ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 345 :ไปพักที่บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋หนึ่งคืน
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 345 :ไปพักที่บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋หนึ่งคืน
ตอนที่ 345 :ไปพักที่บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋หนึ่งคืน
ทำไมเธอถึงชอบมันล่ะ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ที่อาหารที่ผมทำมีรสชาติอร่อยก็เพราะผมอยากให้ครอบครัวได้กินของอร่อย ซึ่งผมเองก็ชอบทำอาหารด้วย”
“ผมแค่อยากทำในสิ่งที่ผมทำได้ดีและสิ่งที่ผมสนุกไปกับมัน”
หลินต้ากั๋วพยักหน้า เป็นเพราะเขานึกถึงวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้ประกอบการของเจียงเสี่ยวไป๋ จึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า: เจียงเสี่ยวไป๋ชอบทำอาหารจริงหรือ ?
เกรงว่าเขาน่าจะชอบทำธุรกิจมากกว่าใช่ไหม ?
เขาได้พบกับผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ มานับไม่ถ้วน และได้พูดคุยกับคนเหล่านี้ถึงรายละเอียดธุรกิจของพวกเขา แต่ไม่มีใครทำให้เขารู้สึกประหลาดใจได้เท่ากับเจียงเสี่ยวไป๋เลยสักคน
คนแบบนี้ หากมีเวทีที่ใหญ่กว่าให้เขาได้ลอง บางทีธุรกิจที่เขาสามารถสร้างได้อาจเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจินตนาการไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
“ทำในสิ่งที่เราถนัด ถือว่าเธอสรุปได้ดี ! ”
“คนมีความสามารถมักจะหาจุดที่ตัวเองควรอยู่เจอ”
หลินต้ากั๋วพูดอย่างมีความหมาย แต่เขาไม่ได้พูดมันออกมาโดยตรงว่าเขาจะสนับสนุนเจียงเสี่ยวไป๋อย่างไร
สำหรับเขา ทุกการตัดสินใจเป็นเรื่องสำคัญ
เห็นใครเข้าตาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องดูว่าคนเหล่านั้นจะผ่านการทดสอบได้หรือไม่ แล้วเขาถึงจะทำการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
หลินต้ากั๋วเริ่มคิดในใจว่าควรทดสอบอะไรกับชายหนุ่มคนนี้ดี ?
ตกดึก ทั้งสามก็กลับเข้าไปในบ้านเพื่อพักผ่อน
บ้านของหลินต้าเหว่ยเป็นอาคาร 2 ชั้นที่มีห้องนอนค่อนข้างเยอะ หลินต้ากั๋วและถังเสี่ยวโจวจึงพักอยู่คนละห้อง
ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นแต่เช้าเพื่อออกมาวิ่งในตอนเช้า และก็พบกับหลินต้ากั๋วโดยไม่คาดคิด
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสองไม่ได้พูดอะไรนอกจากการกล่าวสวัสดี และวิ่งแยกกันกันไปคนละทาง
หลังอาหารเช้า เจียงเสี่ยวไป๋ได้ขับรถและพาหลินต้ากั๋ว หลินต้าเหว่ย และถังเสี่ยวโจวไปที่นิคมอุตสาหกรรมก่อน จากนั้นก็ไปดูโรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอ และสุดท้ายก็ไปที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอสาขาในตัวเมืองเจี้ยนหยาง
หลินต้ากั๋วยังคงมีท่าทางสงบและสุขุม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแอบประหลาดใจ
ไม่ใช่ว่าธุรกิจในตอนนี้ของเจียงเสี่ยวไป๋นั้นใหญ่มาก แต่เขาเห็นว่าธุรกิจเหล่านี้จะยังสามารถขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นไปอีกในอนาคต
ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาสังเกตเห็นว่าอุตสาหกรรมที่เจียงเสี่ยวไป๋เลือกทำนั้นล้วนเป็นอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด ไม่ใช่อุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตและเทคโนโลยี
นี่แสดงให้เห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋มองเห็นถึงความสำคัญในการบริโภคที่เยอะขึ้นของมนุษย์ในอนาคต
ในตำแหน่งของเขา เขารู้ดีถึงนโยบายสำคัญของประเทศหลายนโยบาย และได้วิเคราะห์กำลังการบริโภคของประชาชนในประเทศในอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้า
ในความคิดของเขา ชัดเจนว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้เรื่องนี้ แต่มันเป็นเพราะวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของเจียงเสี่ยวไป๋ที่ทำให้เขาเลือกทำอุตสาหกรรมประเภทนี้
เขามองไปที่หลินต้าเหว่ยแล้วถอนหายใจ น้องชายของเขามีวาสนาได้ลูกเขยที่ดีจริง ๆ
หลังจากเที่ยงวัน พวกเขาก็กลับมาถึงบ้าน และเจียงเสี่ยวไป๋ก็รับบทพ่อครัวทำอาหารอีกครั้ง
“น้องเจียง ฉันอยากกินกุ้งอบน้ำมันอีก ! ”
ถังเสี่ยวโจวแอบเข้าไปในครัวและกระซิบบอกเจียงเสี่ยวไป๋
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ปฏิเสธ ถังเสี่ยวโจวก็มีความสุขมาก
“ถ้าไปเจียงเฉิงครั้งหน้า ฉันจะเลี้ยงปลาอู่ชางนึ่งซีอิ๊วอีก ! ”
ในเจียงเฉิง นอกเหนือจากปลาอู่ชางนึ่งซีอิ๊วแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีเมนูไหนขึ้นชื่ออีกเลย เขาเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋พอใจกับมื้ออาหารในครั้งที่แล้ว เขาจึงพูดมันออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วถามว่า “ครั้งที่แล้วที่คุณพูดว่าปลาอู่ชางในทะเลสาบเหลียงจือเป็นของแท้ งั้นก็แสดงว่าคุณคุ้นเคยกับทะเลสาบเหลียงจืองั้นหรือ ? ”
“ทำไม ? คุณอยากได้ปลาอู่ชางหรือ ? ” ถังเสี่ยวโจวถาม
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ผมแค่อยากได้ปู ! ”
อ่า ?
ถังเสี่ยวโจวไม่เข้าใจไปครู่หนึ่ง เขาพูดว่า “คุณยายของฉันอยู่แถบทะเลสาบเหลียงจือ ที่นั่นมีปูมากมาย แต่ใครเขากินปูกัน เนื้อก็ไม่มี ! มันไม่อร่อย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “กุ้งเครย์ฟิชก็ไม่มีเนื้อเหมือนกัน ! ”
ถังเสี่ยวโจวพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ “คุณทำให้ปูมีรสชาติเหมือนกับกุ้งได้ด้วยหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ปูจะมีรสชาติเหมือนกับกุ้งได้ยังไงล่ะ ? แต่ถ้าทำออกมาจะอร่อยแน่นอน”
ถังเสี่ยวโจวดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ครั้งต่อไปถ้าคุณไปเจียงเฉิง ฉันจะพาไปที่ทะเลสาบเหลียงจือ แล้วให้ลูกพี่ลูกน้องของผมจับปูมาให้”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วยทันที
ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน เนื้อปูจะชุ่มฉ่ำที่สุด แต่สิ่งที่เขาอยากทำไม่ใช่เอาปูไปทำเป็นอาหารกินเท่านั้น แต่เขาอยากจะเปิดร้านปูอบน้ำมันเหมือนร้านกุ้งอบน้ำมัน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงแนวคิดนี้ให้ถังเสี่ยวโจวฟังในขณะนี้
เพราะเขายังไม่แน่ใจว่าปูสามารถขนส่งไปยังชิงโจวได้หรือไม่
ในยุคนี้ การคมนาคมยังไม่ก้าวหน้าเหมือนในยุคหลัง
หลังจากที่ถังเสี่ยวโจวออกจากห้องครัวไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็ทำอาหารต่อ
วันนี้เขาทำกุ้งอบน้ำมันอีกครั้ง และเมนูซี่โครงแกะหม้อไฟ
ซี่โครงแกะหม้อไฟแสนอร่อยได้รับการชื่นชมจากหลินต้ากั๋วและถังเสี่ยวโจวเช่นเคย
ช่วงบ่ายอากาศร้อนมากจนไม่มีใครออกไปข้างนอก
หลินต้ากั๋วและหลินต้าเหว่ยกำลังคุยกันในห้องนั่งเล่น เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ว่าง เขาก็ไปทำงานในห้องทำงานของหลินต้าเหว่ยต่อเพื่อวาดแบบแปลนโครงสร้าง
ยิ่งคลังกระจายสินค้าในเจียงเฉิงเสร็จสมบูรณ์เร็วเท่าไหร่ การพัฒนาอุตสาหกรรมหลายอย่างของเขาก็จะสามารถเร่งตัวเร็วขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากรอช้าไปกว่านี้
เมื่อเห็นว่าห้องทำงานเปิดไฟไว้เป็นเวลานาน หลิวอี้ถิงก็เดินเข้ามา
เหตุผลก็คือ เนื่องจากพรุ่งนี้หลินต้ากั๋วจะออกเดินทาง เธอจึงอยากมาขอให้เจียงเสี่ยวไป๋ไปรับหลินเจียเหวยหลินเจียเล่อให้กลับมากินข้าวกับลุงรองของพวกเขาก่อน
หากว่าเขากลับไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาอีกเมื่อไหร่
ส่วนหลินต้าเหว่ยกำลังพูดคุยเป็นเพื่อนหลินต้ากั๋ว ดังนั้นหลิวอี้ถิงจึงต้องจัดการเรื่องนี้เอง
ในวันที่อากาศร้อน หลิวอี้ถิงได้ขอให้เจียงเสี่ยวไป๋ขับรถไปรับลูกของเธอถึงสามที่
“แม่คงไม่รบกวนงานของลูกใช่ไหม ? ” หลิวอี้ถิงถาม
“ไม่หรอกครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางปากกาในมือลง เขายืนขึ้นและเดินออกจากห้องไป
ใครจะไปกล้าขัด แม่ยายมีคำสั่งแล้ว ฉันก็ต้องจัดการเรื่องของแม่ยายก่อนสิ
ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงขับรถไปที่โรงเบียร์ก่อนเพื่อรับหลินเจียเหวยและภรรยา จากนั้นก็ไปที่โรงเรียนประถมเขต 1 ของเจี้ยนหยางเพื่อไปรับหลินจื้อเสียนและหลินจื้อหลิน และที่สุดท้ายคือ โรงเรียนมัธยมต้นเขต 1 เพื่อไปรับหลินเจียเล่อ
หลังจากรับทุกคนมาแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังไม่ได้กลับไปวาดแบบแปลนต่อ เพราะต้องเข้าครัวเพื่อทำอาหาร
มีคนจำนวนมากมารับประทานอาหารในช่วงเย็น นอกจากนี้ยังเป็นมื้อสุดท้ายของหลินต้ากั๋วที่เจี้ยนหยางด้วย หากอยากให้เสร็จทัน เขาก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่ยังไม่ถึงตอนเย็น
เมนูทั้งหมด ได้แก่ กุ้งอบน้ำมัน กุ้งผัดกระเทียม ขาแกะย่าง ข้าวตุ๋นต้มหัวปลาเสฉวน ไก่ย่าง คากิตุ๋น เบคอนผัด ผัดมันฝรั่ง มะระผัดพริกเขียว ฯลฯ
นี่คือมื้ออาหารสุดหรูสำหรับทุกคน
เจียงเสี่ยวไป๋ทำความสะอาดห้องครัวแล้วเดินออกไปหาพ่อตาและครอบครัวของเขา เขาจำได้ว่าตอนที่เขาซื้อกล้องให้เจียงเสี่ยวชิง เขาก็ซื้อให้ตัวเองอีกตัว ดังนั้นเขาจึงหยิบกล้องออกมาจากรถเพื่อที่จะเก็บภาพทุกคนเอาไว้
สิ่งนี้ทำให้หลินต้ากั๋วมีความสุขมาก และคนอื่น ๆ ในตระกูลหลินก็มีความสุขมากเช่นกัน
ในห้องนั่งเล่น หน้าบ้าน และใต้ต้นเอมเก่า พวกเขาถ่ายรูปกับทุกที่ จนใช้ฟิล์มหมดไปสองม้วน
“หลังจากล้างและอัดรูปแล้วก็ส่งไปรษณีมาให้ฉันด้วยนะ ! ” หลินต้ากั๋วกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ได้ครับลุงรอง ! ”
หลินต้ากั๋วมองดูเขาแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปเยี่ยมชมโรงงานที่เหลือของเธอในชิงโจว และจะไปพักที่บ้านของเธอหนึ่งคืน ก่อนจะกลับไปที่เจียงเฉิงในวันมะรืนนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง การที่หลินต้ากั๋วจะไปเยี่ยมชมโรงงานของเขาไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลินต้ากั๋วจะมาพักที่บ้านของเขาเป็นเวลาหนึ่งคืน
“อะไร ? ไม่อยากต้อนรับฉันหรือ ? ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ยังคงอึ้งอยู่ หลินต้ากั๋วก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกตัวขึ้นมาทันที และพูดว่า “ลุงรองต้องการไปพักที่บ้านของผม แน่นอนว่าผมก็ต้องยินดีต้อนรับอยู่แล้วครับ”
หลินต้ากั๋วหัวเราะออกมาเสียงดัง “เหตุผลหลักคืออาหารที่เธอทำนั้นอร่อยมาก ฉันอยากจะกินอีกสักมื้อก่อนออกเดินทาง พรุ่งนี้ต้องทำอาหารที่อร่อยที่สุดต้อนรับฉันนะ”
“ได้เลยครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ปฏิเสธ และคิดในใจว่าพรุ่งนี้เขาจะต้อนรับหลินต้ากั๋วด้วยเมนูอะไรดี ?