ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 310 :เป็นเธอนี่เอง
ตอนที่ 310 :เป็นเธอนี่เอง
เมื่อกลับชิงโจวโดยไม่มีภรรยาและลูกของเขา เจียงเสี่ยวไป๋จึงขับรถด้วยความเร็วสูง และมาถึงสำนักงานของโรงงานผลิตเครื่องปรุงในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
“พี่เสี่ยวไป๋ พี่กลับมาแล้ว ! ”
“เจียอินและชานชานอยู่ที่ไหนล่ะ ? ”
เฝิงเยี่ยนหงถามเมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋กลับมาตามลำพัง
“พวกเธอจะอยู่ที่เจี้ยนหยางอีก 2-3 วัน” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบอย่างสบาย ๆ แล้วถามว่า “มีใครโทรหาฉันบ้างไหม ? ”
“มี”
เฝิงเยี่ยนหงเปิดสมุดบันทึกของเธอแล้วพูดว่า “เมื่อวานตอนบ่าย เลขาติงโทรมา ฉันบอกเขาว่าพี่ไปที่เจี้ยนหยาง เขาจึงบอกให้พี่โทรกลับหาเขาเมื่อพี่กลับมา”
“และช่วงบ่ายของเมื่อวานเช่นกัน มีคนแซ่เหวินโทรมาหาพี่ แต่ฉันบอกเขาไปว่าพี่ไม่อยู่ที่นี่ และเขาบอกว่าคราวหน้าจะโทรกลับมาใหม่ โดยไม่ทิ้งข้อมูลอะไรไว้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋หยุดครู่หนึ่ง เขาไม่รู้จักใครที่แซ่เหวิน
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้ติดต่อกับใครเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเรื่องนี้แล้ว และขอให้เฝิงเยี่ยนหงพูดต่อ
“และยังคงเป็นบ่ายของเมื่อวาน อธิบดีเหรินจากสำนักงานความมั่นคงสาธารณะก็โทรมาเช่นกัน……”
“แค่นั้นแหละ นี่คือสามสายที่โทรหาพี่”
เจียงเสี่ยวไป๋ขอบคุณเธอและรีบโทรหาเลขาติงก่อนทันที
เลขาติงนำข่าวดีมาบอกเขา บอกว่ารถบรรทุกเทียนจิงรุ่น 140 จำนวน 60 คันมาถึงชิงโจวแล้ว และเขาสามารถมารับรถได้ทุกเมื่อ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวขอบคุณ และนัดพบกับเลขาติงในตอนเที่ยง
หลังจากวางสายของเลขาติง เขาก็โทรหาเหรินฉางเซี่ย
เหรินฉางเซี่ยไม่มีเรื่องเร่งด่วนที่จะหารือกับเขา เขาเพียงแจ้งให้ทราบว่าสำนักงานความมั่นคงสาธารณะยังคงจัดกำลังคนเพื่อค้นหาร่างของเจี่ยงจงฉือ แต่จนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังหาร่างไม่พบ
“อธิบดีเหริน เป็นไปได้ไหมว่าเจี่ยงจงฉือยังไม่ตาย แต่ได้รับการช่วยเหลือจากใครบางคน ไม่เช่นนั้นเราหาร่างเขาเจอไปแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยความหวังอันริบหรี่
อธิบดีเหรินตอบว่า “เราได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่คุณพูดถึงแล้ว และขอให้ผู้ใหญ่บ้านตามริมฝั่งแม่น้ำทั้งสองแห่งไปเยี่ยมบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ แต่คำตอบที่เราได้รับคือไม่มีใครเคยช่วยเหลือคนจมน้ำเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกผิดหวัง “ตอนนี้คุณมีแผนอะไรอยู่ คุณจะค้นหาต่อไปไหม ? ”
อธิบดีเหรินกล่าวว่า “พื้นที่ค้นหาได้ขยายออกไปเป็นระยะ 30 กิโลเมตรจากลุ่มแม่น้ำ เราวางแผนที่จะค้นหาต่อไปอีก 3 วัน หากยังไม่พบสิ่งใด เราคงต้องยุติการค้นหา”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้ว่าอธิบดีเหรินทำดีที่สุดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากวางสายแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย
เฝิงเยี่ยนหงพยายามปลอบใจเขา “พี่เสี่ยวไป๋ อย่าไปสนใจเรื่องของเจี่ยงจงฉือมากเลย พี่ทำดีที่สุดแล้ว และบางอย่างก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา”
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจ “ใช่ หลายสิ่งหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา แต่เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความอบอุ่นมากขึ้น”
เฝิงเยี่ยนหงดูงุนงงและพูดขึ้นว่า “พี่เสี่ยวไป๋ พี่กำลังพูดปริศนาอะไร ฉันไม่ค่อยเข้าใจ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายว่า “ถ้าโลกนี้ไม่ดีพอ ทุกคนมีบทบาทในการทำให้มันดีขึ้น และเหตุผลที่เรารู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นไม่ใช่เพียงเพราะความพยายามของเราเองเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะมีคนที่กล้าหาญและไม่ย่อท้อ และคนใจดีที่คอยแบกภาระให้เราก้าวไปข้างหน้า”
“ไม่พูดถึงเจี่ยงจงฉือแล้วกัน ! ”
“ยกตัวอย่างเช่นพวกจู้ตงเฟิงและหยางเสี่ยวหัว พวกเขาเคยเป็นทหารในทะเลทรายโกบีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน และพวกเขาอุทิศวัยเยาว์ให้กับมาตุภูมิแผ่นดินเกิดของตนเอง”
“ดังนั้น เมื่อเรามีชีวิตที่ดีขึ้น เราเติบโตขึ้นก็ลองอดทนต่อโลกรอบตัวเราให้มากขึ้น และเข้าใจผู้อื่นให้มากขึ้น เราจะมีทัศนคติที่สดใส มีใจรัก และมองเห็นความดีในทุกที่ที่พวกเรามอง”
เฝิงเยี่ยนหงพยักหน้า “พี่เสี่ยวไป๋ ฉันเข้าใจแล้ว พี่หมายความว่าเราควรมีจิตใจดีนี่เอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “พูดแบบนั้นก็ได้ ! ”
เขาไม่อยากที่จะพูดถึงหัวข้อนี้อีกต่อไป เขาถามว่า “มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่ ฉันจะไปตรวจสอบที่ร้านโยวผิ่นหน่อย”
เฝิงเยี่ยนหงส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว ! ”
ทันใดนั้น เธอก็จำอะไรบางอย่างได้และพูดว่า “จริงสิ พี่ขอให้พ่อครัวหลิวเชิญหลานสาวของเขาให้มาทำผักดองให้ไม่ใช่หรือ ? วันนี้หลานสาวของเขาอยู่ที่นี่และช่วยงานในครัว พี่อยากจะไปพบเธอไหม ? ”
“อ้อ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มสนใจ “งั้นฉันจะไปพบเธอหน่อย”
ไม่นาน เขาก็มาถึงโรงอาหารของพนักงาน และเขาก็เห็นหญิงสาวสวยวัย 20 ต้น ๆ กำลังก้มตัวลงเอากะหล่ำปลีใส่ลงในไหขนาดใหญ่
เธอคนนี้ไว้ผมหางม้าสูง สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น กางเกงขากระดิ่งสีฟ้าอ่อน กางเกงของเธอช่วยเน้นส่วนโค้งของสะโพกและขาที่เรียวยาวของเธอขณะที่เธอก้มตัวลง ทำให้เกิดภาพที่ชวนดึงดูดสายตาไม่น้อย นอกจากนี้เธอยังสวมรองเท้าบูทยางสีเขียวสูงถึงเข่าอีกด้วย ทำให้เธอเหมือนนางแบบขายาวที่สวมรองเท้าบูทยาวในโลกยุคหลัง
“เอ๊ะ”
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ? ”
เสียงฝีเท้าของเจียงเสี่ยวไป๋ทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนต้องหันมามอง และเมื่อเห็นว่าเป็นเจียงเสี่ยวไป๋ เธอก็ดูจะตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“ที่แท้หลานสาวของพ่อครัวหลิวก็คือเธอนี่เอง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋อุทานด้วยความประหลาดใจ
จางชุ่ยฮวายืนขึ้น เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ลุงสามบอกฉันให้มาช่วยเถ้าแก่เจียงทำผักดอง งั้นคุณก็คือเถ้าแก่เจียงสินะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
จางชุ่ยฮวากล่าวว่า “คุณไม่ได้เปิดร้านขายพะโล้กับกุ้งอบน้ำมันหรอกหรือ? ทำไมถึงเปิดโรงงานด้วยล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “ฉันเพิ่งเปิดมันแบบไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าคุณจะเก่งเรื่องทำผักดองขนาดนี้ ! ”
จางชุ่ยฮวาผงะไปเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดในใจว่า ‘ชุ่ยฮวา’ เป็นแบรนด์ผักดองที่ดีและโด่งดังที่สุดไม่ใช่หรือ ? ถึงกับได้รับคำการันตีในโลกยุคหลัง ‘ชุ่ยฮวา ผักดองที่ดีที่สุด’ และยังครองใจผู้บริโภคอีกด้วย !
หากเขาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “ชุ่ยฮวา” และผลิตผักดองภายใต้ชื่อแบรนด์นี้ รอจนกระทั่งมีการจัดรายการแนะนำอาหารขึ้นชื่อของประเทศ แล้วมีการเสนอผลิตภัณฑ์นี้ จะถือเป็นการลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์หรือการละเมิดลิขสิทธิ์แบรนด์ของเขาหรือเปล่านะ ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
จางชุ่ยฮวาเห็นว่าเขาหลุดหัวเราะโดยไม่ได้พูดอะไร เธอจึงเอ่ยถามว่า “คุณหัวเราะอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้าซ้ำ ๆ “ไม่ ไม่ ฉันเพิ่งจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อของคุณ ฉันบอกว่า ชุ่ยฮวาเป็นชื่อที่ดี ในเวลานั้น ฉันคิดว่าจะจดทะเบียนชื่อนั้นเป็นเครื่องหมายการค้า และขายผักดองภายใต้ชื่อนี้”
จางชุ่ยฮวาหัวเราะเบา ๆ “คุณมีความคิดที่แปลกจริง ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบอย่างจริงจังว่า “คุณทำผักดองได้ดีมาก งั้นเรามาร่วมมือกันไหม ฉันจะเป็นคนลงเงินทุน ส่วยคุณเป็นคนควบคุมการผลิต จากนั้นเราจะเริ่มทำโรงงานผักดองด้วยกัน ? ”
“ได้สิ ! ”
จางชุ่ยฮวาเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล “พวกเขาบอกว่าคุณเก่งเรื่องธุรกิจ การร่วมมือกับคุณอาจทำให้ฉันเป็นเศรษฐีได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ระเบิดเสียงหัวเราะ “คุณเป็นคนสวย เพียงคุณมีความทะเยอทะยานแบบนี้ การเป็นเศรษฐีก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณแล้วไม่ใช่หรือ ? ”
จางชุ่ยฮวากล่าวว่า “ผู้หญิงต้องการเงินมากมายเพื่ออะไร ? สิ่งสำคัญคือการแต่งงานกับครอบครัวที่ดีต่างหาก”
ขณะที่เธอพูด เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงพี่สาวของเธอ
การแต่งงานของพี่สาวเธอเป็นเรื่องที่โชคร้าย มันเป็นการตอกย้ำความเชื่อของเธอที่ว่า ผู้หญิงควรระมัดระวังในการเลือกสามี
เธอมองดูเจียงเสี่ยวไป๋พร้อมกับถอนหายใจในใจ เขาเป็นผู้ชายที่แสนดี รูปหล่อ มั่งคั่ง และมีทักษะในการเอาชนะใจผู้หญิง
เฮ้อ ! น่าเสียดายที่เขาแต่งงานแล้ว !
ไม่อย่างนั้น…
ถ้าเจียงเสี่ยวไป๋รู้ว่าจางชุ่ยฮวากำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงจะตอบกลับออกไปเสียงดังว่า: เขาอาจจะหล่อและร่ำรวย แต่เขาไม่รู้วิธีเอาชนะใจผู้หญิงเลย !