ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 33 :ปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้
ตอนที่ 33 :ปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้
”ชานชาน รีบลุกเร็ว ๆ พ่อจะทำอาหารเช้าให้กิน”
หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินไปที่เตาพร้อมกับขันน้ำในมือ พลางพูดขึ้นมาว่า
“คุณไปนั่งพักเถอะ เดี๋ยวผมจะทำผัดบะหมี่ให้กิน”
หลินเจียอินเดินตามเข้ามาหยิบขันน้ำจากมือของเจียงเสี่ยวไป๋ เธอเทน้ำในขันทิ้ง เอื้อมมือไปสะบัดผ้าขนหนูที่แขวนไว้ตรงตะปูบนผนัง
เมื่อถูกภรรยาปรนนิบัติแบบนั้น หัวใจของเจียงเสี่ยวไป๋ก็หวานราวกับน้ำผึ้ง
ยิ่งภรรยาทำแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจที่เคยทำไม่ดีกับเธอ
“อีกอย่าง ผมก็ว่าจะทำปาท่องโก๋ให้คุณกินเช้านี้ด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋พับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มผสมแป้งสำหรับทำเป็นเส้นบะหมี่และปาท่องโก๋
ปาท่องโก๋ที่เขาเคยกินเมื่อวันวานและผัดบะหมี่ที่เขากินเมื่อวานนี้ เขายังจำรสชาติของมันได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นวันนี้ ภรรยาและลูกสาวของเขาต้องได้กินเหมือนที่เขาเคยกิน แต่รสชาติต้องดีกว่า
ปาท่องโก๋ ?
ดวงตาของหลินเจียอินเบิกกว้างขึ้นมา
สมัยที่เธอกับเจียงเสี่ยวไป๋ยังเรียนอยู่ด้วยกัน พวกเขาจะซื้อปาท่องโก๋กินก่อนไปเรียนด้วยกันทุกครั้ง เธอชอบกลิ่นหอม ๆ ของแป้งที่โดนน้ำมัน และชอบความกรอบของมันหลังจากที่ทอดเสร็จใหม่ ๆ ร้อน ๆ
ทว่าหลังจากที่เธอแต่งงานกับเจียงเสี่ยวไป๋มา เธอก็ไม่ได้กินปาท่องโก๋อีกเลย
หลายครั้งที่เธอไปจ่ายตลอดในอำเภอชิงซาน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังร้านขายปาท่องโก๋ แต่เพราะความจน เธอจึงไม่กล้าที่จะซื้อกินเพียงลำพัง
คิดดูแล้วก็คิดถึงรสชาตินั้นจริง ๆ
หรืออาจจะบอกว่า เธอไม่อาจเอาช่วงเวลาที่สวยงามสมัยเยาว์วัยนั้นกลับมาได้
เธอจ้องมองชายตรงหน้าด้วยความเหม่อลอย เขาขนมันฝรั่งกว่าร้อยจินเข้าไปในเมืองตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง และยังรีบกลับมาเพื่อมาทำอาหารให้เธอกับลูกได้ทานแต่เช้าตรู่ เขายังไม่ได้หยุดพักเลยด้วยซ้ำ แถมยังบอกว่าจะทำปาท่องโก๋ที่เธอชอบให้กินด้วย
ในขณะนี้ หัวใจของเธอเริ่มที่จะเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจเหมือนครั้งแรกที่รักกัน
“ไม่ต้องหรอก ที่บ้านยังมีซุปกระดูกกับเกี๊ยวที่ทำเมื่อคืนเหลืออยู่ ไม่ต้องลำบากทำเพิ่มก็ได้ ฉันกับลูกกินแค่นี้ก็พอแล้ว”
ขอบตาของหลินเจียอินเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา เธอเช็ดมันออกอย่างรวดเร็วและพูดเบา ๆ
”ผมอยากทำจริง ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนยันออกมาเสียงแข็ง “เมียจ๋า ผมอยากให้คุณและชานชานจริง ๆ แค่กินอิ่มยังไม่พอหรอก ต้องได้กินของดี ๆ และอร่อยด้วย ”
“แต่…นั่นมันลำบากเกินไป”
”ไม่เป็นไร ผมทำเสร็จเร็วจะตายไป ! ”
เอ่อ……
ทันทีที่พูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที เขาเป็นผู้ชาย พูดคำว่าทำเสร็จเร็วออกมาได้อย่างไร ?
เขายิ้มด้วยความเขินอาย และเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
สำหรับมื้อเช้านี้ ในที่สุดหลินเจียอินก็ได้กินปาท่องโก๋ทอดร้อน ๆ อย่างที่เธอต้องการ
นอกจากนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ยังทำน้ำเต้าหู้ให้ดื่มคู่กันด้วย
กัดปาท่องโก๋กรอบ ๆ เต็มปากเต็มคำ แล้วจิบน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ ตามลงไป ไม่ต้องพูดถึงว่ามันฟินขนาดไหน
หลินเจียอินกินไปยิ้มไปอย่างมีความสุข มันเป็นอาหารเช้าที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็บอกให้หลินเจียอินรับซื้อมันฝรั่งเพิ่ม จากนั้นก็ขนกระสอบมันฝรั่งที่เหลือสองกระสอบเข้าไปในเมืองต่อ
เพราะเขารับปากกับลูกค้าหลายคนเอาไว้แล้วเมื่อวานนี้ ว่าจะมาเปิดร้านตอน 10 โมง
ทว่าในตอนที่เขามาถึงโรงน้ำชาก็ปาไป 9 โมงกว่าแล้ว
ในเวลานี้หวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงก็ได้มาถึงโรงน้ำชาแล้ว หวังผิงได้จุดเตาและเติมถ่านเข้าไป ก่อนจะไปเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาเตรียมไว้ และยกโต๊ะยกเก้าอี้ออกมาตั้งที่หน้าร้าน
ส่วนเฝิงเยี่ยนหงก็รับหน้าที่ปอกเปลือกมันฝรั่ง และหั่นใส่กะละมังเตรียมเอาไว้
ทั้งสามทักทายกันสั้น ๆ เมื่อเอามันฝรั่งลงที่ร้านเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไปที่โรงพิมพ์ต่อ
เพราะเขาได้จ้างเซี่ยงเฉียนจิ้น ให้ทำชามที่ใช้แล้วทิ้งจากระดาษมากที่สุดเท่าที่จะทำได้มาให้กับเขาวันนี้
“พี่ครับ อยู่ไหมครับ”
”เข้ามาดูก่อนสิว่าชามแบบใช้แล้วทิ้งเหล่านี้ ตรงตามความต้องการของนายไหม”
ที่โรงพิมพ์ เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้ามา เซี่ยงเฉียนจิ้นก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ผมต้องขอบคุณพนักงานทุกคนด้วย ที่ยอมทำงานหนักมาทั้งคืน”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดกับเซี่ยงเฉียนจิ้น แต่เขาพูดกับคนงานที่ยืนอยู่รอบ ๆ อย่างสุภาพ
หลังจากที่ทั้งสองทักทายกัน เจียงเสี่ยวไป๋ก็เข้าไปตรวจสอบสินค้าที่เขาสั่งทำทันที
ขนาด ความหนาของชาม และรูปแบบของชามกระดาษที่ทำขึ้นในครั้งนี้เป็นไปตามที่เขากำหนดเอาไว้ทั้งหมด ส่วนคุณภาพของสินค้านั้นก็ผ่านการทดสอบเช่นกัน
และที่น่ายินดียิ่งกว่าคือโรงพิมพ์สามารถทำยอดได้มากกว่า 6,000 ใบภายในหนึ่งคืน
”นี่เป็นครั้งแรกที่คนงานของเราได้ลองทำ ในตอนแรกมันยังไม่ดีพอ แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็สามารถทำได้อย่างดี”
เซี่ยงเฉียนจิ้นอธิบาย
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องรีบ แค่วันละสองสามร้อยใบก็พอครับ ”
เจียงเสี่ยวไป๋พอใจเป็นอย่างมาก เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
โรงพิมพ์มีรถบรรทุก เซี่ยงเฉียนจิ้นจึงได้ให้คนงานยกชามกระดาษ 6,000 ใบใส่รถบรรทุกขนไปยังโรงน้ำชาของหวังผิงทันที
”เอ่อ ไม่ทราบว่ามาทำอะไร…?”
หวังผิงถามคนงานที่มาส่งถ้วยกระดาษด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นชามกระดาษที่เจียงเสี่ยวไป๋หยิบออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือชามแบบใช้แล้วทิ้ง ซึ่งสะดวกสำหรับลูกค้าที่ซื้อกลับบ้าน”
ชามใช้แล้วทิ้ง ?
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงได้ยินเรื่องนี้ หลังจากฟังเจียงเสี่ยวไป๋อธิบายรายละเอียดให้ฟังจนจบ พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี
ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อกลับบ้านหรือจะกินในโรงน้ำชา ก็สามารถทิ้งชามลงถังขยะได้ทันที ไม่ต้องกลัวว่ามันจะแตก ประหยัดแม้กระทั่งเวลาในการล้างจาน
“ราคาไม่แพงเกินไปใช่ไหม ? ”
เฝิงเยี่ยนหงถามขึ้นมาด้วยความกังวล
“ราคาของมันแค่หนึ่งถึงสองเฟินต่อใบเท่านั้น อีกทั้งชามกระดาษนี้ ยังใบใหญ่กว่าชามหัวเข็ม ดังนั้นตั้งแต่วันนี้ไป ผัดมันฝรั่งจะขายในราคา 4 เหมา ” เจียงเสี่ยวไป่กล่าว
“4 เหมา ? ”
เฝิงเยี่ยนหงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
เมื่อวานนี้ เจียงเสี่ยวไป๋มีรายได้มากถึง 80 หยวน ทั้งที่ขายในราคาถ้วยละ 3 เหมา ซึ่งใช้มันฝรั่งหมดไปทั้ง 2 กระสอบ แต่วันนี้เขาเอามาตั้ง 4 กระสอบ
หากว่าขายหมดทั้ง 4 กระสอบ ไม่ใช่ว่าเขาจะหาเงินได้มากถึง 200-300 หยวนเลยหรือ
หากมีรายได้ 200-300 หยวนต่อวัน เดือนหนึ่งก็ได้เกือบ 10,000 หยวน
เมื่อคิดแบบนี้ เฝิงเยี่ยนหงก็รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
ในตอนนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ขอให้หวังผิงหาลังกระดาษมาเขียนข้อความลงไป และเอามาแปะไว้ที่หน้าร้าน
”ผัดมันฝรั่ง ชิมฟรี ไม่คิดเงิน ไม่ชอบไม่ต้องจ่ายเงิน ! ”
ป้ายลังกระดาษถูกห้อยลงมาจากชายคาของกันสาดด้วยเชือก ทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
”เป็นคนหัวการค้าจริง ๆ ”
เมื่อเห็นแบบนี้ เฝิงเยี่ยนหงก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม
หลังจากช่วยกันเปิดร้านเสร็จแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มผัดมันฝรั่งกระทะแรก
”สหาย ถ้าผัดมันฝรั่งของคุณไม่อร่อย ไม่ต้องจ่ายเงินใช่ไหม ? ”
ในไม่ช้า ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาก็ถูกดึงดูดด้วยป้ายโฆษณาที่แขวนอยู่บนชายคาของกันสาด
แม้ว่าผัดมันฝรั่งจะไม่ค่อยอร่อยนัก แต่ร้านนี้ก็ทำได้หอมเตะจมูกมาก
หากไม่อร่อยก็ไม่ต้องจ่ายเงิน ลองไปชิมฟรีดูก่อนไม่เสียหายอะไร
“ใช่ครับ คุณลูกค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน ลองมาชิมดูก่อนได้”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
”ได้ ๆ ขอชิมดูก่อนนะ”
”งั้นนั่งรอสักครู่นะครับ ผัดมันฝรั่งใกล้จะสุกแล้ว ”
“ไม่เป็นไร ฉันยืนจะรออยู่ตรงนี้แหละ”
ชายคนนั้นรอประมาณห้าถึงหกนาที ไม่นานผัดมันฝรั่งกระทะแรกก็สุก
ในช่วงเวลานี้ ป้ายโฆษณาชิมฟรีได้ดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้เข้ามาหา จนตอนนี้ที่หน้าร้านมีคน 4-5 คนกำลังยืนรอคิวที่จะชิมฟรีอยู่
เจียงเสี่ยวไป๋นำมันฝรั่งทั้งหมดที่ผัดในกระทะแรก ใส่ลงในหม้อเคลือบที่มีเครื่องปรุงสูตรพิเศษอยู่ในนั้น ทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน เพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าไปในมันฝรั่ง
หลังจากนั้น เขาหยิบไม้ที่ทำมา จิ้มลงไปในมันฝรั่งสองสามชิ้น
“นี่ครับทุกคน ลองชิมดูก่อน”
“ชิมฟรีได้คนละ 3 ชิ้นครับ หากว่าอยากกินมากกว่านี้ก็ต้องอุดหนุนผมแล้วล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
อ่า ?
ไม่ใช่ชิมฟรีทั้งชาม แต่ให้ชิมเพียงสามชิ้นเท่านั้น
คนที่ยืนรอชิมอยู่สองคนรู้สึกว่าเหมือนกับถูกหลอก และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
แต่ไหน ๆ ก็มายืนรอตั้งนานแล้ว ขอชิมก่อนก็แล้วกัน
หลายคนรีบหยิบไม้จิ้มในกระบอกไม้ไผ่ แล้วจิ้มมันฝรั่งสีทองที่เคลื่อบด้วยซอสสูตรพิเศษ ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ
”ไอ้หยา อร่อยใช้ได้เลย”
”กินได้ไม่เบื่อ ไม่คิดว่าผัดมันฝรั่งจะอร่อยขนาดนี้”
”นี่มัน… อร่อยเกินไปแล้ว”
”…”
ทุกคนเพิ่งกัดเข้าไปคำแรก และหลายคนที่ได้ลองชิมก็รู้สึกประหลาดใจ
จะบอกว่าไม่อร่อยก็เป็นไปไม่ได้
เพราะมันอร่อยจริง ๆ
“เถ้าแก่ แล้วขายยังไง ”
“ใช่ เถ้าแก่ ราคาเท่าไหร่”
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบชามกระดาษออกมาและพูดว่า “ราคาชามละ 4 เหมา แถมไม้เอาไปจิ้มกินด้วย จะนั่งกินในโรงน้ำชาหรือซื้อกลับบ้านได้ครับ”
“ชามละ 4 เหมา ไม่แพงไปหรือ”
”มันไม่แพงไปหน่อยหรือ เงิน 4 เหมาซื้อข้าวได้ตั้ง 4 จินเชียวนะ”
ลูกค้าสองคนเกิดความลังเลเล็กน้อย
“ถึงจะแพง แต่หากอร่อยก็คุ้มค่า ฉันซื้อชามนึง”
“งั้นเถ้าแก่ ฉันก็เอาชามหนึ่ง”
”ฉันเอาผัดมันฝรั่งแสนอร่อยสองชามจ้า เอากลับบ้านไปให้ลูกสะใภ้ของฉันได้ชิมด้วย”
คนที่เหลืออีกสามสี่คนกลับซื้อโดยไม่ลังเล
“ได้เลยครับลูกค้า รอสักครู่ ผมจะใส่ชามให้”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่รีบตักมันฝรั่งให้ลูกค้าทั้งสามคนอยู่ เขาก็ไม่ลืมที่จะพูดกับอีกสองคนที่ดูจะลังเลว่า “หากยังลังเล หรือไม่แน่ใจในรสชาติ ลองชิมอีกสองชิ้นดูก็ได้นะครับ”
ในตอนแรกทั้งสองคนคิดว่ามันแพงไปหน่อย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดที่จะซื้อมัน แค่อยากมาลองชิมฟรีก็เท่านั้น แต่หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดแบบนี้ออกมา พวกเขาก็มองไปที่มันฝรั่งสีทองในกะละมัง แล้วทั้งคู่ก็หยิบไม้จิ้มขึ้นมาราวกับถูกผีดึงมือ หลังจากนั้นก็จิ้มมันเข้าปากทันที
ในขณะนี้ ลูกค้ารายแรกที่ได้ผัดมันฝรั่งไป แทบรอไม่ไหวที่จะกินมัน
”อร่อย ! ”
“อร่อยจริง ๆ ! ”
เขายังชมออกมาไม่หยุด ส่วนลิ้นก็ยังวนอยู่ในปากเพื่อสัมผัสรสชาติที่ยังหลงเหลือ ส่วนเสียงของเขาก็แหบพร่าเล็กน้อย
แต่ดูสีหน้าตอนกินสิ อร่อยจริง ๆ