ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 332 :ประมูลที่ดินในเจียงเฉิง
ตอนที่ 332 :ประมูลที่ดินในเจียงเฉิง
ทั้งสองทานอาหารง่าย ๆ กันในตอนเที่ยง จากนั้นถังเสี่ยวโจวก็พาเจียงเสี่ยวไป๋ไปที่เจียงหยาง
เขตอำเภอทั้งสามเขตในเจียงเฉิงมีเจียงโข่วเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและศูนย์กลางการบริหารของเมืองเจียงเฉิง เจียงชางเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมและศูนย์กลางการบริหารของมณฑลจีนตอนกลาง อย่างไรก็ตาม เจียงหยางยังคงล้าหลังเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเจียงโข่วและเจียงชาง
แต่เจียงหยางเป็นทางเข้าสู่เมืองเจียงเฉิงจากชิงโจว ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตของเจียงหยางค่อนข้างพัฒนา ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและช่วงต้นสถาปนาประเทศจีน สินค้ามากมายล้วนมีคำว่า “made in Jianyang ! ” ทั้งนั้น
ถังเสี่ยวโจวนำเจียงเสี่ยวไป๋ไปดูที่ดินสามผืน ผืนแรกมี 68 หมู่ ผืนที่สองมี 312 หมู่ และอีกผืนมีพื้นที่ 606 หมู่ ที่ดินทั้งสามผืนนี้เป็นที่ดินที่วางแผนไว้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เพียงแต่ยังไม่มีการประกาศออกมา
หลังจากรู้ข้อมูลนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ทั้งดีใจและทึ่งที่ได้เห็นอำนาจของถังเสี่ยวโจวอีกครั้ง หรือบางทีหากจะพูดให้ถูกต้อง ควรพูดว่าอำนาจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังถังเสี่ยวโจวต่างหาก
หากไม่มีอำนาจหรือเส้นสายมากพอ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่ามีที่ดินทำโรงงานอุตสาหกรรมที่ยังไม่ได้ประกาศ
“คุณเจียง คุณอยากได้ผืนไหน ? ”
ถังเสี่ยวโจวถาม หลังจากดูที่ดินทั้งสามผืน
ถ้าพูดถึงที่ดิน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ต้องการที่ดินผืนใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะได้ที่ดินสักผืนในเจียงเฉิง แต่เมื่อพิจารณาถึงที่ตั้งของที่ดินทั้งสามผืนแล้ว ในที่สุดเขาก็เลือกที่ดินขนาด 312 หมู่
ถังเสี่ยวโจวกล่าวว่า “ที่ดินผืนนั้นอยู่ใกล้กับทางหลวงหมายเลข 318 ซึ่งมันเหมาะสำหรับคุณที่จะใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้า แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการครอบครองที่ดินผืนนั้น คุณต้องจดทะเบียนบริษัทก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นั่นไม่ใช่ปัญหา ผมแค่สงสัยว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะได้รับใบอนุญาตในการจดทะเบียนบริษัทในเจียงเฉิงได้”
ถังเสี่ยวโจวหัวเราะเบา ๆ “ถ้าผมไปกับคุณ วันนี้ก็ได้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์เพื่อจดทะเบียนบริษัท โดยมีถังเสี่ยวโจวไปด้วย ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
แน่นอนว่าเมื่อกรอกข้อมูลการลงทะเบียน เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงกรอกชื่อของหลินเจียอินเป็นเจ้าของบริษัทเช่นเคย
ถังเสี่ยวโจวจึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “คุณเจียง ใครคือหลินเจียอินหรือครับ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ภรรยาของผมเอง ! ”
ถังเสี่ยวโจวเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจและคิดว่า: มิน่าล่ะ !
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าในใจของเขากลับนับถือเจียงเสี่ยวไป๋มากขึ้น
หลังจากส่งเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่เกสท์เฮาส์หงซานแล้ว ถังเสี่ยวโจวก็บอกกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่าเขาควรอยู่ที่เจียงเฉิงอีกสองสามวัน ที่ดินทั้งสามผืนนี้จะถูกประกาศขายในไม่ช้า เขาจะช่วยเจียงเสี่ยวไป๋ลงทะเบียนเพื่อให้เจียงเสี่ยวไป๋ได้เสนอราคาในเวลานั้น
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วยทันที
อนิจจา การกลับชิงโจวของเขาจะต้องถูกเลื่อนออกไปอีก อีกตั้งสองสามวันกว่าที่เขาจะได้พบกับภรรยาและลูกสาวของเขา ซึ่งมันทำให้เขาค่อนข้างเสียดาย
ในวันต่อมา เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีอะไรทำ เขาเบื่อที่จะอยู่ในเกสต์เฮาส์ตลอดทั้งวันแล้ว จึงขับรถเล่นรอบ ๆ เพื่อดูว่าแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันและร้านโยวผิ่นควรจะเอามาเปิดที่ไหนได้บ้าง
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็ได้สถานที่ไม่น้อยกว่าสามสิบถึงสี่สิบแห่ง
เขายังเซ็นสัญญากับเจ้าของสถานที่ล่วงหน้า และจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหลายเดือน
แม้ว่าแฟรนไชส์กุ้งอบในน้ำมันจะเปิดในปีหน้า แต่ระหว่างนี้เขาสามารถเปิดร้านโยวผิ่นได้
และถึงแม้ว่าจะมีบางที่ยังว่างชั่วคราวอยู่ แต่ทำเลของร้านเหล่านั้นก็ดีจนกังวลว่าจะถูกคนอื่นมาเช่าไปก่อน เพราะกว่าจะถึงปีหน้าก็อีกหลายเดือน เขาจึงยอมจ่ายค่าเช่าเพิ่มเพื่อที่จะเช่าที่นี้ไว้เอง
นอกจากนี้เขายังพยายามไปที่ตรอกใกล้พิพิธภัณฑ์เพื่อดูว่าจะพบวัตถุโบราณอีกหรือไม่ แต่ของดีมีไม่มากนัก เพราะทุกครั้งที่ไปด้วยความดีใจ มักจะกลับมาด้วยความผิดหวัง
ตอนกลางวันเขายุ่งมาก ในตอนเย็นเขาจึงกลับไปที่เกสต์เฮาส์และคุยโทรศัพท์กับลูกสาวอยู่พักหนึ่ง
ห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็มีข่าวมาจากถังเสี่ยวโจว จากนั้นการประมูลที่ดินทั้งสามผืนก็เริ่มขึ้น
ปัจจุบัน ราคาที่ดินอุตสาหกรรมในเจียงเฉิงมีราคาไม่สูงมากนัก ราคาเริ่มประมูลกำหนดไว้ที่หมู่ละ 600 หยวน ส่วนราคาซื้อขายเฉลี่ยในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณหมู่ละ 3,000 หยวน
เมื่อเทียบกับราคาหมู่ละหลักล้านหลักสิบล้านในยุคสมัยหลัง ราคาพวกนี้แทบไม่ต่างจากราคาของกะหล่ำปลีเลย
ซึ่งในตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋มีเงินในบัญชีธนาคารของเขามากกว่าห้าล้านหยวน เขาคิดอยากจะซื้อที่ดินทั้งสามผืนด้วยซ้ำ
แต่แล้วเขาก็ยับยั้งชั่งใจตัวเองไว้
การตกเป็นเป้าสายตาในทันทีไม่ใช่เรื่องที่ดี
ท้ายที่สุด เขาก็ประสบความสำเร็จในการได้มาซึ่งที่ดินขนาด 312 หมู่ในราคา 1,279,200 หยวน
ในที่สุดก็ได้มันมาแล้ว ต่อให้ราคาจะสูงกว่าที่คาดไว้ตอนแรกไปประมาณ 200,000 หยวนก็ตาม แต่เขาก็ยังดีใจมาก
นี่ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกของเขาที่จะออกจากชิงโจว
ในตอนเย็น เขาได้มาเล่าให้พ่อตาฟัง หลินต้าเหว่ยก็พูดเพียงว่า “ซื้อไปเถอะ ยังไงก็ไม่ขาดทุน”
อย่างไรก็ตาม แม้จะซื้อที่ดินมาแล้ว แต่การก่อสร้างที่ตามมาก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาปัญหานี้ให้ถังเสี่ยวโจวช่วยอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองก็ได้มาพบกันที่เกสท์เฮาส์หงซาน ถังเสี่ยวโจวตั้งใจที่จะแนะนำเขาให้รู้จักกับสถาบันออกแบบสถาปัตยกรรมมณฑลจีนตอนกลางสาขา 3 ที่อยู่ในเจียงเฉิงเพื่อวางแปลนการก่อสร้าง แต่เจียงเสี่ยวไป๋ปฏิเสธ
“เลขาถัง ผมจะร่างแบบแปลนเอง คุณแค่แนะนำผมให้รู้จักกับบริษัทก่อสร้างก็พอ”
ถังเสี่ยวโจวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณร่างแบบแปลนเองได้งั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมก็พอมีความรู้เรื่องนี้มาบ้างเล็กน้อย”
ถังเสี่ยวโจวกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมยังคงจะแนะนำให้คุณไปปรึกษาพวกเขา ประการแรก พวกเขามีความเป็นมืออาชีพมากกว่า ประการที่สอง คุณไม่สามารถก่อสร้างได้หากไม่มีตราประทับของสถาบันการออกแบบ”
คราวนี้เป็นคราวของเจียงเสี่ยวไป๋ที่ต้องประหลาดใจ
การก่อสร้างต้องผ่านการวางแผนการทบทวนการเขียนแบบก่อน แน่นอนว่าเขารู้ดี ตอนอยู่ที่ชิงโจวเขามักจะวางแผนและสร้างแปลนขึ้นมาด้วยตัวเองเสมอ จากนั้นจึงให้ทีมก่อสร้างเริ่มก่อสร้างตามแบบ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาวางแผนหรืออนุญาต
จากแง่มุมนี้ เจียงเฉิงได้ก้าวนำหน้าชิงโจวอย่างแท้จริง โดยมีการจัดการที่แม่นยำและเข้มงวดมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตระหนักได้ว่าความมั่นใจของเขาหลังการเกิดใหม่นั้นดูจะรุนแรงเกินไป
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป จะส่งผลต่อการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ผิดพลาด
“เรายังต้องทำการคำนวณและต้องให้ผ่านการทดสอบก่อน จึงจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋แอบเตือนตัวเอง
“เลขาถัง งั้นก็ช่วยแนะนำสถาบันการออกแบบให้ผมที ผมอยากออกตามแบบที่ผมต้องการ พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการคำนวนและตรวจสอบดูเท่านั้น” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
ถังเสี่ยวโจวกล่าวว่า “แน่นอน เรื่องนี้ไม่มีปัญหา พวกเขาจะสร้างแบบแปลนขึ้นมาตามความต้องการของลูกค้าอย่างแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มออกมา เขารู้ว่าถังเสี่ยวโจวเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อสารผิดไป แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก และจะสื่อสารกับสถาบันการออกแบบเองเมื่อถึงเวลา
สิ่งสำคัญคือช่องว่างระหว่างแนวคิดการออกแบบปี 1983 และแนวคิดการออกแบบของคนรุ่นหลังในศตวรรษที่ 21 นั้นห่างกันเกินไป หากเขาไม่ทำเอง สถาบันการออกแบบในยุคนี้คงจะไม่สามารถสร้างแบบแปลนที่เขาต้องการได้
สำหรับการก่อสร้าง ถังเสี่ยวโจวกล่าวว่าเขารู้จักกับประธานของบริษัทวิศวกรรมก่อสร้างอันดับ 1 ของเมืองเจียงเฉิง จึงไม่ต้องกังวล เขาจะติดต่อหลังจากแบบแปลนได้รับการอนุมัติแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วยทันที
ถังเสี่ยวโจวอยู่ที่เกสต์เฮาส์และโทรหาลู่จือเจี้ยน ผู้อำนวยการสถาบันออกแบบสถาปัตยกรรมมณฑลจีนตอนกลางสาขา 3 หลังจากอธิบายเรื่องนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ได้นัดพบกันที่ร้านอาหารบนถนนปาอี้ในช่วงบ่าย
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกสท์เฮาส์หงซานมาก ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋และถังเสี่ยวโจวจึงเดินไปที่นั่นแทน