ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 343 :ถึงบ้านแล้ว
ตอนที่ 343 :ถึงบ้านแล้ว
รถจี๊ปขับไปอย่างช้า ๆ บนถนนลูกรังตรงเข้าถนนกู่หยา กระทั่งสุดท้ายรถก็ได้หยุดในที่สุด
เมื่อหลินต้ากั๋วลงจากรถก็เห็นต้นเอมเก่าแก่ต้นใหญ่ อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมันเป็นเวลานานราวกับว่าเขากำลังนึกถึงฉากเดิม ๆ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กและวิ่งเล่นใต้ต้นเอมต้นนี้
ดวงตาของเขาค่อย ๆ เคลื่อนไปรอบ ๆ ราวกับว่ากำลังค้นหาบ้านหลังเก่าในความทรงจำของเขา แต่ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“พี่รอง บ้านและโรงเรือนเก่า ๆ พวกนั้นพังไปหมดแล้ว” หลินต้าเหว่ยชี้ไปที่บ้านสองชั้นของเขาแล้วพูดว่า “นี่คือบ้านหลังปัจจุบันของเรา สร้างขึ้นก่อนฉันแต่งงานในสมัยแรก ๆ ของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน”
หลินต้ากั๋วมองขึ้นไปและเห็นว่าเป็นอาคาร 2 ชั้นสมัยเก่า ผนังอิฐสีแดงที่มีตะไคร่น้ำถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยซึ่งแผ่กระจายไปทั่วระเบียงบนชั้นสองจนถึงหลังคา กำแพงอิฐสีแดงและใบไม้สีเขียวเข้ากันได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกถึงความผันผวนของเวลาและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ความกลมกลืนในความขัดแย้งนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความอบอุ่นเหมือนบ้าน
“ต้นเอมเก่ายังอยู่
ฉันก็กลับมาเช่นกัน
กาลครั้งหนึ่งเคยมีกระท่อมมุงจากหลังเก่า
แต่ตอนนี้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว”
หลินต้ากั๋วคร่ำครวญและถอนหายใจออกมา หลินต้าเหว่ยและหลิวอี้ถิงเองก็รู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้
“พี่รอง เข้าไปข้างในบ้านก่อนเถอะ! เมื่ออากาศเย็นลงในตอนกลางคืน ฉันจะพาพี่ไปเดินเล่นแถวนี้เพื่อชมพระจันทร์” หลินต้าเหว่ยกล่าว
หลินต้ากั๋วพยักหน้าและพูดด้วยความเสียใจ “ว่ากันว่าดวงจันทร์สื่อถึงการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันของครอบครัว วันนี้เพิ่งต้นเดือน 8 ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ถึงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์”
หลินต้าเหว่ยยิ้มและพูดว่า “ไม่ว่ามันจะเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์หรือไม่ แค่เราได้กลับมาอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็เพียงพอแล้ว”
พูดจบ พวกเขาก็เดินเข้าไปในบ้าน
“กลิ่นหอมมาก ! ”
ทันทีที่เข้าประตูมา หลินต้ากั๋วก็ได้กลิ่นของอาหารที่กระตุ้นต่อมรับรสของเขาจนอดอุทานออกมาไม่ได้
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “หลานเขยของพี่กำลังทำอาหารอยู่ พี่รองไปอาบน้ำก่อนเถอะ พอพี่อาบเสร็จ อาหารคงจะพร้อมทานพอดี”
“อืม ! ”
หลินต้ากั๋วไม่เกรงใจเช่นกัน การเดินทางเต็มไปด้วยฝุ่นควันและอากาศร้อน ทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
“คุณตา ! ”
“คุณตา ! ”
ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงสดใสสองเสียงดังขึ้น
หลินต้ากั๋วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันกลับไปเมื่อได้ยินเสียง ก่อนจะเห็นเจ้าตัวเล็กสองคนแหงนหน้ามองมาที่เขา
เขาตอบด้วยรอยยิ้มและพูดกับหลินเจียอินไปว่า “เด็กสองคนนี้เป็นลูกสาวของเธอหรือ ? ”
หลินเจียอินชี้ไปที่เจียงชานแล้วพูดว่า “เจียงชาน ลูกสาวของฉัน” จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เจียงถิงและพูดว่า “ส่วนนี่ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของชานชาน ชื่อเจียงถิงค่ะ”
หลินต้ากั๋วแตะศีรษะของเด็กน้อยทั้งสองแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “คุณตามาที่นี่มือเปล่า ไม่ได้เอาขนมติดตัวมาด้วย พรุ่งนี้คุณตาจะซื้อชดเชยให้นะ ! ”
เขาจำได้ว่า ตอนที่เขากลับมาจากเลิกงานเมื่อไม่กี่ปีก่อน หลานสาวของเขามักจะร้องตะโกนหาขนม แต่สำหรับผู้นำแบบเขา กระเป๋าของเขาสะอาดกว่าหน้าของตัวเองเสียอีก เขาไม่มีทางพกขนมติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเป็นอันขาด เขาทำได้เพียงสั่งให้ถังเสี่ยวโจวไปหาให้เท่านั้น
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า เจียงชานจะส่ายหัวหลังจากได้ยินคำพูดของเขา “หม่าม๊าบอกว่าการกินขนมมากไปจะทำให้ฟันผุ หนูเลยไม่ค่อยชอบกินขนมค่ะ”
อ่า……
หลินต้ากั๋วรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“แล้วชานชานอยากได้ของขวัญอะไรล่ะ คุณตาจะได้ซื้อให้ ! ”
เจียงชานยังคงส่ายหัวเหมือนเดิม “ป่าป๊าบอกว่าการมีมารยาทที่ดีต้องไม่ขอของจากคนอื่น หนูไม่สามารถรับของขวัญของคนอื่นได้”
หลินต้ากั๋วเหมือนถูกเด็กน้อยสั่งสอน เขาจึงพูดว่า “แล้วพ่อของหนูไม่ได้บอกหรือว่าคุณตาไม่ใช่คนอื่นไกล ? ”
เจียงชานกะพริบตา เธอเอียงศีรษะคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ป่าป๊าไม่เคยพูดถึงคุณตาให้หนูฟังค่ะ”
หลินต้ากั๋วได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาดังลั่น และคิดว่าเด็กคนนี้ตลกมาก
ในเวลานี้ หลินต้าเหว่ยก็ได้นำชุดใหม่ที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อให้เขามามอบให้หลินต้ากั๋วและพูดว่า “เราทั้งคู่ขนาดตัวพอกัน พี่ใส่ชุดของผมก่อนก็ได้ ชุดนี้เสี่ยวไป๋เพิ่งซื้อให้ ผมยังไม่ได้ใส่เลย”
เดิมที หลินต้ากั๋วนำของส่วนตัวมาด้วย แต่สัมภาระทั้งหมดของเขาอยู่ในรถอีกคัน
ดังนั้น เขาจึงหยิบเสื้อผ้าแล้วพูดกับเจียงชานด้วยรอยยิ้ม “ตาจะมาเล่นกับหนูหลังจากที่ตาอาบน้ำเสร็จนะ เด็กน้อย”
“ได้เลยค่ะ คุณตา ! ”
เมื่อหลินต้ากั๋วไปอาบน้ำ หลินเจียอินก็เริ่มที่จะอบรมเจียงชานว่า “อย่าใช้สำนวนในทางที่ผิดแบบนี้นะ ลูกไม่สามารถพูดแบบนั้นกับคุณตาได้”
“แล้วจะให้หนูพูดยังไงล่ะคะ ? ” ร่างเล็กถามออกมาด้วยความสงสัย
หลินเจียอินพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “ลูกต้องพูดกับคุณตาอย่างสุภาพ ! ”
เจียงชานถามกลับอย่างไม่ยอมว่า “หนูหยาบคายหรือ ? ”
เอ่อ……
หลินเจียอินไม่รู้จะพูดยังไง ดูเหมือนว่าลูกสาวของเธอจะไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ แต่เธอแค่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมเท่านั้น
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเจียงเสี่ยวไป๋ ดูสิว่าคุณสอนลูกสาวยังไงให้ได้แบบนี้ ?
หลินต้าเหว่ยพูดว่า “เอาล่ะ อินอินอย่าไปตำหนิเธอเลย ชานชานยังเป็นเด็ก ลูกไม่ต้องไปเคร่งครัดกับเธอมากหรอก”
หลังจากที่พ่อของเธอพูดออกมาแบบนั้น หลินเจียอินก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เธอได้แต่จ้องมองลูกสาวของเธอด้วยสายตาตำหนิ
โดยไม่คาดคิด เจ้าตัวเล็กก็หันหน้ามาที่เธอและแลบลิ้นออกมา แล้วรีบวิ่งไปอยู่ข้าง ๆ หลินต้าเหว่ย พลางพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไปว่า “คุณตา หม่าม๊าไร้เหตุผลและโหดร้ายกับหนูมากเลยค่ะ ! ”
หลินต้าเหว่ยหัวเราะเสียงดัง และอุ้มหลานสาวของเขาขึ้นมา “เธอจะกล้าได้ยังไง ! นี่บ้านคุณตาคุณยาย ตาจะเป็นคนปกป้องหนูเอง” เขายังแกล้งทำเป็นเข้มงวดและพูดกับหลินเจียอินไปว่า “ถ้าลูกกล้าดุหลานสาวของพ่ออีก พ่อจะลงโทษลูก ! ”
เด็กน้อยยิ้มกริ่มอย่างภาคภูมิใจ
หลินเจียอินพูดไม่ออก เธอได้แต่เหลือบมองหลินต้าเหว่ยอย่างไม่พอใจ มีใครสอนเด็กแบบนี้บ้าง ? โตมาจะนิสัยเสียเอาได้ !
แต่นี่คือพ่อของเธอ เธอจะทำอะไรได้ ?
ต้องฟังอย่างเดียว !
ดูเหมือนว่าในครอบครัวนี้จะมีเพียงเจียงเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่มีสิทธิ์สอนเจียงชาน นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือเธอก็ไม่สามารถทำให้เจียงชานขุ่นเคืองได้
และแล้วในตอนนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง
หลินเจียอินไปเปิดประตูก็เห็นถังเสี่ยวโจวยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองใบ ถังเสี่ยวโจวกล่าวว่า “ผมเอาของส่วนตัวของหัวหน้ามาให้ครับ”
หลินเจียอินรีบพูดว่า “อ้อ เชิญเข้ามาข้างในก่อนค่ะ”
เขาก็ทักทายหลินต้าเหว่ยเช่นกัน
“สวัสดีครับ นายอำเภอหลิน ขออภัยที่ต้องรบกวนคุณ ! ”
ถังเสี่ยวโจวกล่าวขณะเคลื่อนย้ายกระเป๋าเดินทางเข้ามาข้างในบ้าน
“เลขาถังสุภาพเกินไปแล้ว เราก็คนกันเองทั้งนั้น ! ”
หลินต้าเหว่ยพูดพร้อมหยิบกระเป๋าเดินทางย้ายไปที่มุมห้องนั่งเล่น
หลังจากที่ถังเสี่ยวโจววางกระเป๋าเดินทางของเขาลง หลินต้าเหว่ยก็เชิญให้เขานั่งลง ส่วนหลิวอี้ถิงก็ไปเอาชาสมุนไพรมาให้เขาหนึ่งถ้วย
ถังเสี่ยวโจวกล่าวขอบคุณ แต่เมื่อเขาไม่เห็นหลินต้ากั๋วในห้องนั่งเล่น เขาก็ถามออกไปว่า “นายอำเภอหลิน แล้วท่านผู้นำอยู่ที่ไหนครับ”
หลินต้าเหว่ยตอบว่า “เขาไปอาบน้ำแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวเอาเสื้อผ้าไปให้เขานะครับ ! ” ถังเสี่ยวโจวพูด แล้วลุกขึ้นเดินไปที่กระเป๋าเดินทาง
หลินต้าเหว่ยหยุดเขาว่า “เลขาถัง ไม่จำเป็น ฉันเตรียมเสื้อผ้าให้พี่รองไปแล้ว”
ถังเสี่ยวโจวจึงเดินกลับมานั่งลงที่เดิม และเริ่มพูดคุยกับหลินต้าเหว่ยต่อ
ไม่นานหลังจากนั้น หลินต้ากั๋วก็ออกมาจากห้องอาบน้ำ
“ท่านผู้นำ ! ”
ถังเสี่ยวโจวลุกขึ้นยืนและกล่าวทักทายทันที
หลินต้ากั๋วยกมือขึ้น “นั่งลงเถอะ อยู่บ้านแล้วไม่ต้องทางการอะไรหรอก”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ไม่สนใจถังเสี่ยวโจวและเรียกเจียงชานให้มาหาเขา “ชานชาน มานี่มา ! ”
เขากำลังจะแกล้งเจ้าตัวน้อยอีกครั้ง
ในเวลานี้ หลินเจียอินก็เริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟที่บนโต๊ะแล้ว
“ลุงรอง เลขาถัง มาทานอาหารกันเถอะค่ะ”
แม้ว่าพวกเขาจะแวะกินอาหารระหว่างทางมาบ้างแล้วในตอนเที่ยง แต่หลินต้ากั๋วก็ยังรู้สึกหิวเมื่อได้กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากอาหารบนโต๊ะ เมื่อเขาเดินไปที่โต๊ะ เขาก็เห็นกุ้งเครย์ฟิชสีแดงสดส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลออกมา จนเขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
ถังเสี่ยวโจวเองก็ไม่ดีไปกว่ากัน
เขาไม่รู้จักเมนูกุ้งอบน้ำมันนี้และเขายังคงสงสัยว่า: นี่คือเมนูอะไร มันถึงมีกลิ่นหอมมากแบบนี้ ! ”
ในขณะนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ออกมาพร้อมกับอาหารจานสุดท้ายในมือ นั่นคือหัวปลาหม้อไฟ
“เจียงเสี่ยวไป๋ ! ”
ถังเสี่ยวโจวอุทานออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋วางหัวปลาหม้อไฟบนเตา เขาเงยหน้าขึ้นมองถังเสี่ยวโจวแล้วยิ้มออกมา “สวัสดีเลขาถัง ! ”
จากนั้น เขาก็มองไปที่หลินต้ากั๋ว และดวงตาของหลินต้ากั๋วก็จับจ้องมาที่เขาเหมือนกัน
สายตาของพวกเขาสบกันอยู่ครู่หนึ่ง