ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 334 :เมียจ๋า ผมกลับมาแล้ว
ตอนที่ 334 :เมียจ๋า ผมกลับมาแล้ว
ครั้งนี้ เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ที่เจียงเฉิงทั้งหมด 8 วัน เขาออกเดินทางกลับไปที่ชิงโจวในวันที่ 9 และมาถึงเจียงวานในช่วงบ่ายของวันที่ 10
ในเวลานี้ โรงเรียนได้เริ่มเปิดเทอมแล้ว เจียงเสี่ยวเหลยเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยม ส่วนเจียงเสี่ยวชิงก็ไปเรียนมหาวิทยาลัย ที่บ้านจึงเหลือเพียงผู้เฒ่าสองคนและเจียงเสี่ยวหยูเท่านั้น
เขาเอาของฝากกลับมาเต็มรถ ในรถจึงไม่มีอะไรนอกจากของฝากเท่านั้น
เมื่อเจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋เห็นเขาซื้อของมามากมาย ทั้งสองก็ไม่ได้ว่าให้เขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลูกชายของพวกเขามีเงินแล้ว ก็ปล่อยให้เขาใช้มันตามที่เขาพอใจสักหน่อยเถอะ !
ยิ่งไปกว่านั้น ของพวกนี้ก็ซื้อมาให้พวกเขาเหมือนกัน
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แสร้งทำเป็นพูดว่า “พวกเราต่างก็แก่แล้ว ซื้อมามากมายขนาดนี้ มันไม่สิ้นเปลืองไปหรือ ? ”
แต่ความจริงแล้วพวกเขารู้สึกมีความสุขมาก
“ดูสิ นาฬิกาเรือนนี้เป็นแบรนด์ต่างประเทศ สวยมาก ! ”
“ไอ้หยา เสื้อผ้าที่แกซื้อจากในเมืองมาให้มันช่างแตกต่างจากที่เราเคยสวมใส่มาก ดูสิ คุณใส่แล้วดูสาวลงมาก ! ”
“ตาเฒ่า คุณก็เหมือนกัน เสื้อผ้าชุดใหม่นี้ทำให้คุณดูหนุ่มแน่นขึ้นมาก ! ”
“รองเท้าคู่นี้ใส่สบาย มันทั้งนุ่มและไม่กัดเท้าด้วย ! ”
“……”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ออกมา สองเฒ่าก็ลองเสื้อผ้าชุดใหม่ทีละตัวอยู่ในบ้าน จากนั้นก็ไปเดินเล่นในหมู่บ้านให้ชาวบ้านอิจฉา
ต้องใส่ไปอวดสักหน่อย !
แน่นอนว่าพวกเขาก็ได้รับสายตาอิจฉาและคำชมจากคนในหมู่บ้านตามที่พวกเขาต้องการ
ทุกครั้งที่ชาวบ้านชม เจียงไห่หยางจะยิ้มจนแก้มแทบแตกและพูดว่า “เจ้ารองไปส่งเสี่ยวชิงเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิง เลยซื้อมาฝากพวกฉัน ! ”
ชาวบ้านทุกคนต่างก็รู้ว่าครอบครัวของเขามีนักศึกษามหาวิทยาลัยคนแรกของหมู่บ้าน และมีลูกชายที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน
เจียงเสี่ยวหยูเองก็มีความสุขไม่ต่างกัน นาฬิกาแบรนด์นอกที่เธอได้มาจากพี่รองนั้นสวยมาก
เสียดายที่สายของมันใหญ่ไปหน่อย
แต่ไม่เป็นไร พี่รองรับปากเธอว่าวันอาทิตย์จะพาเธอเข้าเมือง แล้วหาช่างซ่อมนาฬิกาตัดสายนาฬิกาให้
นอกจากนี้ ยังมีเสื้อผ้าและรองเท้าใหม่ที่ดูทันสมัยมากมาย
เมื่อเจียงเสี่ยวหยูสวมมัน ไม่เพียงแต่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้นที่อิจฉา แม้แต่ครูในโรงเรียนก็ยังอิจฉาเธอด้วย
หลังจากอยู่บ้านหนึ่งคืน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น
ครั้งนี้เขาได้ห่างหายไปนานกว่า 10 วัน จึงไม่ได้ดูแลกิจการต่าง ๆ มากมาย เช่น โรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก โรงงานผลิตเครื่องปรุงรส โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง ร้านกุ้งอบน้ำมัน และร้านโหยวผิ่น โดยเฉพาะเครื่องจักรและอุปกรณ์ใหม่ของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองที่ได้รับการติดตั้งแล้ว และเริ่มการผลิตนมถั่วเหลือง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เข้าไปดู แต่รีบตรงไปที่เจี้ยนหยางแทน
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอภรรยาและลูกสาวของเขา
รถจี๊ปขับอย่างรวดเร็วมาตลอดทาง จนมาถึงเจี้ยนหยางภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง
“ป่าป๊าคะ ไหนป่าป๊าบอกว่าจะมารับหนูภายในไม่กี่วัน แต่นี่มันตั้งสิบวันแล้วนะคะ ! ”
“ฮือออออ…..”
“หนูคิดถึงป่าป๊ามากเลยค่ะ ! ”
ทันทีที่เขาเข้าไปในบ้านแม่ยาย ก่อนที่เขาจะได้คุยกับเธอและภรรยา เด็กหญิงตัวเล็กก็รีบกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและเริ่มร้องไห้ออกมา ท่าทางที่น่าสงสารของเธอทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกปวดใจ
“เอาล่ะลูกรัก พ่อกลับมาแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปลอบใจเธอก่อน และต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะโอ๋เธอสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าตัวเล็กจะหยุดร้องไห้แล้ว แต่เธอก็ยังเกาะติดเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ยอมให้เขาปล่อยเธอลงจากอ้อมแขน
“ป่าป๊า อย่าทิ้งชานชานไปอีกนะคะ ! ”
“ป่าป๊าไม่อยู่ ชานชานน่าสงสารมาก ! ”
“ป่าป๊า……”
“……”
คำพูดที่ว่า ‘พาลูกน้อยไปด้วยทุกที่’ ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน เขาพูดเบา ๆ ว่า “เอาล่ะ พ่อจะไม่ทิ้งหนูอีก ดีไหมเจ้าหญิงน้อยของพ่อ ? ”
“ป่าป๊าใจดีที่สุดเลยค่ะ ! ” เจ้าตัวเล็กพูดอย่างมีความสุข
สองพ่อลูกออดอ้อนและโอ๋กันจนหลิวอี้ถิงส่ายหัว โชคดีที่แม่ของเธออยู่ที่นั่น ไม่เช่นนั้นพ่อของเธอคงคิดว่าฉันซึ่งเป็นยาย รังแกลูกของเขาเป็นแน่ !
หลินเจียอินเองก็ได้แต่ถอนหายใจ เฮ้อ… ในอนาคตจะดีกว่าไหมถ้าจะมีลูกชายอีกสักคน !
บางทีลูกชายอาจจะมาออดอ้อนเธอแบบนี้บ้าง !
ลูกสาวคงติดแต่พ่อของเธอเท่านั้น !
ใช้เวลาอีกสักพัก กว่าที่เจ้าตัวเล็กจะยอมผละออกจากเจียงเสี่ยวไป๋
จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้มีเวลาทักทายหลิวอี้ถิง “สวัสดีครับแม่ ! ”
จากนั้น เขาก็หันไปพูดกับหลินเจียอิน “เมียจ๋า ผมกลับมาแล้ว ! ”
หลินเจียอินกล่าวว่า “อืม”
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจ ลูกสาวของเขาดีขึ้นแล้ว หากเขาต้องการกอดภรรยา ก็แค่รอให้ถึงกลางคืนก็ได้กอดแล้ว !
หลิวอี้ถิงบอกให้เจียงเสี่ยวไป๋นั่งลง จากนั้นเธอก็ไปชงชาหลงจิ่งของสามีเธอมาให้เขา แล้วพูดว่า “ลูกไปอยู่ที่เจียงเฉิงมานาน น่าจะไม่ค่อยได้กินอะไร แม่ว่าจะตุ๋นคากิให้กินตอนเที่ยง”
“ขอบคุณครับแม่ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
ในความเป็นจริง เขาสามารถปรับตัวเข้ากับอาหารได้ทั่วประเทศ แต่เขาไม่อยากจะปฏิเสธความปรารถนาดีของแม่ยาย ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ
นอกจากนี้ ในตอนที่แม่ยายทำอาหารในครัว เขายังสามารถเล่นจ้ำจี้กับภรรยาเขาได้
ยังไงก็ต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ !
“คุณลุง!”
ทว่าในตอนนั้น ก็มีเสียงเล็ก ๆ ดังอยู่ข้าง ๆ เขา
จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็สังเกตเห็นว่าเขาลืมทักทายเจียงถิงตัวน้อยไป
“มาเถอะถิงถิง มานี่ คิดถึงลุงบ้างไหม ? ”
“ไม่ค่ะ ! แม่บอกว่าเมื่อลุงกลับมา ให้หนูกลับไปหาปู่กับย่าทันที ! ” เจียงถิงส่ายหัวไปมา
เอิ่ม……
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ทำตัวไม่ถูก ในความคิดของหลานสาว เขาคือคนเลวที่ทำให้เธอต้องแยกจากพ่อแม่สินะ
“ถ้าถิงถิงไม่อยากกลับบ้าน หนูก็อยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
เจียงถิงส่ายหัวอีกครั้ง “แม่บอกว่าแม่กับพ่อยุ่งมาก ถ้าลุงกลับมาแล้ว หนูต้องกลับทันที ถ้าหนูไม่กลับกลับ แม่ก็จะโกรธหนูอีก ! ”
สำหรับเจ้าตัวเล็ก เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอจริง ๆ
คำขอโทษผุดขึ้นมาในใจของเขา
บางทีนี่อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดที่ให้เจียงเสี่ยวเฟิงและหลัวเจาตี้มาดูแลโรงงานที่เจี้ยนหยาง !
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจ และนึกถึงกวีบทหนึ่งขึ้นมา:
แต่เดิมเคยคิดว่าตัณหาทำลายชีวิตฉัน;
เข้าป่าก็กลัวจะละสายตาจากเมืองใหญ่
หนทางเดียวที่จะทำให้โลกมีทั้งสันติภาพและความจริงใจนั้น,
ต้องศรัทธาต่อความเชื่อ ยึดมั่นในความรัก
ในโลกนี้มีทั้งกำไรและขาดทุน แม้แต่ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะ ก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แม้ว่าเขาจะบรรลุเต๋าผ่านการฝึกฝน แต่เขายังคงมีหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ยังเป็นเพียงคนธรรมดา พวกเขาไม่มีสถานะที่น่านับถือ ไม่มีการรับรู้อันทรงพลัง หรือแม้แต่พลังพิเศษอะไร
หากว่าคนธรรมดา ๆ เช่นนี้อยากสร้างชีวิตให้ดีขึ้นย่อมต้องยอมจ่ายในราคาที่สูง เหมือนในปี 1990 เมื่อคลื่นของแรงงานข้ามชาติกระจายไปทั่วประเทศ คนกลุ่มใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ นั่นคือเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ข้างหลัง !
ซึ่งก็ไม่ต่างจากเจียงถิงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ !
อย่างไรก็ตาม เจียงถิงยังโชคดีกว่าเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งคนอื่น ๆ
ไม่ใช่เพราะเธอเป็นลูกสาวของเจียงเสี่ยวเฟิง แต่เพราะเธอเป็นหลานสาวของเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดกับเจียงถิง “ถิงถิง ลุงสัญญาว่าอีกไม่นานหนูจะได้อยู่กับพ่อแม่ทุกวัน ! ”
“จริงหรือคะ ? ” เจียงถิงถามด้วยความสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนยันว่า “เชื่อลุงสิว่าในอีกไม่เกิน 1 ปี หนูจะได้อยู่กับพ่อแม่ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม”
“1 ปี ! นานมากเลยค่ะ ! ”
ดวงตากลมโตของเจียงถิงแสดงความผิดหวังออกมาอย่างน่าสมเพช จากนั้นเธอก็ถามว่า “”คุณลุง ทำไมต้องใช้เวลาถึง 1 ปีล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ลูบหัวของเธอแล้วพูดว่า “เพราะพ่อแม่ของหนูต้องใช้เวลา 1 ปีในการสร้างบ้านหลังใหญ่ให้หนูยังไงล่ะ ! ”
ดวงตาของเจียงถิงเป็นประกาย จากนั้นเธอก็พูดว่า “บ้านหลังใหม่นี้ใหญ่แค่ไหนกันคะ ? มันใหญ่กว่าบ้านหลังใหม่ในเจียงวานหรือเปล่า ? ”
“ใช่ มันใหญ่กว่าบ้านหลังใหม่ในเจียงวาน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “หลังจากสร้างบ้านใหม่แล้ว จะมีโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม สนามเด็กเล่น ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงภาพยนตร์ ห้องสมุด สนามกีฬา ร้านอร่อยและสถานที่เล่นสนุกสนานอีกมากมาย ในอนาคตหนูจะเติบโตอย่างมีความสุขที่นั่น ! ”