ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 336 :นาฬิกาคู่รัก
ตอนที่ 336 :นาฬิกาคู่รัก
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้บอกหลินเจียอินเรื่องซื้อที่ดินในเจียงเฉิง
หลินต้าเหว่ยเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ดังนั้นหลินเจียอินจึงไม่รู้
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจียงเสี่ยวไป๋เอาเงินไปใช้กับอะไรตั้งเป็นล้าน ?
“เมียจ๋า ผมซื้อที่ดินทำอุตสาหกรรมในเจียงเฉิงราคามากกว่าหนึ่งล้านหยวน แต่ที่ไม่ได้บอกคุณก่อน เพราะผมไม่สะดวกที่จะคุยทางโทรศัพท์”
อ่า !
หลินเจียอินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
ตราบใดที่คุณเอาเงินไปลงทุนกับธุรกิจ แบบนั้นก็ไม่เป็นไร !
เธอจึงถามด้วยความประหลาดใจ “แล้วทำไมคุณถึงคิดจะซื้อที่ดินในเจียงเฉิง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “บริษัทโลจิสติกส์จำเป็นต้องการคลังกระจายสินค้าในเจียงเฉิง ดังนั้นเราจึงต้องซื้อที่ดินไว้เมื่อมีโอกาส”
หลินเจียอินพยักหน้าเข้าใจ
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบใบรับรองการเปิดบริษัทโลจิสติกส์ออกจากกระเป๋าของเขา แล้วยื่นให้หลินเจียอิน เมื่อเธอหยิบมันขึ้นมา ก็เห็นว่ามันเป็นชื่อของเธอ
เธอซาบซึ้งใจมาก และถามออกมาว่า “ที่ดินที่คุณซื้อมามีขนาดเท่าไร ? ราคาหมู่ละเท่าไร ? ”
“312 หมู่ในเจียงหยาง”
“ราคาที่ดินหมู่ละ 4,100 หยวน”
หลินเจียอินกล่าวว่า “งั้นก็เท่ากับ 1,279,200 หยวน แสดงว่าคุณถอนเงินออกจากบัญชีอีก 90,000 หยวนงั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแห้ง “เมียจ๋าของผมคิดเลขเร็วมาก ! ”
หลินเจียอินกลอกตาของเธอไปมา “อย่าคิดว่าเพราะบริษัทโลจิสติกส์เป็นชื่อของฉัน แล้วคุณจะเอาเงิน 90,000 หยวนไปใช้สุรุ่ยสุร่ายโดยที่ไม่มีความผิดนะ”
ขณะที่พูด เธอก็หยิบกระเป๋าของเจียงเสี่ยวไป๋มา แล้วมองดูเงินในกระเป๋า
เธอเห็นเพียงแค่ธนบัตรที่เหลืออยู่เพียง 2 ปึกครึ่งเท่านั้น
ไม่ต้องนับก็บอกได้เลยว่าเงินครึ่งปึกนั้นจะต้องมีไม่เกิน 5,000 หยวนแน่นอน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นอกเหนือจากการเอาไปซื้อรถและซื้อที่ดินแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ยังใช้เงินไปอีกประมาณ 66,000 หยวนตอนที่อยู่ในเจียงเฉิง
ก่อนที่เขาจะไป เธอเคยเตือนเขาแล้วว่าอย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่คำพูดของเธอคงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
หลินเจียอินโกรธมากจนกัดฟัน
และนอกเหนือจากเงิน 20,000 หยวน ในกระเป๋าของเจียงเสี่ยวไป๋ยังมีกล่องสี่เหลี่ยม 2 กล่อง กล่องใหญ่ 1 กล่อง และกล่องเล็กอีก 1 กล่อง กล่องใหญ่เป็นกล่องกำมะหยี่สีดำ ส่วนกล่องเล็กนั้นเป็นสีเทาเงิน
“นี่คืออะไร ? ”
เธออดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบออกมาทันที “เมียจ๋า นี่คือของขวัญที่ผมซื้อให้คุณ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็หยิบกล่องกำมะหยี่สีดำออกมาก่อน ทันทีที่เขาเปิดมัน ดวงตาของหลินเจียอินก็เบิกกว้างขึ้น มันคือนาฬิกาเรือนงาม หน้าปัดสีน้ำเงินระยิบระยับ ตัวเรือนเป็นโลหะ พื้นผิวพร้อมสายหนังสีดำแต่ยังคงดูสวยงาม เหมาะกับผู้หญิง
เธอชอบมันทันทีที่เห็น
“โอเมก้า นาฬิกาที่ดีที่สุดที่ผมสามารถซื้อได้ในจีนตอนนี้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดออกมาอย่างแผ่วเบา
ในขณะที่พูด เขาก็ถอดนาฬิกาควอทซ์เรือนเก่าของหลินเจียอินที่ใส่อยู่ที่ข้อมือซ้ายของเธอมานานหลายปีออก และแทนที่ด้วยนาฬิกาโอเมก้าเรือนใหม่
“นาฬิกาเรือนนี้สวยมาก ! ”
ดวงตาที่สวยงามของหลินเจียอินเป็นประกาย เธอก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงในความสวยของมัน
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “แน่นอนว่านี่คือแบรนด์นาฬิกาชื่อดังจากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นนาฬิกาที่แม่นยำที่สุดในโลก และเป็นแบรนด์หรูที่มีชื่อเสียง”
“แล้วราคาเท่าไหร่ ? ”
หลินเจียอินถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอทำใจไว้แล้วว่าคงจะมีราคาหนึ่งถึงสองพันหยวนแน่นอน !
“12,000 หยวน ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
ฮะ !
ดวงตาของหลินเจียอินเบิกกว้าง เธอจ้องไปที่นาฬิกาโอเมก้าบนข้อมือของเธออย่างตกตะลึง เธอไม่เคยคาดคิดว่านาฬิกาเรือนนี้จะมีราคามากกว่า 10,000 หยวน เธอจึงโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว “แพงมาก ! ”
“มันไม่แพงหรอก ในอนาคตผมยังจะซื้อวาเชอรอน คอนสแตนตินและปาเต็ก ฟิลิปป์ให้คุณในอนาคต นาฬิกาเรือนละหลักล้านหลักสิบล้านต่างหากถึงจะเป็นนาฬิกาที่ดีที่สุด”
“เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่นำเข้ามาจำหน่ายที่จีน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างเสียดาย
หลินเจียอินตกใจเป็นอย่างมาก ยังมีนาฬิกามูลค่าเป็นล้านเป็นสิบล้านอยู่อีกหรือ !
ทันใดนั้น เธอก็หันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋และถามอย่างสงสัย “คุณรู้ได้อย่างไรว่ามีนาฬิการาคาแพงแบบนี้อยู่ ? ”
แค่ก ๆ ๆ !
เจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้งจนกระแอมไอออกมา !
เผยพิรุธจนได้ !
“ตอนที่ผมซื้อนาฬิกาเรือนนี้ พนักงานขายได้แนะนำให้ผมฟัง ! ”
และแล้วเขาก็สามารถหาเหตุผลที่พอฟังขึ้นได้
อืม ในที่สุดเขาก็หาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลได้แล้ว
“อ้อ ! ”
หลินเจียอินพยักหน้า ปรากฏว่าพนักงานขายแนะนำมันให้เขาฟัง งั้นเกรงว่าว่าพนักงานคงจะคุยโม้ไปหน่อย !
ใครมันจะไปโง่ใช้เงินมากมายขนาดนั้นไปกับนาฬิกาเรือนแค่นี้ !
เมื่อเห็นว่าหลินเจียอินหยุดถาม เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชอบไหม ? ”
“ชอบ ! ”
“งั้นถ้าคุณชอบ ก็ใส่มันทุกวันเลย นาฬิกาเรือนนี้กันน้ำได้”
“อื้ม ! ” หลินเจียอินพยักหน้าอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋วางนาฬิกาควอทซ์เรือนเก่าไว้บนโต๊ะ แต่หลินเจียอินก็รีบหยิบมันขึ้นมา
หลินต้าเหวยซื้อนาฬิกาควอทซ์เรือนนี้ให้เธอตอนที่เธอเข้าเรียนในวิทยาลัยครู แม้ว่าจะมีราคาเพียง 35 หยวน แต่มันก็เป็นของขวัญจากพ่อของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากทิ้งมัน แม้ว่าเธอจะได้นาฬิกาเรือนใหม่แล้วก็ตาม
เจียงเสี่ยวไป๋ยกข้อมือของเขาขึ้น เผยให้เห็นโอเมก้าของเขา และพูดเบา ๆ “ดูสิ ผมก็ซื้อมาเรือนหนึ่งด้วย มันคู่กัน เราใส่นาฬิกาคู่รักด้วยกัน”
หลินเจียอินมองไปที่นาฬิกาบนข้อมือของเจียงเสี่ยวไป๋ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าและหนากว่าของเธอ เมื่อดูนาฬิกาบนข้อมือของเธอเอง มันมีขนาดเล็กและละเอียดอ่อน อ่อนโยนเหมาะสำหรับผู้หญิง
นาฬิกาคู่รัก !
ชื่อนี้ดูดี !
หลินเจียอินยิ้มอย่างเขินอาย เผยให้เห็นลักยิ้มตื้น ๆ บนแก้มของเธอ มันช่างเป็นภาพที่สวยงามราวกับดอกท้อที่กำลังเบ่งบาน
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะลุ่มหลงไปกับรอยยิ้มนั้น !
ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน เขาล้วนไม่อาจต้านทานรอยยิ้มของภรรยาได้เลย เมื่อภรรยาของเขายิ้ม เขาก็ติดใจรอยยิ้มนั้นอยู่ทุกครา
“ป่าป๊าซื้อนาฬิกาให้แต่หม่าม๊าคนเดียวหรือคะ ? แล้วนาฬิกาของหนูล่ะ ? ”
เจียงชานพูดขึ้นมาในเวลานี้ ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ได้สติกลับมาจากรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง
“โอ้ แน่นอน พ่อก็ซื้อมาให้หนูเหมือนกัน”
“แต่พ่อเก็บมันไว้ที่บ้าน ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างรวดเร็ว
เด็กน้อยดูผิดหวัง “ป่าป๊าลำเอียง นาฬิกาที่ซื้อให้หม่าม๊ายังพกติดตัวมาด้วย แต่ของหนูไม่ว่าของเล่นหรือนาฬิกาก็อยู่ที่บ้านหมด ฮึ่ม ! ”
เอ่อ……
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกละอายใจ เพราะนาฬิกาที่เขาซื้อให้ลูกสาวมันเป็นแค่นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเด็ก ซึ่งราคาไม่แพงมาก เขาจึงเอาใส่ไว้ในถุงของเล่น
ถ้ารู้ว่ามันจะทำให้ลูกสาวของเขาไม่มีความสุข เขาคงเอามันมาด้วยแล้ว
“ชานชาน พ่อซื้อของเล่นให้หนูมากมายจนไม่สามารถใส่มันลงในกระเป๋าได้ พ่อจึงไม่ได้เอามันมาด้วยไงล่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ปลอบลูกสาวของเขาด้วยคำอธิบายที่ดูมีเหตุผล
“อ้อ ! ”
“ถ้าอย่างนั้นหนูยกโทษให้ป่าป๊าก็ได้ค่ะ ! ”
เจ้าตัวเล็กพูดอย่างมีความสุข
หลินเจียอินอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ขณะที่เธอฟังคำพูดของลูกสาว เด็กหญิงตัวเล็กคนนี้พูดมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนผู้ใหญ่เลย
เธอหยิบกล่องเงินใบเล็กในกระเป๋าของเจียงเสี่ยวไป๋ขึ้นมา แล้วถามด้วยคาดหวังว่า “แล้วนี่คืออะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เปิดมันดูสิ ! ”