวลาเริ่มงานของโรงงาน และครอบครัวของเจียงเสี่ยวเฟิงพร้อมด้วยคนงานกว่า 20 คนกำลังนั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน
“คุณลุง สวัสดีค่ะ ! ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงถิงก็ทักทายเขาอย่างสุภาพ
เจียงเสี่ยวไป๋ลูบหัวของเธอ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ถิงถิง ช่วงนี้หนูมีความสุขกับการใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ไหม ? ”
“มีความสุขที่สุดเลยค่ะ ! ”
เจียงถิงยิ้มและพูดว่า “แต่หนูก็คิดถึงพี่ชานชาน เมื่อวานไม่ได้เจอเธอทั้งวันเลย”
“พี่เขย ! พี่กินข้าวเช้ามาหรือยัง ? ” หลัวเจาตี้ก็ทักทายและถามเช่นกัน
“เรียบร้อยแล้ว”
เจียงเสี่ยวเฟิงกล่าวว่า “พี่ เรื่องรับซื้อฟักทอง พี่คิดดีแล้วหรือยัง ? ”
“ฉันคิดดูแล้ว เราจะยังไม่รับซื้อตอนนี้ ! ”
“ผมก็บอกแล้วว่ามันไม่คุ้ม ไม่รับซื้อแล้วก็ดีเหมือนกัน” เจียงเสี่ยวเฟิงพูดอย่างมีความสุข
“ที่ฉันหมายถึง คือเราจะไม่รับซื้อภายในสองสามวันนี้ แต่เราจะมารับซื้อทีหลัง” เจียงเสี่ยวไป๋ชี้แจง
ห๊ะ ?
เจียงเสี่ยวเฟิงมองดูพี่ชายของเขาด้วยความประหลาดใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “นายน่ะ คราวหลังเวลาฟังอะไรต้องฟังให้เข้าใจอย่างถ่องแท้นะ ไม่อย่างนั้นอาจถูกเอาเปรียบทางธุรกิจได้ง่าย”
เจียงเสี่ยวเฟิงยิ้มและเกาหัว “ผมจะจำไว้”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงบอกสองสามีภรรยาว่าเขาจะรับซื้อฟักทองในอีก 2-3 วันหลังจากนี้ จากนั้นก็บอกพวกเขาถึงเรื่องทำขนมเปี๊ยะฟักทอง
ทั้งคู่ไม่มีข้อโต้แย้ง พวกเขาแค่บอกว่าควรหาคนเพิ่มสักสองสามคน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นายสามารถรับสมัครได้ตามความต้องการ ฉันจะกลับไปที่ชิงโจวก่อน”
“ห๊ะ ? พี่จะกลับแล้วหรือ ? ” เจียงเสี่ยวเฟิงเหลือบมองลูกสาวของเขาอย่างไม่เต็มใจ
เขาคิดว่าพี่ชายของเขามารับเจียงถิง
ลูกสาวของเขาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวัน และเขายังไม่อยากให้เธอกลับไปเร็วขนาดนี้จริง ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นสีหน้าของเจียงเสี่ยวเฟิง จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะกลับไปคนเดียว พี่สะใภ้ของนายและชานชานอยู่ที่เจี้ยนหยาง ถ้าพวกนายต้องทำงานตอนกลางวันก็เอาถิงถิงไปส่งไว้ที่นั่นได้ แล้วค่อยไปรับเธอหลังเลิกงาน”
เจียงเสี่ยวเฟิงและหลัวเจาตี้มีความสุขมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“ได้ ๆ ตามที่พี่บอกแล้วกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม และออกจากโรงงานเมล็ดแตงโมเพื่อเดินทางกลับไปที่ชิงโจว
“ขับรถไปเจียงเฉิงด้วยตัวเองน่าจะสะดวกกว่า ! ”
“อีกอย่าง… เสี่ยวชิงใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ดังนั้นฉันจะขับรถไปส่งเธอด้วย”
ขณะที่เขาขับรถ เจียงเสี่ยวไป๋พึมพำกับตัวเองและวางแผนที่จะทำธุรกิจของเขาในชิงโจวให้เสร็จในอีกสองวันข้างหน้า จากนั้นค่อยเดินทางไปเจียงเฉิง